1. อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP Growth)

สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (U.S. Bureau of Economic Analysis) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (U.S. Department of Commerce) รายงานมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติแท้จริง (Real GDP) สหรัฐฯ ไตรมาสที่ 1 ปี 2567 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ประมาณการล่วงหน้า (Advance Estimate) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8

 

แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2567 เป็นผลมาจากการขยายตัวของการ    ใช้จ่ายภาคประชาชน การลงทุนคงคลังภาคเอกชน และการลงทุนถาวรที่ไม่ใช่สำหรับที่อยู่อาศัย ในขณะที่การขยายตัวของมูลค่าการนำเข้ามีส่วนส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสหรัฐฯ ในช่วงดังกล่าว

 

สถิติอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปี 2562 – 2567

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2567

ที่มา: Bureau of Economic Analysis, U.S. Department of Commerce

 

  1. อัตราการว่างงาน

สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ประจำเดือนมิถุนายน 2567 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมาเป็นร้อยละ 4.1 (สูงกว่าช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา) มีจำนวนผู้ว่างงานในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็นทั้งสิ้น 6.8 ล้านคน

 

โดยสหรัฐฯ มีการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll Employment) เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนทั้งสิ้น 206,000 ตำแหน่ง (ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาที่ 220,000 ตำแหน่ง)

 

  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมการจ้างงานภาครัฐ 70,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมบริการด้านสุขภาพ 49,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมสังคมสงเคราะห์ 34,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมก่อสร้าง 27,000 ตำแหน่ง

 

  • กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานลดลง ได้แก่ อุตสาหกรรมบริการทางธุรกิจ 17,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมค้าปลีก 9,000 ตำแหน่ง

 

  • ส่วนการจ้างงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่และขุดเจาะพลังงาน อุตสาหกรรมการผลิต อุตสาหกรรมค้าส่ง อุตสาหกรรมการขนส่งและคงคลังสินค้า อุตสาหกรรมสารสนเทศ อุตสาหกรรมการเงิน อุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมบริการอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

สถิติอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2567

ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor

 

  1. ภาวะเงินเฟ้อ (Consumer Price Index: CPI)

สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนมิถุนายน 2567 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวลดลงจากเดือนที่ผ่านมาเหลือร้อยละ 3.0 (ไม่ปรับฤดูกาล หรือ Not Seasonally Adjusted)

 

โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาราคาสินค้าไม่ปรับฤดูกาล (Not Seasonally Adjusted) กลุ่มสินค้าอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 กลุ่มสินค้าอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 และกลุ่มสินค้าพลังงานปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 รายละเอียด ดังนี้

 

3.1 กลุ่มสินค้าอาหาร ได้แก่ เนื้อสัตว์และไข่ (+ร้อยละ 2.6) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 1.5) ซีเรียลและเบเกอรี (+ร้อยละ 0.5) ผลิตภัณฑ์จากนม (-ร้อยละ 0.1) และผักและผลไม้สด (-ร้อยละ 0.5)

 

3.2 กลุ่มสินค้าพลังงาน ได้แก่ ไฟฟ้า (+ร้อยละ 4.4) ก๊าซธรรมชาติ (+ร้อยละ 3.7) และน้ำมันเชื้อเพลิง (+ร้อยละ 0.8)

 

3.3 กลุ่มสินค้าและบริการอื่น ได้แก่ บริการขนส่ง (+ร้อยละ 9.4) บุหรี่และยาสูบ (+ร้อยละ 8.2) ที่พักอาศัย (+ร้อยละ 5.2) วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (+ร้อยละ 3.1) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 1.8) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 0.8) รถยนต์ใหม่ (-ร้อยละ 0.9) บัตรโดยสารเครื่องบิน (-ร้อยละ 5.1) และรถยนต์มือสอง (Used Cars) (-ร้อยละ 10.1)

 

สถิติอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2567

ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor

 

  1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI)

