นาย Christophe Barnouin ประธานบริษัท Ecotone ผู้ผลิตสินค้าอาหารแห้งออร์แกนิคสัญชาติเนเธอร์แลนด์และเป็นผู้นำตลาดในฝรั่งเศส ( แบรนด์เครื่องดื่มและขนม Bjorg, ชา Clipper, ช็อคโกแล็ต Alter Eco และ แบรนด์อื่นๆอีกกว่า 100 แบรนด์ทั่วโลก) กล่าวว่าตั้งแต่ต้นปี 2024 เป็นต้นมาแนวโน้มการบริโภคสินค้าอาหารออร์แกนิคเริ่มปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นและคาดว่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติในปีนี้ หลังจากที่ตลาดประสบวิกฤตอย่างต่อเนื่องตลอดสองปีที่ผ่านมาส่งผลให้เกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ทั้งฝ่ายผู้ผลิตและผู้ค้าปลีก
ตลาดอาหารออร์แกนิคในฝรั่งเศสมีมูลค่าสูงถึง 12,000 ล้านยูโร ถึงแม้ว่าระดับปริมาณการบริโภคในปี 2023 ยังคงลดลงร้อยละ 6 เมื่อเทียบกับปี 2022 แต่บริษัท Ecotone สามารถรักษาระดับผลประกอบการไว้ได้คิดเป็นมูลค่า 693 ล้านยูโร ช่องทางการขายที่สำคัญที่สุดของสินค้าอาหารออร์แกนิคได้แก่ ห้างค้าปลีกขนาดใหญ่และกลาง (ร้อยละ53) ซึ่งยอดขาย 3 ใน 4 ของ Ecotone มาจากช่องทางนี้เช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าในปี 2023 ปริมาณการบริโภคสินค้าทุกประเภทในห้างค้าปลีกทั่วประเทศจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นที่ร้อยละ 1.2 แต่เนื่องจากในช่วงวิกฤตภาวะเงินเฟ้อห้างค้าปลีกเหล่านั้นได้ทำการปรับลดขนาดพื้นที่วางสินค้าอาหารแห้งออร์แกนิคลงอย่างต่อเนื่อง (ร้อยละ 7 ในปี 2022 และร้อยละ 5 ในปี 2023) ส่งผลให้มูลค่าผลประกอบการลดลงร้อยละ 8 ในปี 2023 (ร้อยละ 6 ปี 2022) ผู้ประกอบการสินค้าออร์แกนิคและห้างค้าปลีกจำเป็นต้องสร้างสมดุลระหว่างปริมาณสินค้าที่วางขายกับความต้องการของผู้บริโภค ในปีนี้ผู้ประกอบการประสบความสำเร็จในการเจรจากับห้างค้าปลีก (Leclerc, Carrefour เป็นต้น) ไม่ให้มีการปรับลดพื้นที่วางสินค้าอาหารแห้งออร์แกนิคของแบรนด์ผู้เชี่ยวชาญลงจากที่มีอยู่ เพื่อช่วยรักษาความสามารถในการแข่งขันกับแบรนด์สินค้าออร์แกนิคของห้างค้าปลีก (house brand) ที่มีสัดส่วนตลาดในห้างค้าปลีกถึงร้อยละ 48
ภาวะเงินเฟ้อที่เคยส่งผลต่อราคาสินค้าอาหารในฝรั่งเศสโดยรวมเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 20 และสินค้าอาหารออร์แกนิคเพิ่มขึ้นร้อยละ 13 ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเริ่มกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติ ซึ่งอาจส่งผลด้านบวกให้ผู้บริโภคหันกลับมาซื้อสินค้าอาหารออร์แกนิค นอกเหนือจากนั้นสถานการณ์ประท้วงของเกษตรกรฝรั่งเศสเพื่อเรียกร้องความช่วยเหลือจากรัฐบาลในช่วงต้นปีที่ผ่านมาสามารถกระตุ้นให้ผู้บริโภคหันกลับมาให้ความสำคัญต่อการบริโภคสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้นซึ่งรวมถึงสินค้าอาหารออร์แกนิค
บริษัท Ecotone ใช้นโยบายการตลาดหลายด้านเพื่อช่วยกระตุ้นยอดขาย ได้แก่ การจัดโปรโมชั่นลดราคาสินค้าบางชนิดเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่, การออกสินค้าใหม่อย่างต่อเนื่อง, การหาช่องทางการขายใหม่ ผ่านทางร้านกาแฟและร้านอาหาร เริ่มด้วยการวางขายชาออร์แกนิค แบรนด์ Clipper ในร้าน McDonald นอกเหนือจากนั้นจะเป็นการทำโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ
สำนักงานใหญ่และโรงงานสำคัญสองแห่งของบริษัท Ecotone ตั้งอยู่ในฝรั่งเศส นอกเหนือจากนั้นอีก 7 แห่งกระจายตัวอยู่ในประเทศอื่นๆได้แก่ อิตาลี, สเปน, สหราชอาณาจักรและเยอรมนี โดยแหล่งวัตถุดิบสำคัญ (ข้าวสาลี, ข้าวโอ๊ต, ผักและผลไม้) อยู่ในฝรั่งเศสเช่นเดียวกัน ทาง Ecotone จึงไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาลฝรั่งเศสที่ต้องการเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกอาหารออร์แกนิคเป็นร้อยละ 18 ภายในปี 2027 จากในปัจจุบันคิดเป็นร้อยละ 10.7 ของพื้นที่การเพาะปลูกทั่วประเทศ โดยแสดงความเห็นว่ารัฐบาลควรจะให้ความช่วยเหลือต่อเกษตรกรที่มีอยู่เดิมให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และรักษาระดับการผลิตซึ่งจะช่วยสร้างสมดุลได้ดีกว่าการเพิ่มปริมาณพื้นที่เพาะปลูก
ความคิดเห็น สคต.
สินค้าอาหารเกษตรออร์แกนิคที่วางขายในฝรั่งเศสกว่าร้อยละ 70 เป็นผลผลิตจากเกษตรกรกว่า 60,000 รายในประเทศ ฝรั่งเศสมีพื้นที่เพาะปลูกผลผลิตทางการเกษตรออร์แกนิคมากที่สุดในทวีปยุโรป และเป็นตลาดบริโภคที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก (12.1 พันล้านยูโรปี 2023) รองจาก สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี และจีน โดยร้อยละ 92 เป็นการบริโภคภายในครัวเรือน แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคฝรั่งเศสให้ความสำคัญในการเลือกบริโภคสินค้าอาหารที่มีคุณภาพเป็นอย่างมาก ดังนั้นผู้ประกอบการอาหารไทยไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการร้านอาหารหรือผู้ผลิตสินค้าอาหาร ควรคำนึงถึงการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพผ่านแหล่งผลิตที่มีความชัดเจน และควรศึกษากฎระเบียบของสินค้าที่ใช้ในฝรั่งเศสและประเทศในสหภาพยุโรป นอกเหนือจากนั้นการสื่อสารข้อมูลเหล่านี้ให้กับผู้บริโภคผ่านบรรจุภัณฑ์จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและช่วยเพิ่มโอกาสทางการขายได้มากขึ้น
ที่มาของข่าว
ข่าวจากหนังสือพิมพ์ออนไลน์ Les Echos
https://www.lesechos.fr/industrie-services/conso-distribution/crise-du-bio-le-pire-est-passe-pour-le-proprietaire-de-bjorg-et-alter-eco-2084055