สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ระดมทุนเพิ่ม 6.3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ กระตุ้นอุตสาหกรรมในประเทศ

ในโอกาสที่ Sheikh Mansour Bin Zayed รองประธานาธิบดี รองนายกรัฐมนตรีและประธานสำนักประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าร่วมการจัดประชุมเสวนา Make it in the Emirates ครั้งที่ 3 ในกรุงอาบุดาบี  กล่าวว่าภาคอุตสาหกรรมเป็นส่วนสำคัญใน            การสนับสนุนการพัฒนาความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจ และการกระจายความ เสี่ยงของประเทศ โดยภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี จะได้รับเงินอุดหนุนบางส่วนอีกประมาณ 6,300    ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากบริษัทขนาดใหญ่ 2 แห่ง   เพื่อเป็นกองทุนในการดำเนินการขยายขีดความสามารถในการผลิตภายในประเทศ เพื่อปรับเปลี่ยนไปสู่ยุคเศรษฐกิจแบบพึ่งพาตนเอง (Self Sufficiency)   โดยจะเป็นการผลิตเพื่อใช้เองในประเทศและลดการนำเข้า

Dr Sultan Al Jaber รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยี่ก้าวหน้า กล่าวเสริมว่า   แรงงานทักษะ (skilled workforce)และบริษัทที่มีผู้มีความรู้ความชำนาญงานอาชีพในยูเออี กำลังแข่งขันกันเพื่อความสำเร็จ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก นี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถของบุคลากรและคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของประเทศ โดยมีบริษัท Adnoc ผู้ผลิตและส่งออกน้ำมันของกรุงอาบูดาอี จะลงทุน 5,5000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ Pure Health กลุ่มบริษัทดูแลสุขภาพที่ใหญ่ที่สุดในยูเออีสมทบอีก 818 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  ซึ่งเป็นการระดมทุนของภาคอุตสาหกรรมรวมกันเกินกว่า 39 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนผลิตภัณฑ์การผลิตในประเทศมากกว่า 2,000 รายการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้แก่ภาคอุตสาหกรรมยูเออี

ความคิดริเริ่มเหล่านี้รวมถึงรวมไปถึงการปฎิรูปกฎหมาย สวัสดิการทางการเงินและโครงสร้างพื้นฐาน   ที่ทันสมัยที่ภาครัฐจัดหาให้ ควบคู่ไปกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เหมาะสม ล้วนช่วยดึงดูดการลงทุนและแรงงานทักษะทั่วโลก และการจัดการจัดประชุม  Make it in the Emirates จะเน้นจุดแข็งของการลงทุนในอุตสาหกรรมยูเออี  เพื่อสามารถตอบสนองความต้องการและสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนว่ามีโครงการที่สามารถลงทุนได้

เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืนให้แก่ภาคอุตสาหกรรมยูเออี  ภาคธนาคารเเตรียมแผนการปล่อยสินเชื่อใหม่วงเงิน 273,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยจะร่วมมือกับธนาคารเพื่อการพัฒนาสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  (Emirates Development Bank:EDB) และธนาคารพาณิชย์อื่นๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  อาทิ ธนาคาร EDB จะสนับสนุนเงินทุน 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนสตาร์ทอัพ  ด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI)  เพื่อขับเคลื่อนเทคโนโลยีปรับปรุงกระบวนการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพทั่วทั้งยูเออีและภูมิภาคอื่น ๆ เพราะ AI ที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของเทคโนโลยีอัจฉริยะ ได้กลายเป็นเสาหลักของนวัตกรรมอุตสาหกรรมในยุคต่อไป  ไม่เพียงแต่ทำให้งานเป็นไปโดยอัตโนมัติ แต่ยังกำหนดภารกิจใหม่ ปูทางไปสู่การดำเนินงานที่ชาญฉลาดปลอดภัยและยั่งยืนยิ่งขึ้น

