“ภูมิธรรม” ชวนนายกรัฐมนตรีคาซัคสถาน จับมือประเทศขนาดกลางสู้วิกฤตเศรษฐกิจ เดินหน้า ผนึกกำลังร่วมมือการค้า
“ภูมิธรรม”นำทีมพาณิชย์ หารือนายกรัฐมนตรีคาซัคสถาน ประกาศเดินหน้าร่วมมือการค้าและเศรษฐกิจระหว่างกัน ย้ำไทยให้ความสำคัญกับคาซัคสถานในฐานะตลาดใหม่ที่มีศักยภาพ พร้อมร่วมมือทุกด้าน แจ้งมีกำหนดลงนามความร่วมมือเศรษฐกิจและการค้า เปิดทางร่วมมือสาขาต่าง ๆ มีแผนเปิดสำนักงานทูตพาณิชย์ ขับเคลื่อนการค้า พร้อมชวนผู้ประกอบการคาซัคสถานร่วมงานแสดงสินค้าในไทย จัดเวทีเจรจาจับคู่ธุรกิจ ขยายโอกาสค้าขายระหว่างกัน รับปากคาซัคสถาน ดูเรื่องตั้งสถานกงสุล การนำเข้าเนื้อสัตว์ ทำ MOU ร่วมมือเกษตร และความตกลงภาษีซ้อน
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารือกับนายออลจัส เบคเตนอฟ (Mr. Olzhas Bektenov) นายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน ที่ทำเนียบรัฐบาลว่า ตนได้แจ้งกับนายกรัฐมนตรีคาซัคสถานว่าไทยเล็งเห็นถึงความสำคัญของสาธารณรัฐคาซัคสถาน ในฐานะประเทศคู่ค้าที่มีศักยภาพและเป็น Gateway ในการผลักดันสินค้าไทยไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคเอเชียกลาง และประเทศในกลุ่มสมาชิกเศรษฐกิจยูเรเซีย (EAEU) จึงได้นำคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ เดินทางเยือน นอกจากเพื่อการลงนามในความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทย-คาซัคสถานแล้ว ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจตลาดและโอกาสของสินค้าไทย รวมถึงประชาสัมพันธ์และสร้างภาพลักษณ์ของสินค้าและธุรกิจบริการไทยในตลาดคาซัคสถาน ตลอดจนเพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับช่องทางที่เหมาะสมในการขนส่งและกระจายสินค้าไทยไปยังตลาดคาซัคสถานและภูมิภาคเอเชียกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทายและข้อจำกัดในการขนส่งสินค้า เนื่องจากเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทะเล อีกทั้งการเดินทางมาเยือนครั้งนี้นับเป็นการเยือนอย่างเป็นทางการระดับรัฐมนตรีเศรษฐกิจของไทยกับคาซัคสถานในรอบ 17 ปี
ทั้งนี้ ได้แจ้งนายกรัฐมนตรีคาซัคสถานว่าในการมาเยือนครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มีกำหนดการลงนามความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างไทยและคาซัคสถาน (Agreement on Trade and Economic Cooperation between Thailand and Kazakhstan) กับนายอาร์มัน ชักคาลีเยฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าและบูรณาการ และจะพบหารือกับ ดร.มิรกาลี คูนาเยฟ กงสุลกิติมศักดิ์ของไทยแห่งสาธารณรัฐคาซัคสถาน เพื่อหารือเกี่ยวกับลู่ทางในการขยายการค้าระหว่างสองประเทศ รวมถึงการเปิดสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศของกระทรวงพาณิชย์ในสาธารณรัฐคาซัคสถาน เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคีและมูลค่าการค้าระหว่างกัน และได้ขอถือโอกาสนี้ รับทราบทิศทางและนโยบายด้านเศรษฐกิจการค้าของรัฐบาลสาธารณรัฐคาซัคสถานจากท่านนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้เป็นแนวทางประกอบการกำหนดนโยบายส่งเสริมการค้าระหว่างไทยกับสาธารณรัฐคาซัคสถานต่อไป