The Conference Board (CB) รายงานผู้บริโภคชาวอเมริกันมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทรงตัวในเดือนกรกฎาคม 2567 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม 97.8 ในเดือนมิถุนายน 2567 (ปีฐาน: ปี 2528 = 100) เป็น 100.3 ในเดือนกรกฎาคม 2567 ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค (Expectations Index) ซึ่งวัดจากมุมมองของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ทางด้านรายได้ การดำเนินกิจการ และการจ้างงานในตลาดแรงงานในระยะสั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม 72.8 ในเดือนมิถุนายน 2567 เป็น 78.2 ในเดือนกรกฎาคม 2567 ทั้งนี้ ดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 80.0 แสดงให้เห็นถึงสัญญาณความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ภายในระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Present Situation Index) ที่วัดแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจและการจ้างงานในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากเดิม 135.3 ในเดือนมิถุนายน 2567 เป็น 133.6 ในเดือนกรกฎาคม 2567

 

โดยรวมแม้ว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดจะมีความเชื่อมั่นต่อตลาดแรงงานในสหรัฐฯ แต่ก็ยังคงมีความกังวลต่อปัจจัยด้านราคาสินค้าในตลาดที่ปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยด้านอัตราดอกเบี้ยในตลาด และปัจจัยด้านความเสี่ยงอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตที่อาจจะส่งผลทำให้การฟื้นตัวของสภาวะทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในปีหน้า

ที่มา: The Conference Board

 

  1. ภาวะการค้าปลีกของสหรัฐฯ

สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานภาวะการค้าปลีกและ การบริการด้านอาหารประจำเดือนล่วงหน้า (Advance Monthly Sales for Retail and Food Services) สหรัฐฯ ประจำเดือนมิถุนายน 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สามารถสรุปได้ ดังนี้

 

  • มูลค่าการค้าปลีกสินค้าและการบริการด้านอาหาร (Retail & Food Services) ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 704,324 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

  • มูลค่าการค้าปลีก (Retail Trade Sales) หดตัวลงร้อยละ 0.1 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 609,493 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

  • มูลค่าการค้าปลีกไม่ผ่านร้านค้า (Nonstore Retailers) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 122,710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง (+ร้อยละ 1.4) สินค้าเพื่อสุขภาพและสุขอนามัยส่วนบุคคล (+ร้อยละ 0.9) สินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน (-ร้อยละ 0.6) สินค้าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 0.6) สินค้าครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (+ร้อยละ 0.4) สินค้าปลีกทั่วไป (+ร้อยละ 0.4) สินค้าปลีกผ่านช่องทางร้านค้าอื่นๆ (+ร้อยละ 0.3) การบริการร้านอาหารและเครื่องดื่ม (+ร้อยละ 0.3) และสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม (+ร้อยละ 0.1) ตามลำดับ

 

กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกหดตัวลง ได้แก่ สินค้าน้ำมันเชื้อเพลิง (-ร้อยละ 3.0) สินค้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ (-ร้อยละ 2.0) และสินค้าอุปกรณ์กีฬา (-ร้อยละ 0.1) ตามลำดับ

 

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2567

ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce

 

  1. ภาวะการค้าระหว่างประเทศ

สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานสถิติดุลการค้า (ส่งออก – นำเข้า) สหรัฐฯ ประจำเดือนพฤษภาคม 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สรุปได้ ดังนี้

 

สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ในเดือนพฤษภาคม 2567 สุทธิทั้งสิ้น 75,071 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 609 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.82 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

 

สหรัฐฯ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการในเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นมูลค่า 261,661 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,782 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 0.68 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น

 

  • การส่งออกสินค้าเป็นมูลค่า 169,583 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,924 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

 

  • การส่งออกบริการเป็นมูลค่า 92,078 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,142 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

 

โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ การบริการด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น

 

สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการในเดือนพฤษภาคม 2567 เป็นมูลค่า 336,732 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,173 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 0.35 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น

 

  • การนำเข้าสินค้าเป็นมูลค่า 269,736 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 2,048 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 75 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

 

  • การนำเข้าบริการเป็นมูลค่า 66,997 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 876 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.32 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา

 

โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ โทรศัพท์ น้ำมันดิบ วัสดุสำหรับพลังงานนิวเคลียร์ และการบริการด้านการขนส่ง เป็นต้น

 

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2567

ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce

 

  1. ภาวะการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – ไทย

ในเดือนพฤษภาคม 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สหรัฐฯ และไทยมีมูลค่าการค้าสุทธิทั้งสิ้น 6,541.67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 19) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.73 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ มีดุลการค้า ขาดดุล ไทยเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,624.34 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