นอกจากนี้กระทรวงพลังงาน สำนักงานการไฟฟ้าและประปาของรัฐต่างๆในยูเออีจัดหาความต้องการขั้นพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับผู้ผลิต โดยจะเปิดตัวโปรแกรมใหม่จัดหาค่าน้ำและไฟฟ้าในอัตราพิเศษ สำหรับโรงงานอุตสาหกรรมในรัฐอัจมาน รัฐอุมอัลคูเวนรัฐราสอัลไคมาห์ และรัฐฟูเจียร่าห์

ในส่วนของผู้สนับสนุนหลัก บริษัท  Adnoc ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานของประเทศกล่าวว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเพิ่มประเภทและปริมาณการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่ผลิตภายในประเทศให้มากขึ้น โดยเพิ่มจากมูลค่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯสู่ 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2571 จะสามารถอัดฉีดเงินเข้าอุตสาหกรรมในประเทศได้ประมาณ 49,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ผู้อำนวยการของ Adnoc Business กล่าวว่าบริษัท มีนโยบายในการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สอดคล้องตามนโยบายภาครัฐ โดยผลักดันการขยายธุรกิจในอุตสาหกรรมเป้าหมายสอดคล้องกับโครงการ In-Country Value (ICV) ที่รัฐบาลยูเออีวางไว้เพื่อส่งเสริมและเพิ่มความต้องการใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศ  และประสบความสําเร็จในการสร้างงาน สามารถจัดจ้างพนักงานใหม่ 11,500 ตําแหน่ง ในปีที่ผ่านมา      จัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานของ ADNOC เช่น กิจกรรมการขุดเจาะ การดักจับคาร์บอน และอื่น ๆ อีกมากมาย แม้แต่บริการที่ต้องการให้กับพนักงาน เช่น บริการทางการแพทย์  เป็นต้น

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์มีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มโมเมนตัมการลงทุนในอุตสาหกรรมของ Make it in the Emirates  สร้าง “แบรนด์แห่งชาติ” (Make it in the Emirates) สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมแห่งอนาคตให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการในการรับประกันคุณภาพสินค้าของประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับ GDP ของประเทศ รวมถึงเพิ่มการส่งออกและหาตลาดใหม่ และแผนระยะยาวภายใน 10 ปีข้างหน้า เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและขยายภาคอุตสาหกรรมให้กลายเป็นแรงผลักดันเศรษฐกิจของประเทศอย่างยั่งยืน สร้างภาพลักษณ์ของประเทศเป็นประเทศอุตสาหกรรมเทคโยโลยีชั้นสูง

จากการสร้างภาคการผลิตในยูเออีในปี 2563 จนถึงเดือนธันวาคม 2566 การมีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมในประเทศต่อ GDP เพิ่มขึ้นร้อยละ 49 เป็นมูลค่า 54,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในขณะที่การส่งออกอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 60 เพิ่มเป็น 51,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ความเห็นของสคต.ดูไบ

จากรายงานข่าวข้างต้นแสดงให้เห็นว่าภาคการผลิตหรืออุตสาหกรรมการผลิตของยูเออีจะมีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้น จะไม่เพียงแต่สร้างโอกาสมากขึ้นสำหรับนักลงทุนต่างชาติแต่ยังจะเป็นการนำเอาปัจจัยทางเทคโนโลยีและทุนเข้าสู่ยูเออีมากขึ้นด้วย ขณะที่โอกาสของไทยคือ การที่ยูเออีจะมีความต้องการนำเข้าวัตถุดิบในการผลิตมากขึ้น  ซึ่งเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการไทยที่อยู่ในห่วงโซ่อุตสาหกรรมสำคัญของยูเออี  อย่างไรก็ดี อาจมีผลกระทบทางด้านลบต่อการส่งออกของไทยสำหรับสินค้าที่เป็นคู่แข่งกัน ดังนั้นผู้ประกอบการไทยต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ นโยบายทางการค้า ของยูเออีอย่างใกล้ชิด รวมทั้งมีการปรับตัวในการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตให้เท่าทัน

 

————————————————————-

thThai