จากข้อมูลพบว่า กาตาร์และรัสเซียจะไม่ส่งเรือบรรทุกก๊าซธรรมชาติเหลว (เรียกว่า LNG) ผ่านทะเลแดงซึ่งเป็นข้อมูลที่บริษัทวิจัยตลาด ICIS ได้ทำการประเมินไว้ ซึ่งก่อนหน้านี้ประเทศตะวันตกหลายประเทศเองก็ได้ประกาศระงับการขนส่งสินค้าทางเรือผ่านเส้นทางดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจากการประเมินสถานการณ์ในปัจจุบัน พบว่า เรือ LNG ทุกลำจากประเทศกาตาร์และรัสเซียที่กำลังมุ่งหน้าไปยังทะเลแดงหรือคลองสุเอซตอนนี้ได้หันหลังกลับและเปลี่ยนไปใช้เส้นทางอื่นแทนเรียบร้อยแล้ว โดยนาย Alex Froley นักวิเคราะห์ของ ICIS กล่าวว่า “ตอนนี้แทบจะไม่มีเรือ LNG ในทะเลแดงเลย” นอกจากนี้ จากข้อมูลของ ICIS ยังพบอีกว่า ในเดือนมกราคม 2024 มีเรือบรรทุก LNG เพียง 5 ลำเท่านั้น ที่แล่นผ่านคลองสุเอซ จากที่เคยมีถึง 30 – 40 ลำในเดือนธันวาคม 2023 นอกจากนี้ จากข้อมูลของ ICIS ยังพบอีกว่า มีเรือ LNG ประมาณ 700 ลำในทั่วโลก ที่มีเครื่องส่งตำแหน่ง ซึ่งนาย Froley อธิบายว่า “เครื่องมือตัวนี้จะช่วยให้เราสามารถติดตามเส้นทางการเดินเรือได้” และล่าสุดเรือของสหรัฐฯ ได้หยุดใช้เส้นทางดังกล่าวแล้วเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย “เรือ LNG ลำสุดท้ายของสหรัฐฯ ที่แล่นผ่านทะเลแดงได้เดินทางไปยังปากีสถาน และข้ามช่องแคบ Bab al-Mandab เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2024”
อย่างไรก็ดี เรือจากกาตาร์และรัสเซียยังคงใช้เส้นทางทะเลแดงและคลองสุเอซจนถึงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา หรือถ้าลงรายละเอียดแล้วเรือจากกาตาร์จำนวน 3 ลำ ตอนนี้อยู่ใกล้กับโอมานได้เปลี่ยนแปลงเส้นทางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหันไปใช้เส้นทางทิศใต้แล้ว และมีแนวโน้มที่จะใช้เส้นทางผ่านแอฟริกาต่อไปอีกสักระยะ ในเวลาเดียวกันเรือที่เดินทางมาจากรัสเซียได้หมุนกลับลำ 180 องศา ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนทางตอนเหนือของคลองสุเอซ และกำลังมุ่งหน้ากลับไปทางทิศตะวันตกแทนเช่นกัน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักข่าว Reuters ได้อ้างอิงข้อมูลจากบุคคลในระดับสูงและรายงานว่า เนื่องด้วยสถานการณ์ความไม่สงบในทะเลแดง กาตาร์จะไม่ส่งเรือ LNG ผ่านคลองสุเอซ โดยเส้นทางการเดินเรือที่ผ่านทะเลในตะวันออกกลางจะถูกระงับไว้ก่อนเพื่อให้บริษัท Qatar Energy (บริษัทพลังงานของรัฐ) มีเวลาเพียงพอในการประเมินสถานการณ์ด้านความปลอดภัยก่อน ในเวลานี้ กลุ่มกบฏฮูตีที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในเยเมน ซึ่งเป็นประเทศที่มีชายฝั่งติดกับทะเลแดง ได้ออกมาประกาศแสดงความเห็นใจกลุ่มฮามาสอิสลามหัวรุนแรงในฉนวนกาซา เป็นเวลาหลายสัปดาห์แล้วที่กบฏฮูตีเข้าโจมตีเรือนอกชายฝั่งที่พวกเขาควบคุมซ้ำแล้วซ้ำอีก และเพื่อเป็นการตอบโต้กลุ่มกบฏฯ ทั้งสหรัฐฯ และอังกฤษได้โจมตีฐานที่มั่นของกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน เพื่อเป็นการตอบโต้ที่เรือสินค้าของสหรัฐฯ ถูกโจมตีด้วยจรวดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา นาย Froley กล่าวว่า “อย่างน้อยในบางเส้นทาง ก็มีความเป็นไปได้ที่ราคาการส่งแก๊สอาจจะปรับราคาสูงขึ้นได้ในอนาคต” ซึ่งปัญหานี้ “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเรือจากสหรัฐฯ ที่มุ่งหน้าไปญี่ปุ่น หากต้องเดินทางผ่านทวีปแอฟริกา” แต่เมื่อ “เรือ LNG จากกาตาร์เดินทางไปยังประเทศอิตาลี ซึ่งปกติใช้เวลาประมาณ 13 วัน