ตลาดอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซหลายแห่งกำลังมุ่งเข้าสู่การนำเสนอผ่านการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ (Generative Artificial Intelligence) หรือที่รู้จักกันสั้น ๆ ว่า “AI” ซึ่งน่าจับตามองเป็นพิเศษ อีกทั้งฝ่ายอีคอมเมิร์ซของ Baidu ก็ยังเปิดเผยว่า GMV ของ Baidu Select เพิ่มขึ้นร้อยละ 594 เมื่อเทียบจากปีที่แล้ว เช่นเดียวกับจำนวนผู้ใช้และผู้ขายผ่านมือถือที่เพิ่มขึ้น 4 เท่าและ 3 เท่าตามลำดับ ธุรกรรมต่าง ๆ ที่อำนวยความสะดวกผ่านระบบของ AI คิดเป็นร้อยละ 20 ของธุรกรรมทั้งหมด ซึ่งหมายความว่า ระบบของ AI มีบทบาทสำคัญอย่างมากในกระบวนการธุรกรรมของอีคอมเมิร์ซ ด้วยการสนับสนุนของนโยบายและการพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง เช่น 5G

อุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ของจีนได้เข้าสู่ขั้นตอนการเติบโตอย่างรวดเร็วด้วยความร่วมมือกันจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ประกอบกับศักยภาพในการพัฒนาตลาดที่ค่อนข้างสูง โดยอ้างอิงจากข้อมูลของ iiMedia Consulting แสดงให้เห็นว่าขนาดอุตสาหกรรมของจีนที่เน้นพัฒนาปัญญาประดิษฐ์เป็นหลัก มีมูลค่าสูงถึง 1.5 แสนล้านหยวนในปี 2563 ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 4 แสนล้านหยวนในปี 2568 และคาดว่าจะพัฒนาเป็นตลาดปัญญาประดิษฐ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกในอนาคต

ตลาดอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซมุ่งการนำเสนอรูปแบบด้วย AI

แหล่งที่มาของรูป : https://img.iimedia.cn/1000130f0cc4a3eaa8c3032d5bab3b50492e004c3ce6b5450768e62bdd7dcb2509bff

เนื่องจากเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซผ่านระบบ AI ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จึงกลายเป็นกระแสใหม่ที่ดึงดูดให้บริษัทจำนวนมาก เริ่มปรับใช้ AI เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและมอบประสบการณ์ดี ๆ ให้ผู้ใช้ธุรกรรมอีคอมเมิร์ซ  ซึ่งระบบ AI ก็ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับหลาย ๆ บริษัท ยกตัวอย่างเช่น อาลีบาบา (阿里巴巴) ที่มุ่งมั่นในการประยุกต์เทคโนโลยี AI เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมผู้ใช้ พฤติกรรมการซื้อ หรือข้อมูลอื่น ๆ ทำให้บริษัทได้รับข้อมูลจากพฤติกรรมเหล่านั้นได้ละเอียดยิ่งขึ้น และสามารถนำไปเพิ่มสมรรถภาพในการให้บริการหรือให้คำแนะนำแก่ผู้ใช้ได้ หากผู้ใช้รายนั้นเกิดความสงสัยหรือประสบปัญหาระหว่างใช้งาน อีกทั้งอาลีบาบาก็ได้เปิดตัวแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่ใช้ระบบ AI เป็นหลัก เช่น การบริการลูกค้าแบบโต้ตอบโดยข้อความอัจฉริยะที่ใช้ AI โต้ตอบแทนพนักงาน เพื่อช่วยผู้ใช้แก้ปัญหาที่พบในระหว่างการชอปปิง

ไม่ใช่แค่อาลีบาบาเท่านั้นที่นำเทคโนโลยีนี้มาประยุกต์ แพลตฟอร์มอย่าง พินตัวตัว (拼多多) ก็ตั้งใจนำ AI มาปรับใช้ในด้านอีคอมเมิร์ซ เพื่อวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ และเมื่อไม่นานมานี้ พินตัวตัวได้เปิดตัวระบบบริการและกิจกรรมในแพลตฟอร์มที่สามารถปรับแต่งตามความต้องการด้วยเทคโนโลยีของ AI ซึ่งจะช่วยตอบโจทย์พร้อมทั้งแก้ปัญหาต่าง ๆ ในระหว่างการชอปปิงของผู้ใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซขนาดใหญ่เท่านั้นที่เริ่มใช้เทคโนโลยีเอไอ เพราะในปัจจุบันก็ยังปรากฏบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ใช้ AI เกิดขึ้นใหม่อีกหลายแห่ง และบางแห่งก็เติบโตได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ แปรรูปให้เป็นผลิตภัณฑ์อัจฉริยะ สามารถใช้งานในด้านต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องอาศัยแรงงานมนุษย์ เช่นในด้านการจำแนกประเภท กำหนดราคา และในด้านอื่น ๆ ทั้งนี้ สามารถสรุปได้ว่า แทบทุกบริษัทต้องการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้งานธุรกรรมอีคอมเมิร์ซของตนเอง

ข้อคิดเห็น สคต.เซี่ยงไฮ้

ปัจจุบันการใช้เทคโนโลยี AI ในอีคอมเมิร์ซกำลังเป็นกระแสที่เกิดขึ้นใหม่จำนวนบริษัทที่เริ่ม AI มาประยุกต์ใช้กับธุรกิจก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากเทคโนโลยี AI ได้รับการสนับสนุนทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชนของประเทศจีน ประกอบกับตลาดอีคอมเมิร์ซที่ขยายตัวตลอดเวลา ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เทคโนโลยี AI จะนำการเปลี่ยนแปลงและสร้างนวัตกรรมใหม่มาสู่อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซ

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ทางสคต.เซี่ยงไฮ้มีความคิดเห็นว่า หากผู้ประกอบการไทยต้องการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซ หรือทำการตลาดอีกคอมเมิร์ซในประเทศจีน ก็จะต้องศึกษาระบบของ AI ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และปรับตัวให้เข้ากับเทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ทัดเทียมกับการแข่งขันในตลาดอีคอมเมิร์ซจีนได้

 จัดทำโดย สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเซี่ยงไฮ้

แหล่งที่มา 

https://www.iimedia.cn/c1088/98464.html

thThai