โจรสลัดโซมาเลียระบาดในมหาสมุทรอินเดีย

เส้นทางการเดินเรือในมหาสมุทรอินเดียตะวันตกไม่ได้มีเพียงแต่กลุ่ม Houthi  เท่านั้นที่เป็นภัยคุกคาม แต่หลายเดือนที่ผ่านมาเริ่มมีสัญญาณว่ากลุ่มโจรสลัดโซมาเลีย ได้กลับมาก่อเหตุอีกครั้ง หลังจากแทบไม่มีความเคลื่อนไหวตลอด  10 ปีที่ผ่านมา ขณะนี้โจรสลัดโซมาเลียที่เคยปล้นเรือพาณิชย์นอกชายฝั่งโซมาเลียช่วงทศวรรษก่อน กลับมาฉวยโอกาสขณะที่นานาชาติหันไปสนใจกลุ่ม Houthi ที่โจมตีเรือสินค้าในทะเลแดงและน่านน้ำใกล้เคียง

นับตั้งแต่กลางเดือนพฤศจิกายน กองกำลัง Houthi ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้เปิดฉากโจมตีเรือบรรทุกสินค้าและเรือทางทหาร ในเส้นทางเดินเรือสากลหลายสิบครั้ง โดยใช้ทั้งโดรน ขีปนาวุธ และการโจมตีอื่น ๆ โดยพยายามให้เหตุผลว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการสนับสนุนกลุ่มฮามาสในการทำสงครามกับอิสราเอล

The National  หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี รายงานข่าวเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2567 ว่ามีโจรสลัดโซมาเลียจี้ปล้นเรือสินค้าในน่านน้ำของมหาสมุทรอินเดีย หลังจากเรือหลายร้อยลำเปลี่ยนเส้นทางไปทางใต้เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของกลุ่ม Houthi  ในทะเลแดง บริษัทขนส่งสินค้าทางทะเลให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ว่า จำเป็นต้องมีการประสานงานที่มากขึ้นระหว่างเรือรบของ NATO  สหภาพยุโรป อินเดีย และเรือรบของจีนในน่านน้ำ ที่ส่งเรือรบคุ้มกันเรือสินค้า เพื่อหยุดยั้งการละเมิด  ที่สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจเมื่อทศวรรษที่แล้ว นอกจากนี้ยังมีข้อสงสัยอีกว่าประเทศอิหร่านอาจให้ความสนับสนุนการโจมตีที่เพิ่มขึ้นนี้ เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้กับเศรษฐกิจตะวันตกมากขึ้น และหันเหเรือรบออกจากพันธมิตร Houthi นาย John Stawpert เจ้าหน้าที่สภาหอการค้าขนส่งทางเรือ (International Chamber of Shipping : ICS  กล่าวว่ามหาสมุทรอินเดียมีสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเป้าหมายสำหรับโจรสลัด  ทั้งจากข้อมูลข่าวกรองค่อนข้างคลุมเครือว่า จุดประสงค์ของพวกโจรสลัดเหล่านี้คืออะไรสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงการโจมตีหรือว่ามีบางอย่างที่ใหญ่กว่าเกิดขึ้น

นาย Ben Manzin นักวิเคราะห์ข่าวกรองด้านการเดินเรือของบริษัทรักษาความปลอดภัย Sibylline ให้ความเห็นว่า ขณะนี้โจรสลัดมีเรือสินค้าให้เลือกมากขึ้น และฉวยโอกาสที่กองเรือนานาชาติลดการลาดตระเวนในน่านน้ำนอกโซมาเลีย โดยถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปยังกลุ่ม Houthis ที่ก่อเหตุในน่านน้ำไกลออกไปหลายร้อยไมล์ทะเล การฟื้นคืนชีพของโจรสลัดโซมาเลียซ้ำเติมบริษัทเดินเรือที่มีความเสี่ยง และภาระค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาความปลอดภัยและเงินประกันเพิ่มขึ้น

การยึดเรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

เมื่อต้นเดือนมีนาคม 2567 ห่างจากชายฝั่งโซมาเลีย 1,000 กม. มีมือปืน 20 คนยึดเรือ MV Abdullah ที่กำลังขนถ่านหินจากประเทศโมซัมบิกไปยังยูเออี ตามมาด้วยปล้นสะดมภ์บริเวณที่เรียกว่าจะงอยแอฟริกา (Horn of Africa ) หรือเรียก ในชื่อแอฟริกาตะวันออกเฉียงเหนือหรือคาบสมุทรโซมาลี ที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว  ซึ่งเรือสินค้า 3 ลำตกเป็นเป้าหมาย และเรือสินค้า 18 ลำถูกจี้ ขณะนี้มีความกังวลว่าการอาละวาดของโจรสลัดกำลังฟื้นคืนชีพ ซึ่งอาจส่งผลให้น่านน้ำนอกจะงอยแอฟริกากลายเป็นพื้นที่ที่อันตรายที่สุดในโลกอีกครั้ง

โซมาเลียตั้งอยู่บริเวณที่เรียกว่า จะงอยแอฟริกา น่านน้ำนอกชายฝั่งเป็นเส้นทางเดินเรือที่พลุกพล่านทั้งอ่าวเอเดนและมหาสมุทรอินเดีย แต่ละปีมีเรือประมาณ 20,000 ลำบรรทุกสินค้าหลากหลายอย่างล่องผ่านอ่าวเอเดนไปกลับทะเลแดงและคลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือเชื่อมยุโรปและเอเชียที่สั้นที่สุด โจรสลัดโซมาเลียอาละวาดหนักระหว่างปี 2551-2557 โดยก่อเหตุหนักที่สุดในปี 2554 ด้วยการปล้นเรือ 237 ลำ จับตัวประกันหลายร้อยคน สร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจโลกราว 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

อิหร่านให้ทุน?

การปฏิบัติการของโจรสลัดโซมาเลียมีความซับซ้อนในระดับหนึ่ง โดยใช้เรือแม่ แล้วโจมตีด้วยเรือเล็กเพื่อเคลื่อนที่เข้าประชิดเรือเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งมักจะเล็งไปที่เรือพาณิชย์ เช่น เรือบรรทุกสินค้าและเรือบรรทุกน้ำมันเป็นหลัก ในมหาสมุทรอินเดียที่ห่างไกล บางคนเชื่อว่าชาวโซมาเลียอาจได้รับเงินทุนปฏิบัติการจากอิหร่าน เพื่อดึงดูด   เรือรบตะวันตกออกจากการลาดตระเวนในทะเลแดง

นาย Tom Sharpe ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งในกองทัพเรือเกษียณอายุราชการ กล่าวว่าอิหร่านอาจใช้วิถีทางอื่นเพื่อกระตุ้นสถานการณ์และเปลี่ยนเส้นทางเป้าหมาย และไม่ใช่เรื่องยากสำหรับอิหร่านที่จะเริ่มให้ทุนสนับสนุนกลุ่มโจรสลัดโซมาเลียดั้งเดิมนี้ เพราะมีเป้าหมายต้องการขัดขวางเสรีภาพในการเดินเรือ ให้ชาติตะวันตกทุ่มเงินในการจัดการ และสันนิษฐานว่าโจรสลัดอาจไม่ใช่ชาวโซมาเลีย โดยบอกเป็นนัยว่าบางส่วนอาจเป็นชาวเยเมน ซึ่งยิ่งตอกย้ำความเชื่อมโยงของอิหร่านที่ให้การสนับสนุนกลุ่ม Houthis

ความสำเร็จของกองทัพเรืออินเดีย

อย่างไรก็ตาม โจรสลัดประสบกับความพ่ายแพ้เมื่อกองทัพเรืออินเดียปฏิบัติการประสบความสำเร็จอย่างสูงเมื่อต้นมีนาคม ด้วยการยึดเรือ MV Ruen  คืนจากโจรสลัดโซมาเลีย ที่เคยปล้นไปตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2566 ในน่านน้ำทางตอนเหนือของทะเลอาหรับ แล้วใช้เรือลำนี้เป็นฐานในการปล้นเรือพาณิชย์ลำอื่นๆ ในน่านน้ำนอกโซมาเลีย    ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือพลุกพล่าน เพราะมีทั้งอ่าวเอเดนและมหาสมุทรอินเดีย การเข้ามามีบทบาทที่มากขึ้นของกองทัพเรืออินเดียในภูมิภาคทะเลแดง สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคงของเส้นทางการค้าที่สําคัญ ทั้งนี้กองทัพเรืออินเดียปฏิบัติภารกิจรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยทางทะเลในมหาสมุทรอินเดียเพียงลำพัง โดยไม่เข้าร่วมในกรอบความร่วมมือพหุภาคีใดๆ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรับมือกับสถานการณ์ตึงเครียดในทะเลแดง