ในการผ่านทะเลแดงและคลองสุเอซ กลับต้องเดินทางอ้อมแอฟริกา ซึ่งต้องใช้เวลา 29 วันโดยประมาณ” ซึ่งแน่นอนจะทำให้ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ระยะเวลาของการขนส่งที่นานขึ้น ซึ่งนั่งก็หมายความว่า บริษัทต่าง ๆ จะต้องใช้เรือเพิ่มขึ้นเพื่อที่จะสามารถส่งมอบสินค้าไปยังประเทศเป้าหมายของตนตามเวลาที่ตกลงกันไว้ได้ โดยเรือขนส่ง LNG ที่มีอยู่ทั่วโลกนั้น มีจำนวนจำกัดอยู่แล้วก็จะทำให้เกิดความต้องการเรือเพิ่มขึ้นไปอีก สิ่งที่ตามมาก็คือ ทำให้ราคาค่าเช่าเรือในตลาดสูงขึ้นไปอีก โดยเรือ LNG นั้นเป็นเรือที่ต้องสั่งทำพิเศษ มีความซับซ้อน และเหนือสิ่งอื่นใดไม่สามารถที่จะต่อเรื่อดังกล่าวได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาแทบจะไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ในตลาดแก๊สต่อเหตุการณ์ล่าสุดในทะเลแดง ราคาแก๊สในตลาดหลักทรัพย์ TTF ปัจจุบันอยู่ที่ 29 ยูโรต่อ 1 เมกะวัตต์ชั่วโมง ลดลงกว่าสัปดาห์ก่อนหน้าที่อยู่ที่ 32 ยูโรต่อ 1 เมกะวัตต์ชั่วโมง ด้านนาย Froley ให้ความเห็นว่า ผู้ค้าแก๊สเห็นว่าความต้องการพลังงานในฤดูหนาวนี้อยู่ภายใต้การควบคุม และไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และยังได้กล่าวต่ออีกว่า “แน่นอนที่คนจำนวนหนึ่งแอบคิดว่าเหตุการณ์ในทะเลแดงจะทำให้ราคาแก๊สพุ่งสูงขึ้น” แต่ผู้ค้าในยุโรปกลับเห็นว่าแท็งค์จัดเก็บ LNG ในยุโรปยังมีปริมาณเพียงพอและเต็มอยู่ อีกทั้งมีแนวโน้มที่อากาศจะไม่หนาวเย็นรุนแรงอีกต่อไปในช่วงสัปดาห์ที่เหลือ “ดังนั้นสถานการณ์ราคา LNG จึงดูดีมากทีเดียว” สำหรับบางบริษัทแล้ว การเปลี่ยนแปลงทิศทางการเดินเรือเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง อย่างเปลี่ยนเรือที่ออกจากสหรัฐอเมริกาที่จริง ๆ แล้วจะต้องเดินทางผ่านคลองสุเอซจากตะวันตกเฉียงเหนือไปตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น ก็ให้อยู่ทางตะวันตกต่อและส่งไปยังยุโรปแทนได้ การกระทำดังกล่าวทำให้เรือจากกาตาร์ที่อยู่ทางตะวันออกของโลกสามารถกลับลำนำ LNG ส่งไปยังญี่ปุ่นแทนยุโรปได้ก่อนเช่นกัน จากข้อมูล ICIS แสดงให้เห็นว่า เรือของกาตาร์ลำหนึ่งไม่ได้มุ่งหน้าไปทางตะวันตกเดินทางออกจากประเทศกาตาร์อีกต่อไป แต่ได้หันไปทางตะวันออกแทน ซึ่งเป็นไปได้ว่า หลังจากการแลกเปลี่ยนแล้วเรือลำนี้จะส่งมอบ LNG ให้เอเชียแทนที่จะเป็นยุโรป ปัจจุบันกาตาร์เป็นผู้ส่งออก LNG ที่สำคัญรายหนึ่งสำหรับยุโรป ในปีที่ผ่านมา 13% ของการส่งมอบ LNG ทั้งหมดในยุโรปมาจากกาตาร์ อย่างไรก็ตามสหรัฐอเมริกาก็ยังมีความสำคัญมากกว่าเพราะกว่า 48% ที่ถูกนำเข้ามายังยุโรปมาจากสหรัฐฯ นั้นเอง ดังนั้น การตัดสินใจของกาตาร์ที่จะหลีกเลี่ยงเดินทางผ่านทะเลแดงในขั้นแรกน่าจะส่งผลกระทบกับประเทศที่มีสัญญาการจัดหา LNG ระยะยาวต่อกาตาร์เป็นหลัก ในปี 2023 ประเทศอิตาลีได้นำเข้า LNG มากกว่าครึ่งหนึ่งจากกาตาร์ จากข้อมูลของนาย Froley ทำให้ทราบว่า เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาเรือ LNG ของกาตาร์ที่พึ่งเปลี่ยนเส้นทางหลังจากที่เดินทางผ่านแอฟริกาเรียบร้อยแล้วก็กำลังมุ่งหน้าไปยังอิตาลีหรือโปแลนด์ต่อไป จากข้อมูลดังกล่าวยังทำให้ทราบว่า เรือ LNG ธรรมดาหนึ่งลำนั้นสามารถบรรทุก LNG ได้ประมาณ 100 ล้านลูกบาศก์เมตรหรือ 1 ใน 4 ของปริมาณแก๊สธรรมชาติที่เยอรมนีต้องการใช้ใน 1 วันโดยประมาณ ตามข้อมูลของ Froley ยังแจ้งให้ทราบอีกว่า แก๊สบนเรือลำเดียวอาจมีมูลค่าสูงถึง 40 ล้านเหรียญสหรัฐเลยทีเดียว
จาก Handelsblatt 5 กุมภาพันธ์ 2567