เกิดอะไรขึ้น…บริษัทเยอรมันเตรียมแห่เข้าไปลงทุนในยูเครน

เรื่องมีอยู่ว่า นาย Artem Pryymachenko ยืนอยู่ในห้องโถงท่ามกลางเสียงการทำงานเครื่องจักรที่ส่งเสียงดังของเมือง Beresan ซึ่งห่างจากกรุงเคียฟ (เมืองหลวงของยูเครน) ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 70 กิโลเมตร โดยกล่าวว่า ในฤดูใบไม้ผลิของปี 2022 กองทหารรัสเซียได้เคลื่อนพลเข้าใกล้โรงงาน ในระยะไม่ถึง 10 กิโลเมตร จนทำให้โรงงานต้องหยุดการทำงานลงไปชั่วคราว ซึ่งโรงงานแห่งนี้ทำการผลิตสินค้าป้อนให้กับบริษัทวัสดุก่อสร้างของเยอรมนีเป็นหลัก ซึ่งปัจจุบันโรงงานแห่งนี้ได้กลับมาเริ่มทำงานได้เป็นปกติอีกครั้ง แม้สงครามยูเครนจะยังไม่สิ้นสุดลง และเพราะสงครามฯ ทำให้โรงงานแห่งนี้ยังคงต้องผลิตสินค้าต่อไป โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่สุด คือ สารผสมคอนกรีตที่ช่วยให้คอนกรีตมีความสม่ำเสมอและเหมาะสม นอกจากนี้เครื่องจักรที่ใช้ผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดผง ก็ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาเพื่อผลิตปูนชนิดพิเศษ สำหรับใช้ซ่อมแซมอาคารบ้านเรื่องต่าง ๆ รวมถึงนำไปผสมเป็นคอนกรีตซ่อมแซม สะพาน เขื่อน เครื่องปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้า และท่าเรือ ที่ส่วนใหญ่ได้รับความเสียหายจากสงครามฯ ในขณะที่ความต้องการปูนและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ได้เพิ่มขึ้นเป็นเป็นอย่างมากเพราะต้องนำมาใช้บูรณะอาคารบ้านเรือนจำนวนมากที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งนาย Olaf Scholz นายกรัฐมนตรีของเยอรมัน ในสังกัดพรรคสังคมนิยมเพื่อประชาธิปไตยเยอรมนี (SPD – Sozialdemokratische Partei Deutschlands) ได้อธิบายว่า นี่เป็น “งานช้าง” สำหรับเยอรมนี นาย Pryymachenko ในฐานะกรรมการผู้จัดการบริษัทในประเทศยูเครนกล่าวว่า บริษัทแม่ในเยอรมนีมีเหตุผลด้านการแข่งขัน จึงไม่ต้องการแจ้งชื่อให้ทราบว่าชื่อบริษัทอะไร โดยบริษัทแม่มีความประสงค์ที่จะลงทุนในสายการผลิตกับโรงงานในเมือง Beresan ภายในช่วง 2 ปีข้างหน้านี้ ด้วยเงินลงทุนกว่า 1.5 ล้านยูโร

 

