“เจ้าหน้าที่ผู้กำหนดนโยบาย BOJ มองเห็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลงกรอบความคิดภาวะเงินฝืด”

ญี่ปุ่นกำลังมองเห็นสัญญาณเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในการที่รับรู้กันมายาวนานของสาธารณชนว่าค่าจ้างและอัตราเงินเฟ้อจะไม่เพิ่มขึ้นมากนัก เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของธนาคารกลาง Mr.Hajime Tanaka กล่าวพร้อมชี้ว่าเงื่อนไขในการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของธนาคารกำลังจะเข้าที่แล้วและเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรักษานโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษ เนื่องจากการชะลอตัวของการเติบโตทั่วโลกทำให้เกิดความไม่แน่นอนว่าญี่ปุ่นจะสามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) ได้อย่างยั่งยืน มีสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในราคาบริษัทและพฤติกรรมการกำหนดค่าจ้าง ที่ไม่เพียงแต่ผลักดันราคาสินค้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงราคาบริการด้วย ซึ่งชี้ไปที่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ขยายวงกว้างขึ้นในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสามของโลก
แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อล่าสุดได้รับแรงหนุนจากต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้นเป็นส่วนใหญ่ แต่การเพิ่มขึ้นของราคาส่งผลให้บริษัทหลายแห่งต้องขึ้นค่าจ้างเพื่อชดเชยพนักงานสำหรับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า
สมาชิกคณะกรรมการ BOJ อีกสองคน ตั้งข้อสังเกตให้มุมมองที่แตกต่างกันว่าธนาคารกลางจะไม่สามารถพิจารณาลดขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รุนแรงได้รวดเร็ว เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเกินเป้าหมาย 2% ของ BOJ มานานกว่าหนึ่งปี ตลาดทุนที่ร้อนแรงมีการคาดเดาว่าธนาคารกลางจะยกเลิกโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของอดีตรัฐบาล Haruhiko Kuroda ในไม่ช้าธนาคารกลางจะต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยให้ต่ำเป็นพิเศษจนกว่าอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่งและการเติบโตของค่าจ้างที่ยั่งยืนจะเข้ามาแทนที่ต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนหลักของอัตราเงินเฟ้อ
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นแตะ 3.1% ในเดือนกรกฎาคม สูงกว่าเป้าหมาย 2% ของ BOJ ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 16 บริษัทต่างๆ ยังให้คำมั่นว่าจะขึ้นค่าจ้างอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในรอบ 3 ทศวรรษในปีนี้

บทวิเคราะห์ (ผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย)
ตัวเลขเงินเฟ้อในกรุงโตเกียว เมืองหลวงของญี่ปุ่น มีการชะลอตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนส.ค. แต่ก็ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กำหนดไว้ ซึ่งอาจจะกดดันให้คณะกรรมการ BOJ ยุติการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษ (Ultra-easy Policy) ภาคเอกชนอาจต้องขึ้นค่าจ้างเพื่อชดเชยพนักงานสำหรับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารสด แต่รวมเชื้อเพลิง ในกรุงโตเกียว ปรับตัวขึ้น 2.8% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.9% และชะลอตัวลงจากเดือนก.ค.ที่ปรับตัวขั้น 3% แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ของ BOJ ติดต่อกันเป็นเวลานานถึง 16 เดือน จากผลกระทบดังกล่าว จะทำให้ประเทศญี่ปุ่น ขาดดุลการค้าหนักขึ้นไปอีก การท่องเที่ยวญี่ปุ่น จะเฟื่องฟูขึ้นอย่างมาก เนื่องจากค่าเงินเยนที่อ่อน ส่งผลให้ชาวต่างชาติที่อยากเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น สามารถมาเที่ยวได้ง่ายขึ้น


 

ฉบับที่ 49 ประจำวันที่ 2 – 8 กันยายน 2566
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น


แปลและเรียบเรียงจาก
https://www.japantimes.co.jp/business/2023/09/06/economy/boj-inflation-monetary-policy/

thThai