เนื้อหาสาระข่าว: วิวัฒนาการการพัฒนารถยนต์ในแต่ละยุคสมัยมีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา รถยนต์ประเภท SUV ซึ่งย่อมาจากคำเต็มว่า Sports Utility Vehicle หรือรถสปอร์ตอเนกประสงค์ ก็มีวิวัฒนาการต่อยอดมาจากการนำข้อเด่นของรถบรรทุก (Truck) และรถตู้ขนาดเล็ก (Minivan) มารวมกัน แล้วปรับเปลี่ยนขนาดให้มีความใหญ่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็นที่มาของรถยนต์ประเภท SUV ที่นิยมกันอย่างทุกวันนี้ ในเวลาต่อมาได้มีการปรับขนาดรถ SUV ให้มีขนาดเล็กลงและเพิ่มฟังก์ชันสมรรถนะการใช้งานให้สามารถใช้ได้หลากหลายมากขึ้นเกิดขึ้นเป็นรถยนต์ประเภท CUV หรือ Crossover Utility Vehicle ซึ่งมีการปรับโครงสร้างรถให้มีความ Unibody เหมือนรถยนต์ทั่วไปมากขึ้น ต่างจาก SUV ที่โครงสร้างออกแบบมาจากโครงรถบรรทุก เช่นเดียวกันกับระบบการทำงานของเครื่องยนต์ซึ่งดั้งเดิมนั้นมาจากระบบเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine) ในเวลาต่อมาได้มีการพัฒนามาสู่ระบบผสมพลังงานไฟฟ้า (Hybrid) และรถพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle – EV) เต็มรูปแบบซึ่งกำลังเป็นที่นิยมกันในปัจจุบัน
ทั้งหมดที่ยกมาเป็นเพียงตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและระบบรถยนต์ในภาพรวม ซึ่งแปรผันไปตามความนิยมและความต้องการของผู้บริโภคแต่ละช่วงเวลา เป็นผลให้ส่วนประกอบของรถยนต์ก็ย่อมต้องมีวิวัฒนาการเรื่องการออกแบบ และนวัตกรรมที่ออกสินค้าที่ตอบโจทย์และรองรับต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปตามสมรรถนะของรถยนต์ โดยหนึ่งในสินค้าส่วนประกอบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งซึ่งเป็นหนึ่งในสินค้าศักยภาพที่สำคัญของประเทศไทยก็คือ “ยางรถยนต์”
ในรายงานข่าวสัปดาห์นี้จะอภิปรายถึงแนวโน้มอนาคตของตลาดสินค้ายางรถยนต์เฉพาะกลุ่มรถยนต์ประเภท SUV/CUV ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งจะเป็นการสังเคราะห์รวบรวมความคิดเห็นของตัวแทนบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์รายใหญ่ของโลกในสหรัฐฯ กว่า 17 บริษัท อาทิ American Kenda Rubber, Hercules Tire, Bridgestone Americas, Goodyear Tire & Rubber North America, Hankook Tire America, Michelin North America, Yokohama Tire และ Nexen Tire Americas เป็นต้น ถึงประเด็นความท้าทายและโอกาสในตลาดสินค้ายางรถยนต์ SUV/CUV ภายในเวลาอีก 5 ปีนับจากนี้ ซึ่งสามารถสรุปได้ ดังนี้
การเติบโตของตลาดรถยนต์ SUV/CUV
ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตยางรถยนต์แห่งสหรัฐฯ (U.S. Tire Manufacturers Association: USTMA) ชี้ว่ากระแสและแนวโน้มของรถยนต์ประเภท SUV/CUV นั้นจะมีความนิยมในหมู่ผู้บริโภคสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปัจจุบันมีการประมาณการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปัจจุบันนี้ 4 ใน 5 คือรถยนต์กลุ่ม SUV โดยคาดการณ์ว่าภายในปีค.ศ. 2029 รถยนต์กลุ่มนี้จะครองตลาดกว่าร้อยละ 75 ซึ่งนั่นเท่ากับว่าสินค้าส่วนประกอบรถยนต์ที่จะตามมาย่อมเติบโตตามไปด้วย และเชื่อได้ว่าปริมาณความต้องการรถยนต์กลุ่มนี้มีแต่จะเติบโตขึ้น ทั้งนี้ หากนับเฉพาะเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พบว่ายอดขายของรถกลุ่มนี้เพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 9.6 จากปีก่อนหน้า ซึ่งถือว่าเติบโตทิ้งห่างรถยนต์ประเภทอื่น ๆ ที่ยอดขายคงตัวหรือไม่ก็ลดลง โดยอย่างน้อยที่สุดในปัจจุบันรถยนต์ SUV/CUV มีขนาดตลาดและอัตราเติบโตที่แซงหน้ารถยนต์สี่ประตูทั่วไป (Sedans) ไปแล้วอย่างมีนัยยะสำคัญ
เมื่อวิเคราะห์องค์ประกอบที่ทำให้รถยนต์กลุ่ม SUV/CUV ได้รับความนิยมโดดเด่นกว่ารถยนต์ประเภทอื่น พบว่าในภาพรวมผู้บริโภคสนใจและให้ความสำคัญกับรถยนต์กลุ่มนี้เนื่องจากเป็นประเภทรถยนต์ที่มีตัวเลือกที่หลากหลายกว่า ทั้งโมเดล ขนาด ความหรูหรา ความสะดวกสบาย และฟังก์ชันการใช้งานที่มีความอเนกประสงค์สูงกว่ารถยนต์ประเภทอื่น ๆ ซึ่งจะเห็นได้จากพัฒนาการของโมเดลรถยนต์กลุ่มนี้ที่ในปัจจุบันออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้กับสภาพพื้นที่ที่หลากหลายมากขึ้น กล่าวคือ นอกจากไว้ใช้ในเมืองขับขี่ตามปกติแล้วก็ยังสามารถใช้ลุยแบบ off-road ได้ในสภาพที่พอเหมาะ สามารถใช้เป็นรถที่บรรทุกสิ่งของได้ระดับหนึ่ง ในขณะที่ก็สามารถใช้เป็นรถครอบครัวได้ในคันเดียวกัน
ความท้าทายของระบบรถยนต์ไฟฟ้า
การเข้ามาของระบบรถยนต์ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมและตลาดของรถยนต์กลุ่ม SUC/CUV ทำให้เกิดแรงกระเพื่อมและความท้าทายในการปรับตัวรับกับความเปลี่ยนแปลงของระบบต่าง ๆ ที่จะต้องรองรับคุณลักษณะเฉพาะของรถยนต์ระบบไฟฟ้า เนื่องจากรถยนต์ที่ใช้ระบบเครื่องยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบจะมีความแตกต่างจากระบบเครื่องยนต์ทั่วไปที่ส่งผลต่อสมรรถนะและระบบอื่น ๆ ในการขับเคลื่อนรถยนต์ อาทิ ค่าแรงต้านทานการหมุนของยาง (Rolling Resistant) แรงบิดหรือค่าทอร์ค (Torque) น้ำหนักของตัวรถ (เครื่องยนต์และแบตเตอรี่) ไปจนถึงเสียงของเครื่องยนต์ ทั้งหมดเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากที่จะส่งผลต่อความพึงพอใจของผู้บริโภคในฐานะ ผู้ขับขี่รถยนต์ ซึ่งยังไม่นับรวมความคาดหวังและความต้องการใช้งานส่วนบุคคลที่จะยิ่งเพิ่มความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ความเห็นในภาพรวมของผู้ผลิตเห็นว่าการเข้ามาของระบบเครื่องยนต์ไฟฟ้าในตลาดรถยนต์ประเภท SUC/CUV จะยิ่งทำให้เกิดความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก แต่อย่างไรก็ตามก็มีการปรับตัวตามความต้องการของตลาดอยู่เสมอ ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าในปีนี้มีรถยนต์กลุ่ม SUV/CUV อย่างน้อยร้อยละ 30 