บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Moody’s Investors Service หรือ Moody’s เผยแพร่ผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งประเทศโอมานได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Sovereign Credit Rating) ที่ Ba1  ทรงตัวเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันในปีนี้ และมุมมองความน่าเชื่อถือ (Outlook) ของโอมานก็ยังคงระดับที่ ‘มีเสถียรภาพ’ หรือ ‘Stable Outlook’โดยได้การประเมินจาก 2 ปัจจัยสำคัญ คือ ประสิทธิผลของมาตรการคลังที่ใช้ในการพยุงและฟื้นฟูเศรษฐกิจ บวกกับความสามารถในการบริหารจัดการหนี้ในระยะข้างหน้า

การเงินการคลัง

รัฐบาลโอมานเผยแพร่รายงานผลการคลังของกระทรวงการคลังโอมาน ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2566 ว่าสามารถจัดเก็บรายได้รวม 25,459 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 17% เมื่อเทียบกับ 30,816 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่เก็บได้ในช่วงเดียวกันของปี 2565  มีรายได้สุทธิจากน้ำมันปิโตรเลียมที่  14,147 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ลดลง 12% เทียบกับมูลค่า 16,088       ล้านเหรียญสหรัฐฯเมื่อปี 2565 โดยราคาน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 81 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล และโอมานมีปริมาณการผลิตน้ำมันเฉลี่ยที่ระดับ 1,053,000 บาร์เรลต่อวัน  รายได้สุทธิจากก๊าซธรรมชาติประมาณ 4,505 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ลดลง 43% เทียบกับมูลค่า 7,926  ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นรายได้มาจากการหักค่าซื้อก๊าซและค่าขนส่งที่จัดเก็บโดยบริษัทก๊าซครบวงจร

รายได้รัฐอยู่ที่  6,775 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  โดยมากกว่าช่วงเดียวกันจากปีงบประมาณก่อน 36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือมูลค่า 6739 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

การใช้จ่ายภาครัฐ ณ  ตุลาคม 2566 ประมาณ 2,330 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากการใช้จ่ายจริงในช่วงเดียวกันของปี 2565 จำนวน 4,375 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็น 16% เมื่อเทียบกับการใช้จ่ายในช่วงเดียวกันของปีก่อน  โดยมีรายจ่ายประจำ 17,851 ล้านเหรียญสหรัฐฯ   ลดลง 2,616 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับ 20,467    ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของปีก่อน เนื่องจากการตัดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อก๊าซและการขนส่งออกจากงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด

ในขณะที่ค่าใช้จ่ายด้านการพัฒนาของกระทรวงกิจการพลเรือนและหน่วยงานของรัฐ   จำนวนนี้สูงถึง 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ   คิดเป็น 86% ของค่าใช้จ่ายด้านการพัฒนาทั้งหมดที่จัดสรรในปี 2566 หรือ 2,338  ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ รวม 3,320 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือลดลง 16% เมื่อเทียบกับ 3,967 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของปีก่อน

เงินอุดหนุนค่าไฟฟ้า และเงินอุดหนุนผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จำนวน 1,060 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ   613 ล้านเหรียญสหรัฐฯตามลำดับ นอกจากนี้ มีการโอนเงิน 865 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เข้าสมทบโครงการงบประมาณหนี้ในอนาคต

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

ในช่วงเดือน ม.ค.-ต.ค. 2566 โอมานต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 3 ล้านคน เพิ่มขึ้น 41.2% เทียบกับปี 2565 โรงแรมระดับดาวมีจำนวนผู้เข้าพักถึง 16.5 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2565 สร้างรายได้รวม 463 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือ เพิ่มขึ้น 27.8%   อัตราการเข้าพักโรงแรมระดับ    (3-5) ดาว อยู่ที่ 53.7% เพิ่มขึ้นร้อยละ 99 และจากข้อมูลของศูนย์สถิติและข้อมูลแห่งชาติ มีจํานวนนักท่องเที่ยวในเขตอนุรักษ์เต่าทะเล Ras Al Jinz เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดถึง 40.5% ในปีนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยว 41,605 คนเทียบกับ 29,602 คน ในช่วงเดียวกันของปี 2565

ซึ่งจากผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลแสดงถึงสัญญาณทางเศรษฐกิจที่ปรับตัว มีรายได้ทดแทนจากน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ การกำหนดนโยบายที่สอดคล้อง สอดรับกับสถานการณ์ รวมทั้งตัวเลขการบริโภคและการท่องเที่ยวของโอมานที่เริ่มกลับมาดีขึ้น   ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล รัฐบาลโอมานตระหนักดีถึงความ   ท้าทายในปัจจุบันที่โลกและประเทศกำลังเผชิญ พร้อมและประเมินศึกษาหาแนวทางการดำเนินนโยบายที่เหมาะสม  เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อวิถีชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน ดังนั้นโอมานจึงเป็นตลาดส่งออกของไทยที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง

การค้าของไทยกับโอมาน

ปี 2566 (ม.ค.-ต.ค) มีมูลค่าการค้ารวม 1,437 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+44.3%) มีมูลค่าการส่งออกไปโอมาน 336.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (-8.0%) และนำเข้า 1,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+62.1%)

สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออก ได้แก่ รถยนต์    เคมีภัณฑ์    เครื่องปรับอากาศ    ผลิตภัณฑ์ยาง    ตู้เย็นและตู้แช่แข็ง   เครื่องจักรกล    และปลากระป๋อง

สินค้าที่ไทยนำเข้าจากโอมาน คือ ก๊าซธรรมชาติ    รองลงไปคือสินค้าเหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์  เคมีภัณฑ์  ปุ๋ย และน้ำมันดิบ

 

 

 

 

thThai