 

  • สหรัฐฯ นำเข้าจากไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,083.00 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 12) เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักนำเข้าจากไทย ได้แก่ อุปกรณ์โทรศัพท์ (HS Code 8517) เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 เครื่องประมวลผลข้อมูล (HS Code 8471) ลดลงร้อยละ 26.07 ชิ้นส่วนกึ่งตัวนำไฟฟ้า (HS Code 8541) ลดลงร้อยละ 18.91 ยางรถยนต์ (HS Code 4011) เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.54 และหม้อแปลงไฟฟ้า (HS Code 8504) เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.75

 

ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากไทย 10 อันดับแรกเดือนพฤษภาคม 2567

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2567

 

  • สหรัฐฯ ส่งออกไปไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,67 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 24) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.50 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักส่งออกไปไทย ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม (HS Code 2709) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.19 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.58 ชิ้นส่วนรถยนต์ (HS Code 8708) เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.00 กากอะลูมีเนียม (HS Code 7602) เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.81 และชิ้นส่วนเครื่องบิน (HS Code 8800) เพิ่มขึ้นร้อยละ 319.79

 

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2567

ที่มา: Global Trade Atlas

 

มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลของ สคต. ชิคาโก)

ในเดือนพฤษภาคม 2567 สหรัฐฯ และไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศเฉพาะในเขตพื้นที่อาณาดูแลของ สคต. ชิคาโก เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,516.91 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.94 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการนำเข้าจากไทยทั้งสิ้น 1,099.37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.19 และรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลมีมูลค่าการส่งออกไปไทยทั้งสิ้น 417.54 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.18 โดยรวมรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ขาดดุล ไทยทั้งสิ้น 681.83 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 0.29 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา

 

  • รัฐที่นำเข้าจากไทยเป็นสัดส่วนสูง ได้แก่ รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 40.36) รัฐเคนทักกี (ร้อยละ 14.82) รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 152) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 11.47) และรัฐอินดีแอนา (ร้อยละ 6.52) ตามลำดับ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยในรัฐเขตพื้นที่อาณาดูแล ได้แก่ จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 23.97 เครื่องพิมพ์ (HS Code 8469) ร้อยละ 11.36 วัสดุก่อสร้างพลาสติก (HS Code 3925) ร้อยละ 8.15 คอนเทนเนอร์ (HS Code 8609) ร้อยละ 6.43 อุปกรณ์สำนักงาน (HS Code 8472) ร้อยละ 1.87 เรดาร์ (HS Code 8526) ร้อยละ 1.70 เครื่องรับสัญญาณวิทยุ (HS Code 8527) ร้อยละ 1.70 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 1.27 อุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 1.03 และเลนส์ (HS Code 9002) ร้อยละ 0.74 ตามลำดับ

 

  • รัฐที่ส่งออกไปไทยเป็นสัดส่วนสูง ได้แก่ รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 24.98) รัฐลุยเซียนา (ร้อยละ 17.88) รัฐมินนิโซตา (ร้อยละ82) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 11.74) และ รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 11.28) ตามลำดับ สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแล ได้แก่ เศษกากโลหะ (HS Code 2619) ร้อยละ 16.18 จุกและฝาโลหะ (HS Code 8309) ร้อยละ 14.95 พิตช์โค้ก (HS Code 2708) ร้อยละ 7.89 น้ำมันและผลิตภัณฑ์อื่น ๆ (HS Code 2707) ร้อยละ 7.25 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ร้อยละ 6.74 นิกเกิลแผ่น (HS Code 7506) ร้อยละ 2.79 รถเข็นผู้พิการ (HS Code 8713) ร้อยละ 2.18 เครื่องเซ็นตริฟิวจ์ (HS Code 8421) ร้อยละ 1.95 วัสดุก่อสร้างพลาสติก (HS Code 3925) ร้อยละ 1.75 และอุปกรณ์ทางการแพทย์ (HS Code 9018) ร้อยละ 1.70 ตามลำดับ

 

สถิติการค้าสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต. ชิคาโก)

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าสหรัฐฯ ประจำเดือนกรกฎาคม 2567

ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce

 

******************************

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก

 

 

 

thThai