ที่ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับระบบ EV ทั้งนี้ ในอีกมุมมองหนึ่งก็ยังมีผู้ประกอบการบางส่วนตั้งข้อสังเกตว่าขณะนี้ระบบเครื่องยนต์ Hybrid และ EV นั้นกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน (Transitional Phase) เรายังคงอยู่ในช่วงที่สังคมยังไม่สามารถเปลี่ยนไปเป็นระบบไฟฟ้าได้ทั้งหมดเต็มรูปแบบ ทำให้การอ่านอนาคตของตลาดรถยนต์ SUV/CUV ที่เป็น EV นั้นยังไม่อาจชัดเจน ด้วยข้อเท็จจริงที่ว่ายอดขายรถยนต์ SUV/CUV ที่เป็น EV นั้นยังต่ำกว่าที่ผลิตออกมาในปัจจุบัน
การเพิ่มโอกาสสินค้ายางรถยนต์
จากความหลากหลายของโมเดลและรูปทรงของรถยนต์ SUV/CUV และความซับซ้อนซึ่งสร้างเงื่อนไขเพิ่มเติมให้กับระบบที่รองรับการทำงานของรถยนต์จากระบบเครื่องยนต์ EV ทำให้เมื่อพิจารณาถึงโอกาสของสินค้าที่จะผลิตขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ใช้งานและผู้ขับขี่รถยนต์ SUV/CUV ในระบบ EV ของรถยนต์บางค่าย ควรต้องคำนึงถึงรายละเอียดของยางรถยนต์ ดังนี้
1.1) เนื่องจากแนวโน้มผู้บริโภคในตลาดอเมริกาเหนือนิยมรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้ขนาดของขอบยางที่จะเป็นที่ต้องการจะอยู่ที่ขนาดระหว่าง 18 นิ้ว – 22 นิ้วขึ้นไป โดยที่เชื่อว่าขนาด 19 นิ้ว น่าจะเป็นขนาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดด้วยขนาดที่พอเหมาะ
1.2) เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้งานและผู้ขับขี่ที่นิยมสมรรถนะความเร็วสูง ประเภทของยางตามอัตราความเร็วสูงสุดประเภท V (ความเร็วสูงสุด 240 กม./ชม.) W (ความเร็วสูงสุด 270 กม./ชม.) และ Y (ความเร็วสูงสุด 300 กม./ชม.) ซึ่งมีสมรรถนะทนทานต่อฤดูและสภาพพื้นผิวที่หลากหลายจะตอบโจทย์มากขึ้น
1.3) เพื่อตอบสนองความอเนกประสงค์ในการใช้งานรถยนต์กลุ่ม SUV/CUV ซึ่งมีทั้งผู้ใช้งานในเมืองทั่วไป ใช้งานเพื่อลุย เพื่อการบรรทุกและอื่น ๆ ทำให้ประเภทของยางที่สามารถรองรับสภาพพื้นผิวได้ทั้งถนนหลวง (ยางประเภท Highway Terrain หรือ H/T) ลุยโคลน (ยางประเภท Mud Terrain หรือ M/T) ยางที่เหมาะกับทุกสภาพภูมิประเทศ (ยางประเภท All Terrain หรือ A/T) และยางที่มีสรรถนะสูงมาก หรือ Ultra-high Performance (UHP) ควรจะมีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถเข้ากับทุกฤดูและสภาพอากาศได้ด้วยก็จะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
1.4) ด้วยเงื่อนไขพิเศษจากระบบ EV ทำให้ยางรถยนต์ที่จะมีคุณสมบัติเหมาะสมกับรถยนต์ EV ควรที่จะเป็นยางรถยนต์ที่ 1) มีประสิทธิภาพที่สูงขึ้นเพื่อรองรับแรงต้านทานการหมุนของยางที่ต่ำลง 2) พัฒนาอัตราการสึกหรอของดอกยาง (Treadwear) เพื่อรองรับแรงบิดที่สูงขึ้น และน้ำหนักตัวรถยนต์ที่มากขึ้นจากขนาดของแบตเตอรี่ และ 3) ศักยภาพในการลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ (Road Noise) เนื่องจากเครื่องยนต์รถยนต์ EV ที่เงียบกว่าเครื่องยนต์ทั่วไปไม่สามารถช่วยลดทอนเสียงรบกวนขณะขับขี่จากภายนอกได้
