แม้ว่าการเจรจา FTA สหภาพยุโรป (EU) กับกลุ่มตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง (Mercosur) จะยังคงดำเนินต่อไป โดยตั้งเป้าที่จะสามารถ สรุปผลการเจรจาฯ ได้ในช่วงก่อนฤดูร้อนที่จะถึงนี้ ซึ่งหนังสือพิมพ์ Handelsblatt ได้ข้อมูลจากวงในของรัฐบาลกลางเยอรมันและคณะกรรมาธิการ EU ว่า ขณะนี้การเจรจาฯ จะต้องหยุดนิ่งไปก่อน เพราะป้องกันไม่ให้เกษตรกรในฝรั่งเศสออกมาต่อต้าน FTA ฉบับนี้ เนื่องจากพวกเกษตรกรดังกล่าวกลัวว่าจะไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าเกษตรจากอเมริกาใต้ได้ ซึ่งตอนนี้การประท้วงของเกษตรกรฯ ในกรุงปารีสและเมืองอื่น ๆ ของฝรั่งเศสได้ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นระยะ ก่อให้เกิดความกังวลใจว่า ความคืบหน้าในการเจรจาฯ อาจกระทบต่อผลการเลือกตั้งในยุโรปในช่วงเดือนมิถุนายน 2024 และทำให้พรรคฝ่ายขวามีความเข้มแข็งมากขึ้น จากการสำรวจล่าสุดพรรคประชานิยมฝ่ายขวา “Rassemblement National” ของนาง Marine Le Pens ได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนกว่า 1 ใน 3 ส่วน เลยทีเดียว โดยรัฐบาลฝรั่งเศสออกมาเปิดเผยว่า อย่างน้อยก่อนที่จะแก้ไขปัญหาที่มีความละเอียดอ่อนของ Mercosur ได้ ก็คงต้องรอการเลือกตั้งในยุโรปให้เสร็จสิ้นเสียก่อน เพราะหลังจากที่มีการเจรจามายาวนานกว่า 20 ปี ข้อตกลง FTA ระหว่าง EU-Mercosur Zที่ประกอบไปด้วยอาร์เจนตินา บราซิล ปารากวัย และอุรุกวัย) จะทำให้เกิดความใกล้ชิดกับ EU มากขึ้นกว่าที่เคย และทำให้เขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกเกิดขึ้น โดยเป็นพื้นที่ที่มีประชากรรวมกันกว่า 780 ล้านคน ลดภาษีสินค้ามากถึง 120 พันล้านยูโรต่อปี

 

แน่นอนในฐานะประเทศที่เน้นการส่งออก เยอรมนีตั้งความหวังไว้กับ FTA ฉบับนี้สูงมาก เมื่อพิจารณาถึงจุดเปลี่ยนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ในปัจจุบัน และการมองหาคู่ค้ารายใหม่ เยอรมนีจึงให้ความสำคัญในการเจรจา FTA กับกลุ่มตลาด Mercosur มากเป็นพิเศษ ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นาย Olaf Scholz นายกรัฐมนตรีสังกัดพรรคสังคมนิยมเพื่อประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD – Sozialdemokratische Partei Deutschlands) นาย Robert Habeck รัฐมนตรีเศรษฐกิจฯ สังกัดพรรคยุค 90 พันธมิตรสีเขียว (Bündnis 90/Die Grünen) และนาย Christian Lindner รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสังกัดพรรคเพื่ออิสรภาพและประชาธิปไตย (FDP – Freie Demokratische Partei) ต่างก็ได้ออกมาผลักดันให้ FTA ฉบับนี้ สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งในรายงานเศรษฐกิจประจำปี ที่นาย Habeck นำเสนอเมื่อล่าสุดนั้น เขาได้ออกมาประกาศสนับสนุนให้มีข้อสรุปเรื่องดังกล่าวแบบ “ดีและรวดเร็ว” อีกครั้ง เวลานี้ผู้สนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวรู้สึกรำคาญที่จะต้องรอจนกว่าการเลือกตั้งยุโรปจะเสร็จสิ้นลง โดยพวกเขาเห็นว่า เพิ่งจะสรุปวิธีแก้ปัญหากับฝรั่งเศสไปเมื่อไม่นานมานี้ ก็ต้องมารออีกแล้ว ซึ่งวงในรัฐบาลกล่าวว่า ปลายปี 2023 นาย Emmanuel Macron ประธานาธิบดีฝรั่งเศสพร้อมที่จะบรรลุข้อตกลงแล้ว ในเวลานั้นสถานการณ์ทางการเมืองภายในของฝรั่งเศสค่อนข้างสงบ และการเลือกยุโรปยังไกลโขอยู่ ตามข้อมูลจากแวดวงผู้เจรจาของ EU แจ้งต่อว่า ข้อตกลง Mercosur ได้มีการเจรจาในเนื้อหาส่วนใหญ่เรียบร้อยแล้ว ขนาดที่ว่ากันว่า เจ้าหน้าที่ในกรุงบรัสเซลส์สามารถจัดการรายละเอียดขั้นสุดท้ายได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหากต้องการ ซึ่งนอกจากประเทศฝรั่งเศสแล้ว ประเทศสมาชิก EU อื่น ๆ อาทิ ออสเตรีย เบลเยียม และเนเธอร์แลนด์ ที่ไม่ค่อยอยากสนับสนุนข้อตกลงดังกล่าวมากนัก แต่พวกเขาจะยอมถอยตัวหากตัวพ่ออย่างฝรั่งเศสยอมถอยตัวออกมา

 

