ในช่วงที่ผ่านมาตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมของตุรกีได้มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีปัจจัยหลายประการที่ส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวดังกล่าว อาทิ การขยายตัวของชุมชนเมืองเพิ่มขึ้น การตื่นตัวของผู้คนในเรื่องการดูแลตัวเอง อิทธิพลของสื่อโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
สินค้าจากธรรมชาติและออแกนิกส์ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นตามกระแสรักสุขภาพที่ขยายตัว สินค้าที่มีจุดขายในเรื่องของสุขภาพและความยั่งยืน ปลอดจากสารเคมีปรุงแต่ง รวมทั้งเอาใจใส่ต่อสิ่งแวดล้อมได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี สินค้าที่ได้รับการรับรองฮาลาลเป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น และอีกเทรนด์หนึ่งที่น่าสนใจคือสินค้าสำหรับผู้ชายมีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ความท้าทายสำหรับผู้ประกอบการที่ต้องการขยายตลาดสินค้ากลุ่มนี้ในตุรกีอันดับแรกคือ ผลิตภัณฑ์ที่จะสามารถจำหน่ายได้จะต้องเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยที่กำหนดซึ่งโดยหลักแล้วเป็นไปตามมาตรฐานสากลทั่วไป อย่างไรก็ตาม การแข่งขันในตลาดสำหรับสินค้าในกลุ่มนี้ของตุรกีถือว่าค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากมีทั้งสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตุรกีเอง สินค้านำเข้าจากยุโรปที่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี และสินค้าที่เป็น Global Brand ที่มีการตั้งโรงงานผลิตในตุรกี ซึ่งผู้บริโภคตุรกีนับว่ามีความอ่อนไหวเรื่องราคาค่อนข้างมาก สินค้าที่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาสูง หากแบรนด์ยังไม่เป็นที่รู้จักจะทำตลาดได้ยาก นอกจากนี้ ยังต้องระมัดระวังในเรื่องการปลอมสินค้าและการลอกเลียนแบบด้วย
ผู้ประกอบการที่สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตรงตามความต้องการของผู้บริโภคในตลาดตุรกีได้ดีย่อมจะมีโอกาสที่จะสามารถขยายตลาดได้ จึงควรต้องให้ความสำคัญกับการศึกษาข้อมูลและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจำหน่ายสินค้าสำหรับสินค้าประเภทนี้คือพวกร้านค้าปลีก ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายยยา รวมไปถึงช่องทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นมากในปัจจุบัน นอกจากนี้ ผู้ประกอบการที่สนใจยังอาจใช้ตุรกีเป็นฐานในการผลิตสินค้าเพื่อส่งออกไปยังตลาดอื่นๆ เช่น ยุโรป ตะวันออกกลาง หรือแอฟริกา โดยอาศัยความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งของประเทศตุรกีได้
สำหรับภาคการผลิตในสินค้ากลุ่มนี้ของตุรกีจัดอยู่ในระดับที่ถือว่าแข็งแกร่งเลยทีเดียว มีทั้งผู้ผลิตที่เป็นแบรนด์ของตุรกีเอง และผู้ผลิตเป็นแบรนด์ระดับสากลต่างๆ มากมายที่เข้ามาใช้ตุรกีเป็นฐานในการผลิตสินค้าทั้งที่ตั้งโรงงานของตนเอง และการร่วมทุนกับผู้ประกอบการตุรกี โดยประมาณการว่าราวร้อยละ 10 ของมูลค่าตลาดเครื่องสำอางในตุรกีเป็นแบรนด์ของตุรกีเอง และสำหรับในตุรกี สินค้าในกลุ่มนี้มีอัตราการขยายตัวของตลาดอยู่ที่ประมาณร้อยละ 10 ต่อปี
เมื่อยี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ในปี 2000 ตุรกีส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้คิดเป็นมูลค่าเพียง 61 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ในปัจจุบันจากข้อมูลเมื่อปี 2022 ตุรกีมีการส่งออกสินค้าในกลุ่มนี้คิดเป็นมูลค่าสูงกว่า 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งปัจจัยสำคัญในการขยายตัวอย่างก้าวกระโดดนี้มากจากการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีในการผลิตของตุรกี บวกกับความได้เปรียบทางภูมิศาสตร์การค้าดังที่ได้กล่าวมาแล้ว สินค้าส่งออกสำคัญในกลุ่มนี้ประกอบด้วย 1. Bath and shower 2. Beauty or make-up and skin care products 3. Hair products ตามลำดับ
ในฝั่งของการนำเข้าปรากฏว่า ตุรกีก็ยังมีการนำเข้าสินค้าในกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อยกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในแต่ละปีด้วยเช่นกัน โดยสินค้าหลักที่นำเข้าจะเป็นพวก Beauty or make-up and skin care products และผลิตภัณฑ์น้ำหอมจากยุโรปเป็นหลัก
ข้อคิดเห็นจากสำนักงานฯ
จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่า เช่นเดียวกับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไปชนิดอื่น ตุรกีพยายามวางตัวเองให้เป็นแหล่งผลิตสินค้าเครื่องสำอางสำหรับแบรนด์ระดับสากลที่ส่งมารถส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศอื่นๆ ทั่วโลกได้ โดยอาศัยทำเลที่ตั้งและทรัพยากรที่มีอยู่ภายในประเทศ พร้อมๆ กับการสอดแทรกเข้ามาของผู้ผลิตที่เป็นแบรนด์ของตุรกีเอง ซึ่งจะเน้นทำตลาดภายในประเทศเป็นหลักก่อน สำหรับผู้ประกอบการไทยในสินค้าดังกล่าว อาจต้องพิจารณาช่องทางการค้าที่แตกต่างออกไปจากการส่งสินค้ามาจำหน่ายตามปกติ เนื่องจากต้นทุนสินค้าเมื่อรวมกับค่าขนส่งและภาษีต่างๆ จะทำให้ราคาสินค้าไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาด หรือทำการตลาดได้ยาก เว้นเสียแต่ว่าจะมีจุดแข็งและจุดขายที่โดดเด่นจริงๆ มิฉะนั้นควรพิจารณาถึงการร่วมทุน หรือการตั้งฐานการผลิตสินค้าภายในประเทศตุรกีเอง เพื่อประโยชน์ในการขยายตลาดในระยะยาวต่อไป