การปราบปราม

ทั้งนี้ นาย John Stawpert  กล่าวว่าพันธมิตรทางเรือนานาชาติซึ่งเป็นตัวแทนร้อยละ 80 ขององค์กรเดินเรือรายใหญ่ของโลกจําเป็นต้องสร้างการสื่อสารที่แข็งแกร่ง เพื่อประสานงานในการต่อสู้กับโจรสลัดและการโจมตีของ Houthi  เนื่องจากเรือรบของ NATO สหภาพยุโรป อินเดียและเรือรบจีนที่อยู่ในทะเลแดง อ่าวเอเดนและมหาสมุทรอินเดีย มีจำนวนมากกว่าที่เคย หากกองเรือต่าง ๆ “ร่วมมือกันในระดับยุทธวิธี” ในการรับมือกับภัยคุกคาม  แล้วมั่นใจได้ว่าจะมีการตอบโต้ทางทหารถ้า Houthi หรือโจรสลัดโซมาเลียโจมตี นอกจากนี้มีรายงานของ UNCTAD ระบุว่าการรุกรานของกลุ่ม Houthi ไม่เพียงแต่เพิ่มความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกและเพิ่มการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

สรุปและความคิดเห็น

สื่อธุรกิจออนไลน์ของตะวันออกกลาง “Zawya” รายงานข่าวเกี่ยวกับธุรกิจที่ไม่ใช่ภาคน้ำมัน (Non-oil businesses) ของยูเออีเผชิญกับความล่าช้าในการบริหารจัดการสินค้าอย่างรุนแรง และปัญหาด้านอุปทานที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากวิกฤตการขนส่งในทะเลแดง ท่ามกลางสภาวะทางธุรกิจที่ขยายตัวขึ้นอย่างมาก  ตัวเลขดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยูเออีในเดือนมีนาคมอยู่ที่ระดับ 56.9 จุด ลดลงเล็กน้อยจาก 57.1 จุดในเดือนกุมภาพันธ์

นาย David Owen นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ S&P Global Market Intelligence ให้ความเห็นว่าในภาพรวมของธุรกิจเอกชนภาคที่ไม่ใช่น้ำมันของยูเออียังคงสดใสในช่วงปลายไตรมาสแรก ค่า PMI ล่าสุดที่ 56.9 จุดในเดือนมีนาคม ส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในสภาวะทางธุรกิจโดยมีปริมาณคำสั่งซื้อเข้าและระดับกิจกรรมยังคงเติบโตอย่างรวดเร็ว วิกฤตการขนส่งในทะเลแดงได้กัดกร่อนความสามารถของซัพพลายเออร์ในการส่งมอบสินค้าตรงเวลา ส่งผลให้ไม่สามารถดำเนินการตามคำสั่งซื้อได้ ตามดัชนี PMI อุปสงค์ที่แข็งแกร่งกระตุ้นให้เกิดปริมาณคำสั่งซื้อใหม่ ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ถือเป็นการขยายตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน  บริษัทต่างๆ ก็มักจะประสบปัญหาในผลิตสินค้าใหม่ในเดือนมีนาคม ส่งผลให้มีงานคงค้างเพิ่มขึ้นมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ อย่างที่เคยประสบเมื่อเดือนมิถุนายน  2561 หากมีปัญหาโจรสลัดโซมาเลียเพิ่ม ย่อมส่งกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจยูเออีโดยรวม  โดยเฉพาะต้นทุนภาคการผลิตที่ยังมีความไม่แน่นอน เช่น  ค่าระวางเรือเส้นทางยุโรป-ตะวันออกกลาง-สหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น

thThai