นอกเหนือจากที่ได้กล่าวไปในข้างต้นนั้น ผู้ประกอบการยังเชื่อว่าความหลากหลายของตัวเลือกสินค้ายางรถยนต์นั้นคือหัวใจสำคัญสำหรับโอกาสในตลาดรถยนต์ในอนาคต ผู้ผลิตควรให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา (Research & Development) เพื่อเพิ่มโอกาสให้เกิดนวัตกรรมในสินค้ายางรถยนต์มากขึ้น อาทิ ระบบเซ็นเซอร์อัจฉริยะ (Smart Censor) วัสดุที่มีความยืดหยุ่นคงทนสูงขึ้น ยืดอายุการใช้งานของยางและดอกยางได้นานขึ้น มีสรรถนะในการเกาะถนนได้ดีขึ้น มีส่วนช่วยในการประหยัดการเผาพลาญพลังงานของรถยนต์ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ในขณะที่ยังคงความนุ่มสบายในการขับขี่ ความปลอดภัย ตลอดจนความสวยงามภาพนอกก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ทั้งหมดอยู่ในดุลพินิจในการเลือกซื้อยางรถยนต์ของผู้บริโภค
บทวิเคราะห์/ข้อเสนอแนะ: เฉพาะสินค้ายางรถยนต์นั้น ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมูลค่าการส่งออกสินค้ากลุ่มดังกล่าวมายังสหรัฐฯมากที่สุดเป็นอันดับ 1 มาอย่างต่อเนื่อง โดยจากการสืบค้นข้อมูล สคต. ไมอามีพบว่าค่าเฉลี่ยมูลค่าการนำเข้าสินค้ายางรถยนต์ (HS Code 4011) ของสหรัฐฯ จากประเทศไทยในระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา มูลค่าอยู่ระหว่าง 2.7 – 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และประเทศไทยครองสัดส่วนการนำเข้าอยู่ประมาณร้อยละ 18 – 20 จากมูลค่าการนำเข้าสินค้ายางรถยนต์ทั้งหมดของสหรัฐฯ ข้อมูลสถิติชุดนี้บ่งบอกถึงศักยภาพการแข่งขั้นในตลาดของประเทศไทยในฐานะผู้ส่งออกสินค้ายางรถยนต์ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสินค้าผู้ผลิตทั่วโลกให้ความสำคัญ
ผู้ประกอบการและผู้ผลิตอุตสาหกรรมยางรถยนต์ในประเทศไทยควรติดตามข้อมูลแนวโน้มของตลาดในสหรัฐฯ อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งรายละเอียดความต้องการหรือสเปคของสินค้ายางรถยนต์ ซึ่งจากรายงานข่าวชุดนี้ที่ได้นำเสนอไปจะเห็นได้ว่ามีรายละเอียดในมิติที่หลากหลายมากพอสมควร ทั้งความต้องการส่วนบุคคลของผู้บริโภค ผู้ขับขี่ใช้งาน ความต้องการตามประเภทของรถยนต์และเครื่องยนต์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทิศทางความต้องการสินค้ายางรถยนต์ที่มุ่งเน้นตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานดูหรือสินค้าที่มีความอเนกประสงค์ในการใช้งานที่หลากหลายทั่วไปหรือมีความครอบคลุมแบบ Universal ซึ่งอาจต้องอาศัยระยะเวลาในการศึกษาวิจัยตลาดเพื่อนำมาพัฒนาตัวสินค้าให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ สำหรับเป็นการนำเสนอสินค้าทางเลือกใหม่ๆ ป้อนเข้าสู่ตลาดต่อไป
ที่มา: Modern Tire Dealer (MTD)
เรื่อง: “Hot Trends in CUV/SUV Tires”
โดย: Madison Gehring
สคต. ไมอามี /วันที่ 28 สิงหาคม 2567