- ตั้งแต่เดือนกันยายน 2566 ถึงเดือนสิงหาคม 2567 ซึ่งเป็นปีแรกของรัฐบาลใหม่ นำโดยนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต สภาเพื่อการพัฒนากัมพูชา ได้อนุมัติโครงการใหม่และโครงการขยายการผลิตจำนวน 391 โครงการด้วยเงินลงทุนกว่า 7.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และสามารถสร้างงานได้ประมาณ 340,000 ตำแหน่ง โดยจังหวัดกัมปงสปือได้รับโครงการลงทุนมากที่สุดถึง 95 โครงการ
- โดยมีจำนวนการลงทุนเพิ่มขึ้น 168 โครงการ เงินลงทุนเพิ่มขึ้น 4,672 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 161% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
- การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเกิดจากการเกิดขึ้นของโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ อุตสาหกรรม การท่องเที่ยว และเขตเศรษฐกิจพิเศษ
- โครงการที่สำคัญ ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมระดับ 5 ดาว ที่มีห้องพัก 2,870 ห้อง และศูนย์ธุรกิจในสีหนุวิลล์ด้วยเงินลงทุนประมาณ 574 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถสร้างงานได้ 3,860 ตำแหน่ง นอกจากนี้ ยังมีโครงการไฟฟ้าพลังน้ำ Stung Meteuk ขนาด 150 เมกะวัตต์ ในรูปแบบ BOT ณ อ.มณฑลสีมา จังหวัดเกาะกง ด้วยเงินลงทุนกว่า 440 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- ทั้งนี้ จีนยังครองอันดับหนึ่ง โดยมีสัดส่วนการลงทุน 60.44% ของการลงทุนทั้งหมด ในขณะที่การลงทุนในประเทศคิดเป็น 32.31% ของการลงทุนทั้งหมด
- โครงการอุตสาหกรรมลงทุนมากเป็นอันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 52% รองลงมาคือโครงสร้างพื้นฐาน 38% การท่องเที่ยว 8% และเกษตรกรรม 2%
ความเห็นของสำนักงานฯ
- การเพิ่มขึ้นของโครงการลงทุนเกิดจากความไว้วางใจ และการมองเห็นศักยภาพและโอกาสของนักลงทุนที่มีต่อกัมพูชา ซึ่งรวมถึงผลการเจรจาทางเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ที่ดีของกัมพูชากับประเทศต่างๆ ทำให้กัมพูชาสามารถดึงดูดการลงทุนเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี โดยเฉพาะการลงทุนของจีน ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อเทียบกับการลงทุนจากชาติอื่นๆ
- การลงทุนในภาคอุตสาหกรรมในกัมพูชายังครองอันดับ 1 แม้ว่ากัมพูชาจะถูกสหภาพยุโรปเพิกถอนสิทธิประโยชน์ทางภาษีไปบางส่วนก็ตาม กัมพูชาก็ยังคงสามารถผลิตเพื่อส่งออกไปยังตลาดสำคัญอื่นๆ ทั่วโลกได้เนื่องจากสิทธิประโยชน์จากข้อตกลงระดับภูมิภาค ข้อตกลงการค้าเสรีทวิภาคี อื่นๆ เป็นต้น
- อุตสาหกรรมในประเทศที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก เช่น สินค้าเกษตร อาหารแปรรูป วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า และของตกแต่งบ้าน ฯลฯ ดังนั้น จึงเป็นโอกาสของนักธุรกิจของไทยที่มีศักยภาพ ควรพิจารณาหาลู่ทางเข้ามาลงทุนในกัมพูชา เนื่องจากกัมพูชายังถือว่าเป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูงเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ
————————–
ที่มา: Phnom Penh Post
กันยายน 2567