ราคาข้าวในซูเปอร์มาร์เก็ตญี่ปุ่นสูงขึ้นประมาณ 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า จากปัจจัย 3 ประการที่ทับซ้อนกัน คือ การควบคุมการผลิต สภาพอากาศที่ร้อนผิดปกติ และความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวขาเข้า แม้สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานเริ่มดีขึ้นจากการเริ่มเก็บเกี่ยวที่เริ่มต้นบ้างแล้ว แต่ราคารับซื้อยังสูงกว่าปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความขาดแคลนที่จะเกิดขึ้น

จากข้อมูลโดย Nikkei POS พบว่าราคาเฉลี่ยของข้าวสายพันธุ์ Akitakomachi ที่ผลิตในจังหวัดอาคิตะ ขนาด 5 กิโลกรัม จำหน่ายในราคา 1,958 เยน เพิ่มขึ้น 24.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ เนื่องจากมีการควบคุมราคาจำหน่ายมาโดยตลอด

ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาข้าวสูงขึ้นประการแรก คือ นโยบายควบคุมการผลิตโดยรัฐบาลญี่ปุ่น บนสมมติฐานที่ว่าการบริโภคข้าวภายในประเทศจะลดลง 100,000 ตันต่อปี เนื่องจากจำนวนประชากรลดลง อย่างไรก็ดี ปริมาณการเก็บเกี่ยวในปี 2566 อยู่ที่ 6.61 ล้านตัน ลดลง 1.4% จากปีก่อนหน้า ซึ่งต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์

ประการที่ 2 คือ สภาพอากาศที่ส่งผลให้ปริมาณการเก็บเกี่ยวลดลง ข้าวจำนวนมากได้รับความเสียหายจากอุณหภูมิสูง โดยเฉพาะในจังหวัดนีกะตะ ซึ่งเป็นพื้นที่หลักในการผลิตข้าว

ประการที่ 3 คือ ความต้องการจากนักท่องเที่ยวขาเข้าที่มาเยือนญี่ปุ่น ที่ไม่เพียงแต่ชอบทานข้าวปั้นในร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตเท่านั้น แต่ยังมีความต้องการรับประทานข้าวผ่านร้านอาหารอีกด้วย

ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ปัญหาขาดแคลนข้าวทวีความรุนแรงขึ้นอย่างชัดเจน ผู้ค้าส่งที่ต้องส่งข้าวให้กับร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตต่างแย่งชิงการสั่งซื้อ และราคาพุ่งสูงขึ้นจนถึงปลายเดือนมิถุนายน ในกรณีของ Koshihikari ที่ผลิตในจังหวัดนีกะตะ มีราคาส่งสูงขึ้น 40% (60 กิโลกรัม 27,150 เยน) ซึ่งเกือบเท่ากับราคาในปี พ.ศ. 2546 ที่ประสบวิกฤตอุณหภูมิหน้าร้อนต่ำ (60 กิโลกรัม 27,250 เยน) และปี พ.ศ. 2536-2537 ที่ประสบวิกฤตขาดแคลนข้าวครั้งใหญ่ (60 กิโลกรัม 52,500 เยน)

นอกจากซูเปอร์มาร์เก็ตในโตเกียวไม่มีข้าวสำหรับววางจำหน่ายแล้ว ร้านข้าวหน้าเนื้อรายใหญ่ของญี่ปุ่น Yoshinoya Holdings ยังใช้ข้าวนำเข้าทดแทนข้าวญี่ปุ่นเพื่อแก้ไขสถานการณ์

สำหรับการเก็บเกี่ยวข้าวต้นฤดูกาล เริ่มจากจังหวัดมิยาซากิและคาโกชิมะ สหกรณ์การเกษตรท้องถิ่นได้เพิ่มการชำระเงินล่วงหน้าสำหรับการซื้อข้าวจากเกษตรกร 40-50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยคาดว่าข้าวขนาด 5 กิโลกรัมที่ปกติจำหน่ายในราคา 1,700 – 1,900 เยน มีแนวโน้มว่าจะมีราคาสูงกว่า 2,000 เยน

ที่มา : https://www.nikkei.com/article/DGXZQOUB116570R10C24A7000000/

thThai