ประเทศไทยมีชื่อเสียงว่าเป็น “ดีทรอยต์แห่งเอเชีย” เพราะมีอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่แข็งแกร่ง และยังมีจำนวนครัวเรือนที่มีรถจักรยานยนต์มากที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย ทำให้ KYMCO แบรนด์จักรยานยนต์ชื่อดังของไต้หวัน เห็นเป็นโอกาสที่จะใช้ไทยเป็นฐานสำคัญในขยายตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปสู่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุด KYMCO ได้เปิดตัวในประเทศไทยและเริ่มเปิดรับการสั่งจองแล้ว ซึ่ง Flagship Store แห่งแรกของ KYMCO จะเปิดตัวในกรุงเทพฯ อย่างเป็นทางการ ในเดือนตุลาคม 2567 และคาดว่าจะสามารถจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าหลายพันคันภายในปี 2568 โดยบริษัทฯ ยังมีแผนจะขยายสถานีสลับแบตเตอรี่ (ionex) ในประเทศไทยจากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 30 แห่ง ให้เพิ่มเป็นกว่า 70 แห่ง พร้อมทั้งวางแผนขยายตลาดไปอินโดนีเซียและประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตด้วย

KYMCO รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไต้หวันเตรียมใช้ไทยเป็นฐานขยายตลาดอาเซียน

ในช่วงที่ผ่านมา KYMCO ได้เร่งขยายตลาดไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่ง KYMCO ได้ลงทุนกว่า 6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2563 ร่วมกับ Grab ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้าน Delivery ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และได้สร้างความร่วมมือกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโทรคมนาคมอย่าง Chunghwa Telecom รวมถึง Delta Electronics ในการบุกตลาดอาเซียนนี้ โดยการขยายตลาดในประเทศไทยในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการที่ KYMCO ได้ร่วมทุนกับบริษัท Arun Plus ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของบริษัท ปตท. ของไทย ในการก่อตั้งบริษัทลูก คือ Aionex ขึ้นในปี 2565 เพื่อสร้างระบบนิเวศของรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าขึ้นในประเทศไทย การสร้างความร่วมมือกับ ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดด้านพลังงานในกลุ่มประเทศอาเซียน และมีเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันมากกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศไทย ส่งผลให้การสร้างสถานีสลับแบตเตอรี่ของ KYMCO ในประเทศไทยเป็นไปอย่างรวดเร็วและสะดวกเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ การที่รัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนพลังงานสะอาด ยิ่งช่วยให้ KYMCO สามารถตั้งตัวได้อย่างรวดเร็วในตลาดประเทศไทย และบริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะกลายเป็นผู้นำในตลาดรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยในอนาคตด้วย

นอกจากนี้ KYMCO ยังวางแผนที่จะใช้ไทยเป็นฐานสำคัญในการขยายตลาดไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งผู้บริหารของ Aionex เห็นว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีประชากรเกือบ 700 ล้านคน คิดเป็นประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนประชากรจีน และมี GDP คิดเป็นร้อยละ 8 ของโลก อีกทั้งภูมิภาคนี้ยังมีอายุเฉลี่ยของประชากรเพียง 21 ปี จึงถือว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง เมื่อเทียบกับไต้หวันที่มีอายุเฉลี่ยของประชากรสูงถึง 45 ปี อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ เห็นว่าการเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จำเป็นต้องมีการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคในประเทศไทยชื่นชอบรถจักรยานยนต์ที่มีความเร็วสูง ในขณะที่ผู้บริโภคในอินโดนีเซียและเวียดนามให้ความสำคัญกับความเสถียรของรถมากกว่า

ข้อมูลจาก: China Times / Economic Daily News / Commercial Times (October 1-15, 2024)

ข้อเสนอแนะ/ความคิดเห็นของ สคต.

การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของตลาดยานยนต์ที่เปลี่ยนจากการใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิง มาเป็นพลังงานไฟฟ้าถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการรายใหม่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถือเป็นตลาดสำคัญที่ผู้ประกอบการไต้หวันให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งในยุคของรถจักรยานยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน ตลาดในภูมิภาคนี้เป็นตลาดที่เข้าถึงได้ยากและมีการแข่งขันสูง แต่เมื่อเข้าสู่ยุครถไฟฟ้า เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าของไต้หวันทำให้บริษัทไต้หวันมีความได้เปรียบในตลาดนี้ อีกทั้งการขยายตลาดไปยังประเทศไทยของ KYMCO ยังเป็นโอกาสสำคัญ สำหรับผู้ประกอบการด้านชิ้นส่วนจักรยานยนต์ที่มีศักยภาพในการยกระดับสู่การผลิตชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า เพราะจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยรายใหม่สามารถเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานของ KYMCO ในอาเซียนได้

thThai