ขณะเดียวกัน ได้นำเสนอว่าเพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าร่วมกัน ขอเชิญชวนผู้ประกอบการคาซัคสถานเข้าร่วมงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศไทย ซึ่งกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี อาทิ งาน Bangkok Gems & Jewelry Fair (9-13 ก.ย.67), THAIFEX-HOREC Asia (5-7 มี.ค.68), STYLE Bangkok (2-6 เม.ย.68) และTHAIFEX-ANUGA ASIA (27-31 พ.ค.68) เป็นต้น ตลอดจนการเข้าร่วมกิจกรรม Online Business Matching (OBM) ซึ่งหากผู้ประกอบการคาซัคสถานสนใจเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทยในสินค้าใด โดยเฉพาะสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงแบบพรีเมียม ที่กำลังเป็นที่ต้องการในตลาดคาซัคสถาน ก็สามารถแจ้งมายังกระทรวงพาณิชย์ได้
“ได้แจ้งท่านนายกรัฐมนตรีคาซัคสถานว่า การจัดทำความตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางการค้าและเศรษฐกิจไทย-คาซัคสถาน จะเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าในสาขาต่าง ๆ ส่วนการส่งเสริมให้เอกชนเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดโดยแต่ละฝ่าย เช่น งานแสดงสินค้า การจับคู่ธุรกิจออนไลน์ จะเพิ่มโอกาสทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งเดิม ทูตพาณิชย์ที่รัสเซียดูแลอยู่ แต่เร็ว ๆ นี้ มีแผนที่จะเปิดสำนักงานทูตพาณิชย์ในคาซัคสถานด้วย ก็ขอให้ท่านนายกรัฐมนตรีช่วยสนับสนุน และไทยได้เริ่มมีการเจรจาเพื่อจัด ทำ FTA กับ EAEU จึงขอการสนับสนุนจากคาซัคสถานในเรื่องนี้ด้วย ขณะที่การท่องเที่ยว สองฝ่ายได้มีการลงนามการยกเว้นวีซ่าตั้งแต่เดือน เม.ย.2567 ก็หวังว่าจะมีการท่องเที่ยวของสองฝ่ายเพิ่มขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจทั้งสองฝ่าย”นายภูมิธรรมกล่าว
นายภูมิธรรมกล่าวว่า คาซัคสถาน ได้หารือถึงการขออนุญาตจัดตั้งสถานกงสุลคาซัคสถานในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งตนเห็นว่าจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น และช่วยอำนวยสะดวกชาวคาซัคสถานที่มาท่องเที่ยวในไทย โดยจะประสานกระทรวงการต่างประเทศเพื่อติดตามความคืบหน้าต่อไป ส่วนการพิจารณาคำขออนุญาตนำเข้าสินค้าเนื้อสัตว์ของคาซัคสถาน ทราบว่ากรมปศุสัตว์อยู่ระหว่างการพิจารณาคำขออนุญาตการนำเข้าสินค้าเนื้อโคของฝ่ายคาซัคสถาน จำนวน 10 บริษัท ซึ่งจะช่วยเร่งรัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาและแจ้งให้ฝ่ายคาซัคสถานทราบ และการจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐคาซัคสถาน กำลังรอความเห็นจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทย โดยมั่นใจว่าหากมีการลงนามกันได้ จะข่วยเพิ่มความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างกันมากขึ้น และการรื้อฟื้นการหารือเพื่อจัดทำความตกลงภาษีซ้อนระหว่างไทยและคาซัคสถาน กรมสรรพากรกำลังพิจารณา หากสำเร็จ จะช่วยลดการเก็บภาษีซ้ำซ้อนที่เกี่ยวกับภาษีเงินได้ระหว่างประเทศ รวมถึงส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกันและหลีกเลี่ยงการเสียภาษีระหว่างประเทศของทั้งฝ่าย นอกจากนี้ตนได้นำสินค้าของผู้ประกอบการต่างจังหวัดจากประเทศไทย อาทิ ลำไยสดลำพูน ผ้าพันคอย้อมครามสกลนคร ผ้าขาวม้าหนองบัวลำภู มาฝากท่านนายกรัฐมนตรีให้รู้จักสินค้าไทยมากขึ้นด้วย
สำหรับการค้าระหว่างไทยกับสาธารณรัฐคาซัคสถาน แม้จะยังไม่มากนัก เมื่อเทียบกับคู่ค้าสำคัญของไทยในปัจจุบัน แต่ก็มีศักยภาพและแนวโน้มการขยายตัวได้ในอนาคต โดยในปี 2566 คาซัคสถานเป็นคู่ค้าอันดับที่ 90 ของไทย มีมูลค่าการค้ารวมอยู่ที่ 171.79 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าร้อยละ 26.28