เศรษฐกิจอิสราเอลอยู่ในภาวะเสี่ยงสูง

นาย Shlomo Dovrat นักลงทุนด้านเทคโนโลยีชั้นนำของอิสราเอล เตือน ว่าสงครามที่กำลังดำเนินอยู่ในฉนวนกาซาได้เผยให้เห็นความอ่อนแอมากและการที่ประชาชนขาดความไว้วางใจในสถาบันของรัฐออกมาชุมนุมประท้วงถือว่าคุกคามจุดยืนของกลไกหลักของประเทศซึ่งก็คืออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงทำให้เกิดความเสี่ยงต่อความมั่งคงเจริญรุ่งเรืองของเศรษฐกิจของอิสราเอล เทคโนโลยีขั้นสูงของอิสราเอลก็ขึ้นอยู่กับตลาดต่างประเทศโดยสิ้นเชิง แต่นักลงทุนจากต่างประเทศเริ่มลังเลหันไปเลือกลงทุนในประเทศอื่นมากขึ้น

อิสราเอลอยู่ในเดือนที่ 10 ของการทำสงครามกับฮามาส ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม เมื่อผู้ก่อการร้ายหลายพันคนหลั่งไหลเข้าสู่อิสราเอลทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ สังหารผู้คนไปราว 1,200 คน ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ในขณะที่จับตัวประกันทุกวัยในฉนวนกาซา

รัฐมนตรีกระทรวงการคลังอิสราเอล นายเบซาเลล สโมทริช ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาเนื่องจากไม่สามารถชดเชยการใช้จ่ายด้านสงครามเพิ่มเติมด้วยการลดค่าใช้จ่ายในวงกว้างและช่องทางอื่น ๆ ของรายได้ รวมถึงภาษีที่สูงขึ้น ต้นทุนสงครามได้ผลักดันการใช้จ่ายด้านการป้องกันและพลเรือนเพิ่มขึ้น ซึ่งนำไปสู่การขาดแคลนการคลัง 7.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศในเดือนมิถุนายน 2024 และเกินเพดานเป้าหมายการขาดดุล 6.6% ที่รัฐบาลกำหนดไว้สำหรับปี 2024

การอภิปรายเรื่องงบประมาณปี 2025 ได้ถูกเลื่อนออกไปทำให้หลายคนผิดหวังมาก ธนาคารแห่งอิสราเอลกล่าวว่า คาด ว่ารัฐบาลจะต้องทำการปรับงบประมาณอย่างน้อย NIS 30,000 ล้าน (8.2 พันล้านดอลลาร์) สำหรับการขาดดุลในปี 2025 ให้หดตัวลงเหลือประมาณ 4% ของ GDP

ขณะเดียวกัน แนวร่วมฝ่ายขวาของอิสราเอลได้จัดสรรเงินหลายพันล้านเชคเกลไว้ในกองทุนเพื่อการตัดสินใจที่จัดสรรให้แก่พันธมิตรทางการเมืองภายใต้ข้อตกลงที่ได้บรรลุในการเจรจาแนวร่วม เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะกรรมการการเงิน Knesset ได้จัดสรรเงินหลายร้อยล้านเชคเกลในกองทุนพันธมิตร “ส่วนเกิน” ให้กับกระทรวงต่างๆ ซึ่งรวมถึงกระทรวงหลายแห่งที่กระทรวงการคลังมองว่าฟุ่มเฟือย ปิดท้ายด้วยการแนะนำว่าอิสราเอลจำเป็นต้องรักษาเสถียรภาพของสถานการณ์ความมั่นคง จัดการเลือกตั้งเพื่อเลือกรัฐบาลใหม่ และฟื้นฟูศรัทธาของประชาชนในประเทศ