จากการสำรวจของหอการค้าเยอรมัน-ยูเครน (AHK) และบริษัทตรวจสอบบัญชี KPMG พบว่า 43% ของบริษัทเยอรมัน ได้วางแผนที่จะเข้าไปลงทุนในยูเครน และพวกเขามองเห็นโอกาสในด้านการผลิต เวชภัณฑ์ยา พลังงาน ไอที และ Outsourcing โดยบริษัทเยอรมันที่ AHK และ KPMG สำรวจกว่า 142 แห่ง ต้องการใช้การลงทุนเป็นโอกาสให้พวกเขาสามารถเข้าถึงตลาดในยูเครนได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ มากกว่า 1 ใน 3 ของบริษัทที่ตอบแบบสอบถามยังมองเห็นโอกาส ในการดึงดูดแรงงานคุณภาพ (39%) เข้ามาร่วมงาน และเข้าร่วมลงทุนในโครงการฟื้นฟูประเทศยูเครน (36%) ปัจจุบันเศรษฐกิจของยูเครนกำลังเติบโต แม้ว่าใน 2021 ซึ่งมีสงคราม ประเทศไม่สามารถสร้างรายให้กับประชากรได้เกิน 5,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อคนต่อปี แต่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) กลับเพิ่มขึ้นมากกว่า 3 เท่า ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา การโจมตีครั้งใหญ่โดยรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ GDP ลดลงเกือบ 30% แต่เศรษฐกิจของประเทศกลับมาฟื้นตัวเร็วกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญคาดหมาย โดยในปี 2023 GDP ขยายตัวขึ้น 5.3% ผู้เชี่ยวชาญของธนาคารโลกคาดการณ์ว่า ในปีนี้ GDP ของยูเครนน่าจะเติบโตขึ้น 3.2% และ 6.5% ในปี 2024 สำหรับการฟื้นฟูหลังสิ้นสุดสงครามนับว่าเป็นเรื่องใหญ่ โดยนาย Fedir Omelinskyj กรรมการผู้จัดการหัวหน้าฝ่ายธุรกิจในประเทศยูเครนของบริษัท Rehau บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านสินค้าพอลิเมอร์ (Polymer) และประธานคณะกรรมการด้านการก่อสร้างและประสิทธิภาพพลังงานของ AHK กล่าวว่า “อย่างช้าที่สุดหลังจากสงครามสิ้นสุดลง จะมีความต้องการสินค้าเหล่านี้อย่างมากมายในภาคการก่อสร้าง” นอกจากนี้ ในความเห็นของเขา การปรับตัวให้ใกล้ชิดกับสหภาพยุโรป (EU) และการเข้าถึงตลาดเดียว (Single Market) ของสหภาพยุโรป ยังจะสามารถผลักดันตลาดสินค้าอื่น ๆ ได้อีกด้วย โดยกล่าวต่อว่า “ปัจจัยด้านการผลิตต่าง ๆ ของยูเครนยังคงมีราคาถูก และการแข่งขันในหลาย ๆ ตลาดยังคงต่ำมาก ทำให้โอกาสในการเข้าสู่ตลาดของประเทศยูเครนค่อนข้างง่ายกว่าหลาย ๆ ประเทศที่มีการแข่งขันสูง”

 

