ด้วยจำนวนประชากรวัยรุ่นจำนวนมากและรายได้ที่เพิ่มขึ้น เวียดนามจึงเป็นตลาดที่น่าดึงดูดสำหรับผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์บำรุงผิว

รายงานของ Inkwood Research คาดว่า อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของเวียดนามจะมีมูลค่ามากกว่า 1,300  ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2571 โดย ตั้งแต่ปี 2565 อัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ร้อยละ 6.47 เนื่องจากตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์สำหรับผิวแพ้ง่ายที่เพิ่มขึ้น และผู้บริโภคให้ความสำคัญกับสุขภาพเพิ่มมากขึ้น

นาย Kim Kyung Hyo ผู้อำนวยการแผนก HDB (เครื่องสำอาง) ภายใต้ LG Vina Group กล่าวว่า เวียดนามเป็นตลาดที่สามารถพัฒนาได้ในระยะยาวและยั่งยืน หนึ่งในเหตุผลสำคัญที่สุดคือการที่ประชากรในวัยรุ่นในเวียดนามมีมากขึ้น ประกอบกับกระแสการดูแลตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์ยาและเครื่องสำอางเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ ในปัจจุบันแนวโน้มการซื้อสินค้าของผู้บริโภคกำลังเปลี่ยนไปสู่รูปแบบออนไลน์มากขึ้น ส่วนรูปแบบออฟไลน์ เช่น ร้านขายยา ตลาด และซูเปอร์มาร์เก็ตมีการซื้อน้อยลง ดังนั้นเพื่อให้อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเติบโตมากขึ้นในเวียดนาม ผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศจำเป็นต้องมีกลยุทธ์ความร่วมมือและแผนระยะยาวในการพัฒนามากขึ้น เมื่อมองเห็นศักยภาพของตลาดผลิตภัณฑ์บำรุงผิวในเวียดนามเครือ LG ซึ่งเป็นสมาชิกของ LG ยักษ์ใหญ่ของเกาหลีใต้จึงวางแผนที่จะขยายและเพิ่มการนำเข้าแบรนด์ Physiogel ผ่านความร่วมมือกับ DKSH Vietnam Group

ในเดือนมีนาคม 2567 DKSH Vietnam Group ได้กลายเป็นหุ้นส่วนของ LG Vina ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เวชสำอาง ภายใต้แบรนด์ Physiogel ที่ LG Household และ Health Care Group เข้าซื้อกิจการในปี 2543 ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นกลยุทธ์ในแผนการพัฒนาแบรนด์เพื่อให้ Physiogel เข้าถึงผู้บริโภคชาวเวียดนามมากขึ้นผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งร้านขายยา ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพและความงาม และแพลตฟอร์มออนไลน์

An Khang หนึ่งในสามเครือข่ายร้านขายยาชั้นนำในเวียดนาม และ DKSH ได้ร่วมมือกันเพื่อให้ผู้บริโภคชาวเวียดนามสามารถเข้าถึงแบรนด์เครื่องสำอางได้มากยิ่งขึ้น ท่ามกลางกระแสการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในประเทศ ประเภทผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพสำหรับผู้บริโภคของบริษัทได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น โดย DKSH เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น กลุ่มสินค้าโภชนาการ เวชสำอาง สินค้าดูแลสุขภาพ และสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์บำรุงผิวเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพและมีการเติบโตมากที่สุดใน An Khang

(จาก https://en.vietnamplus.vn/)

ข้อคิดเห็น สคต

เวียดนามมีประชากรจำนวนมากเป็นอันดับ 3 ในภูมิภาคอาเซียน หรือกว่า 100 ล้านคน และมีสัดส่วนประชากรวัยรุ่นถึงวัยทำงานเกินกว่าร้อยละ 50 ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการบริโภคสินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามเพิ่ม    มากขึ้น นอกจากนี้มีแนวโน้มการเติบโตของประชากรกลุ่ม Middle Class กำลังจะเพิ่มขึ้นเป็น 33 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายโดยตรงของสินค้าผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ในตลาดเวียดนาม ในปี 2566 ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสามารถสร้างรายได้ถึง 10 ล้านล้านด่ง (391.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต โดยสินค้าที่มีการวางจำหน่ายในเวียดนามได้แก่  ครีมบำรุงผิว แผ่นมาส์กหน้า เซรั่มบำรุงผิว ปัจจุบัน ผู้บริโภคเวียดนามให้ความสนใจบริโภคสินค้าในกลุ่ม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวมากขึ้น โดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ที่เป็นสินค้า Organic นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญอีกด้านหนึ่งคือผู้บริโภคชาวเวียดนามมีอัตราค่าแรงที่สูงขึ้นทำให้มีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น และผู้บริโภคเวียดนามนิยมสินค้าเครื่องสำอางค์แบรนด์ต่างประเทศ เนื่องจากมีความเชื่อมั่นคุณภาพและมีภาพลักษณ์ที่ดี โดยเครื่องสำอางค์จากไทยเป็นที่นิยมกว่า Local Brand ของเวียดนาม ในขณะที่ราคาไม่ได้สูงกว่ามาก และมีบรรจุุภัณฑ์และภาพลักษณ์ดึงดูดมากกว่า อย่างไรก็ตาม มีแบรนด์ต่างชาติเข้ามาทำตลาดในเวียดนามค่อนข้างมาก โดยเฉพาะจากแบรนด์เกาหลีใต้ซึ่งเป็นที่นิยมของกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน เนื่องจากมีราคาที่ซื้อหาได้ ในขณะที่มีภาพลักษณ์เป็นสินค้าระดับ Premium กล่าวได้ว่า เวียดนามเป็นตลาดที่มีโอกาสสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและ เครื่องสำอางอย่างมาก ซึ่งผู้ประกอบการมีความจำเป็นต้องศึกษากฎระเบียบและเทรนด์ตลาดที่มีการเปลี่ยนแปลง ผู้ประกอบการไทยสามารถติดตามข่าวสารได้จากหน่วยงานรัฐบาลเวียดนามและบทความเกี่ยวกับการวิจัยการตลาดที่อัพเดทความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เพื่อเตรียมความพร้อมที่จะเข้าร่วมตลาดเวียดนาม นอกจากนี้แล้ว ยังต้องวางแผนทำการตลาดและสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคเวียดนาม เพื่อผลิตสินค้าเครื่องสำอางที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคชาวเวียดนาม  ซึ่งจะช่วยให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักและเข้าถึงผู้บริโภคชาวเวียดนามได้มากยิ่งขึ้น

 

thThai