รายงานข่าวอีกฉบับกล่าวว่า อิสราเอลกำลังจะล้มละลายโดยมีภาคธุรกิจปิดตัวไปแล้ว 46,000 ราย นับจากวันที่ 7 ตุลาคม 2023  GDP ของอิสราเอลหล่นฮวบเกือบ 20% จากเดือนตุลาคม ถึง ธันวาคม 2023  แม้ว่า จะฟื้นกลับขึ้นมาได้ โดยขยายตัว 14% ในไตรมาสถัดมา แต่ก็น้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้

เศรษฐกิจอิสราเอลร่วงลงอย่างรวดเร็ว นับจากเปิดศึกในกาซ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากกลุ่มฮูตีในเยเมน และกลุ่มเคลื่อนไหวเฮซบอลเลาะห์ในเลบานอน ผนึกกำลังกันกับชาวปาเลสไตน์ในกาซ่า กลุ่มฮูตีได้เข้าปิดล้อมทะเลแดง ทำให้เมืองท่า Eilat ทางใต้ของอิสราเอลที่เคยพลุกพล่านอย่างมากก่อนเกิดสงคราม จึงอยู่ในสภาพเกือบจะยุติกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างสมบูรณ์นับจากเดือนตุลาคม 2023

สถานการณ์ที่ย่ำแย่ต่อเนื่อง ทำให้ภาคการท่องเที่ยวที่เปิดรับคนต่างชาติเข้ามา พลอยล่มสลายไปด้วยในช่วงสงคราม และจนถึงเดือนธันวาคม 2023 ก็มีคนอิสราเอลเกือบครึ่งล้านหนีออกจากประเทศไปแล้ว  เป็นตัวเลขก่อนที่สถานการณ์จะตึงเครียดกว่าเดิมจากไฟสงครามระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลในเวลาต่อมา

ในขณะเดียวกัน การโจมตีทางเหนือของอิสราเอล บีบให้คนอิสราเอลหลายหมื่นต้องอพยพออกจากพื้นที่  ธุรกิจห้างร้านพากันปิดเรียบแต่ภาคธุรกิจโดยรวมทั่วประเทศอิสราเอลก็ยังคงดิ้นรนเอาตัวรอดกันอยู่   อุตสาหกรรมก่อสร้างและการจัดหาที่อยู่อาศัยได้รับผลกระทบหนักสุดแต่เกือบทุกอุตสาหกรรมก็ได้รับผลกระทบไปตามๆ กัน

ซีอีโอของบริษัทจัดการความเสี่ยงทางเครดิตและการบริการ Coface Bdi ประเมินว่า อาจมีธุรกิจมากถึง 60,000 แห่งในอิสราเอลปิดตัวลงก่อนสิ้นปี   ส่วนธุรกิจที่ปิดตัวลงไปแล้วนับจากสงครามเริ่มต้นขึ้น  77% หรือคิดเป็น 35,000 แห่ง เป็นกิจการขนาดเล็ก มีลูกจ้างสูงสุด 5 คน เป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดในภาคเศรษฐกิจ

ที่มา : IMCT News, timeofisrael.com, coface.com

ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ

จุดแข็งของอิสราเอลซึ่งก็คือภาคเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นหลักสำคัญทางเศรษฐกิจกำลังได้รับผลกระทบด้านลบจากสงครามที่ยืดเยื้อมานานร่วม 9 เดือน เป็นความเสี่ยงสูงในการวิเคราะห์ของนักลงทุนต่างประเทศในการเลือกลงทุนในสตาร์ทอัพของอิสราเอล

จุดแข็งหรือข้อดีอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบด้านลบเช่นกัน เช่น ความปลอดภัยการส่งออกก๊าซธรรมชาติ เรือขนส่งสินค้าในทะเลแดง ความสัมพันธ์กับอียิปต์และประเทศอาหรับอื่นๆ จำนวนนักท่องเที่ยวในอิสราเอลลดลง เป็นต้น อีกทั้งหน่วยงานภาครัฐของอิสราเอลคงลำบากใจก็ยังไม่ยืนยันจำนวนผู้คนที่อพยพออกนอกประเทศ

—————————————————–

สคต. เทลอาวีฟ

15 ก.ค.67

 

 

 

thThai