หากถามว่าเหมาะสมหรือไม่ กับการลงทุนในขณะที่ยังมีการทำสงคราม และมีการทิ้งระเบิดกับแบบโครม ๆ อย่างเช่นในปัจจุบัน ตั้งแต่เริ่มสงครามถนนหลายพันกิโลเมตรถูกทำลายลง บ้านเรือนมากกว่า 210,000 หลัง ได้รับความเสียหายหรือพังทลาย พื้นที่เกษตรกรรมปนเปื้อน และเต็มไปด้วยทุ่นระเบิด ตลอดจนเครื่องจักร และโกดังสินค้าจำนวนมากใช้การไม่ได้ นอกจากนี้ รัสเซียยังได้ทำลายกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไปกว่า 80% ตลอดเดือนธันวาคมเพียงลำพังความเสียหายโดยตรงต่อ ที่พักอาศัย โครงสร้างพื้นฐาน และธุรกิจ มีมูลค่ารวมกันประมาณ 152 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และจากข้อมูลของธนาคารโลกยูเครนต้องใช้เงินกว่า 486 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ในการฟื้นฟูสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นอย่างยั่งยืน โดยเงินจำนวนนี้ส่วนหนึ่งสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาได้มอบให้ หรือสัญญาว่าจะให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมคิดเป็นตัวเงินจำนวน 71.8 พันล้านยูโร นั่นหมายความว่า จะทำให้เกิดการลงทุนกับบริษัทในท้องถิ่นเกิดขึ้นแน่นอน อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ประกอบการด้านวัสดุก่อสร้างอย่างบริษัทที่นาย Pryymachenko บริหารนั้นเห็นว่า ธุรกิจบูรณะสิ่งปลูกสร้างเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งของธุรกิจของเขาเท่านั้น และเหนือสิ่งอื่นใดคือ การรักษาระบบโครงสร้างพื้นฐาน เพราะไม่ว่าจะอยู่ในช่วงสงคราม หรือในช่วงสงบสุข ระบบโครงสร้างพื้นฐานก็ควรได้รับการบำรุงรักษาตลอดเวลา แม้กระทั่งก่อนช่วงเวลาที่สงครามรุกรานของรัสเซียจะเกิดขึ้น ยังมีโครงสร้างพื้นฐานในประเทศยูเครนอีกหลายแห่งที่ต้องฟื้นฟู ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ยูเครนได้ผ่านช่วง BOOM ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายต่อหลายครั้ง มีการก่อสร้างขึ้นจากพื้นที่ไม่มีอะไรตั้งอยู่ก่อนเลย มีการสร้างศูนย์อุตสาหกรรมใหม่ขึ้น และรัฐได้สร้างถนน สะพาน และรันเวย์ใหม่ นาย Pryymachenko กล่าวว่า “หลังจากเวลาผ่านไป 40 ปี แน่นอนที่คอนกรีตก็จะทรุดโทรมลง ปัจจุบันอาคารที่เป็นคอนกรีตของยูเครนกว่า 50% จำเป็นต้องได้รับการบูรณะปรับปรุงเสียใหม่” บริษัทของนาย Pryymachenko ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากอาการช็อกครั้งแรกจากสงคราม ในปี 2023 กำไรจากธุรกิจในยูประเทศเครนสูงกว่ามูลค่าช่วงก่อนสงครามเกือบ 10% อย่างไรก็ตาม แต่สิ่งต่าง ๆ ก็ไม่ได้ดำเนินไปอย่างราบรื่นในทุกกลุ่มธุรกิจ ตัวอย่างเช่น ตัวเลขการประกอบธุรกิจของบริษัท Rehau ผู้จำหน่ายสินค้าเครื่องเรือนอย่างเช่นหน้าต่างเป็นหลักนั้น ก็ได้ทยอยฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ตัวเลขการประกอบธุรกิจยังต่ำกว่าระดับช่วงก่อนสงครามอยู่ ธุรกิจของบริษัท Rehau ในยูเครนนั้นขึ้นอยู่กับตลาดอาคารเพื่อการอยู่อาศัย นาย Omelinskyj กรรมการผู้จัดการฯ กล่าวว่า “ตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเราจนถึงปี 2022 คือ ตลาดในกรุงเคียฟและเมืองโอเดสซา” ปัจจุบันตลาดกรุงเคียฟกำลังทยอยฟื้นตัวขึ้น แต่สถานการณ์การประกอบธุรกิจในเมืองโอเดสซาติดทะเลดำยังคงยากลำบากอยู่เนื่องจากเมืองยังถูกโจมตีด้วยจรวดบ่อยครั้ง ในระหว่างที่ภาคตะวันตกของยูเครนมีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีผู้ลี้ภัยจากทางตะวันออกของประเทศย้ายถิ่นฐานมาเป็นจำนวนมาก แต่โครงการก่อสร้างจำนวนมากที่นี่ต้องหยุดชะงักเนื่องจากไม่สามารถหาแรงงานได้เนื่องจากถูกระดมพล รัฐบาลยูเครนต้องเกณฑ์ทหารประมาณ 500,000 นาย โดยเร็วที่สุด แม้ว่าบริษัทที่ดำเนินงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญซึ่งรวมถึง ธุรกิจก่อสร้าง และพลังงาน จะสามารถยกเว้นการเกณฑ์ทหารให้กับบุคลากรบางส่วนได้ แต่ปัญหาการขาดแคลนบุคลากรก็ยังคงเป็นหนึ่งในปัญหาที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้ประกอบการในประเทศยูเครน เนื่องจากสงครามความเสี่ยงด้านความปลอดภัยสำหรับพนักงานก็สูงขึ้นตาม และบริษัทต่าง ๆ ต้องรับมือกับไฟดับเป็นประจำ นาย Pryymachenko กล่าวว่า “ตราบใดที่ไฟฟ้าดับไม่เกิน 24 ชั่วโมง เราก็สามารถผลิตต่อไปโดยใช้ปั่นไฟฟ้าได้”

 

จาก Handelsblatt 28 มิถุนายน 2567

thThai