ล่าสุด ผลการเลือกตั้งในอาร์เจนตินากลับได้ทำให้ทุกอย่างดำเนินการยากขึ้น ในเวลานั้นรัฐบาลอาร์เจนตินาที่กำลังจะหมดวาระไม่ต้องการตัดสินใจใด ๆ ก่อนที่พวกเขาจะต้องลาจากไป นักการทูตคนหนึ่งกล่าวว่า เมื่อนาย Javier Milei ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของประเทศอาร์เจนตินาในวันที่ 10 ธันวาคม 2023 หลังจากนั้นไม่นานเขาได้ชี้แจงอย่างชัดเจนว่า เขาสนับสนุนการสรุปข้อตกลงทางการค้ากับ EU และพร้อมที่จะ “ลงนามทันที” แต่ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น สถานการณ์ในฝรั่งเศสก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เกษตรกรของประเทศประท้วงอย่างหนัก ซึ่งบางครั้งก็มีความรุนแรงมาก หนำซ้ำการประท้วงเหล่านี้ก็ถูกกระตุ้นด้วยการประท้วงของเกษตรกรในเยอรมนีเข้าไปอีก ทำให้หากมีความคืบหน้าในข้อตกลง Mercosur ก็อาจจะทำให้มีการประท้วงเพิ่มมากขึ้น นาย Macron ออกมายอมแพ้อย่างรวดเร็ว โดยในเดือนธันวาคม 2023 หลังจากการพบปะระหว่างเขากับนาย Lula da Silva ประธานาธิบดีบราซิล เขากล้าที่จะกล่าวถึงข้อตกลงนี้ว่า เป็นข้อตกลงที่ “ล้าสมัย” และ “ไม่สอดคล้องกับความต้องการในปัจจุบัน” และต้องการที่จะเจรจาเพิ่มเติม นอกจากนี้คำแถลงของนาย Valdis Dombrovskis รองประธานคณะกรรมาธิการ EU ที่กล่าวว่า “ยังคงดำเนินการเจรจาต่อไป” เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2024 ผู้ที่เกี่ยวข้องต่างเห็นชัดเจนว่า เบื้องหลังสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด หนึ่งในผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเจรจากล่าวว่า “นาย Macron ไม่มีโอกาสที่จะสามารถส่งสัญญาณสนับสนุนข้อตกลง Mercosur ใด ๆ ออกมาได้ในเวลานี้ และสหภาพยุโรปก็ไม่มีโอกาสที่จะทำการดังกล่าวได้เช่นกัน” โดยนาย Macron และนาย Gabriel Attal นายกรัฐมนตรีของเขาต่างก็ออกมาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวันนี้ว่า มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ “อธิปไตยของยุโรปในด้านการเกษตรและการผลิตอาหาร” โดยเบื้องหลังประตูที่ปิดสนิทมีการวิพากษ์วิจารณ์เยอรมนีอย่างชัดเจนในประเด่นที่เยอรมนีออกมาการส่งเสริมการทำข้อตกลงดังกล่าว โดยล่าสุดรัฐบาลในกรุงเบอร์ลินเองก็ได้ตัดสินใจที่จะลดความสำคัญเกี่ยวกับข้อกังวลของเกษตรกรลงเรียบร้อยแล้ว เมื่อเร็ว ๆ นี้ นาย Arnaud Rousseau ประธานกลุ่มตัวแทนเกษตรกรฝรั่งเศสได้แสดงความคิดเห็นที่คล้ายกันในการให้สัมภาษณ์กับนักข่าวว่า เยอรมนีถูกปกครองโดยนายกรัฐมนตรีที่เห็นว่า ภาคเกษตรกรรมมี “กำลังทางเศรษฐกิจและกำลังการต่อรองทางการเมืองที่ต่ำ”

 

ในข้อตกลงทางการค้าที่วางแผนไว้มีการกล่าวหาว่า นาย Scholz ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของภาคอุตสาหกรรมมากกว่าผลประโยชน์ของภาคเกษตรกรรม นอกจากนี้ก็ยังมีการกล่าวหานาย Cem Özdemir รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรสังกัดพรรคสีเขียวฯ ในฐานะ “ผู้บริโภคมังสวิรัติและสังกัดพรรคสีเขียว” ว่า ไม่สามารถที่จะตั้งความคาดหวังไว้กับเขาได้ว่าจะให้คำมั่นสัญญาอย่างแข็งขันว่าจะสนับสนุนเกษตรกรชาวเยอรมันอย่างจริงจัง นอกจากนี้ การให้สัตยาบันรัฐสภาฝรั่งเศส กับข้อตกลงการค้าที่มีความข้อขัดแย้งพอ ๆ กันกับข้อตกลงกับประเทศแคนาดา (Ceta) ที่ในปัจจุบันก็ยังทำการพิจารณาอยู่ โดยล่าสุดรัฐสภาฝรั่งเศสลงคะแนนเสียงยอมรับ Ceta  ด้วยเสียงที่มากกว่าเสียงข้างมากเพียงเล็กน้อย หลังจานนั้นวุฒิสภาเองก็จะทำการพิจารณาตามในเดือนมีนาคมนี้ ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันก็ไม่ได้มีเสียงข้างมากในวุฒิสภา หากวุฒิสภาทำการปฏิเสธสัตยาบัน ข้อตกลง Ceta ก็จะต้องถูกนำกลับมาพิจารณาในสภาอีกครั้ง เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้นนาย Macron กำลังใช้กำลังในการเจรจาด้านการเมืองอย่างหนัก

 

จาก Handelsblatt 22 มีนาคม 2567

thThai