ตามข้อมูลที่รวบรวมโดยสำนักข่าว AA โดยได้ข้อมูลจากของสภาผู้ส่งออกตุรกีว่า การส่งออกผลไม้เมืองร้อนของตุรกี เช่น บลูเบอร์รี่ กีวี แก้วมังกร อะโวคาโด มะม่วง เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา โดยในปี 2020 มีการการส่งออกผลไม้เมืองร้อนคิดเป็นมูลค่ากว่า 7.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2021 จำนวน 14.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2022 จำนวน 18.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และเพิ่มขึ้นเป็น 24.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่แล้ว สำหรับในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับปีที่ผ่านมา การส่งออกผลไม้เขตร้อนของตุรกี มีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.69 โดยคิดเป็นมูลค่ากว่า 17.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
เมืองต่างๆ ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตก มีส่วนสําคัญในการผลิตและการส่งออกผลไม้เมืองร้อนที่เพิ่มขึ้นในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาของตุรกี โดยตัวเลขการส่งออกของแถบนี้ ซึ่งรวมถึงพื้นที่ทางการเกษตรที่สำคัญอย่างจังหวัดอันทาเลีย อิสปาร์ตา และบูรดูร อยู่ที่ 1.86 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2020 และขยับขึ้นเป็น 2.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 3.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และ 5.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปีที่ผ่านๆ มาตามลำดับ โดยในช่วงเดือนมกราคม-กันยายน 2023 นั้น มีการส่งออกผลไม้เขตร้อนออกไปมูลค่ากว่า 3.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีการส่งออกผลไม้เขตร้อนจากเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตกเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.79 คิดเป็นมูลค่ากว่า 4.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นาย Ümit Mirza Çavuşoğlu ประธานสมาคมผู้ส่งออกเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตก (BAİB) บอกกับนักข่าว AA ว่าเดิมทีการปลูกผลไม้เมืองร้อนที่เริ่มต้นในภูมิภาคนี้เป็นการปลูกเพื่อเป็นงานอดิเรกเสริมเพิ่มเติมจากพืชเพาะปลูกหลักอื่นๆ เท่านั้น แต่มันได้ได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปลูกผลไม้เขตร้อนของจังหวัดอันทาเลีย เช่น บลูเบอร์รี่ อะโวคาโด กีวี แก้วมังกร เสาวรส สับปะรด มะม่วง ที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก นาย Çavuşoğlu ตั้งข้อสังเกตว่าการเพิ่มขึ้นยังสะท้อนให้เห็นถึงภาคการส่งออกผลไม้เขตร้อนว่า กว่าร้อยละ 75 ของการปลูกผลไม้เมืองร้อนในตุรกีอยู่ในเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันตก
นาย Çavuşoğlu ได้ตั้งข้อสังเกตว่า มูลค่าของผลไม้เมืองร้อนนั้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพืชผลอื่นๆ จึงทำให้เป็นที่สนใจของบรรดาเกษตรกร อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้มีการเตือนเหล่าบรรดาเกษตรกรทั้งหลายให้เพาะปลูกโดยคำนึงถึงที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และสภาพภูมิอากาศด้วย “หากมีการวางแผนและการดําเนินการตามแผนที่ดี จะถือเป็นโอกาสที่ดีของพวกเราในการเพาะปลูกผลไม้เมืองร้อน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว เรากําลังพูดถึงมูลค่าการส่งออกที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ตอนนี้เรามาถึง 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แล้ว ในเกือบทุกๆ ปี มูลค่าการส่งออกสินค้าของเราเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 เมื่อปีที่แล้วเราปิดยอดด้วยตัวเลขที่สูงกว่า 5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในปีนี้เราจะไปถึง 7.5-8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ” เขากล่าว
ข้อคิดเห็นจากสำนักงานฯ
ผลไม้เขตร้อนเป็นผลไม้ที่ได้รับความสนใจจากคนตุรกีมานานแล้ว ด้วยรสชาติที่ไม่จำเจและหวานอร่อยกว่าผลไม้เมืองหนาวหรือผลไม้ท้องถิ่นและถือเป็นผลไม้ที่หาทานยากและมีราคาที่ค่อนข้างสูงเนื่องจากต้องพึ่งพาการนำเข้า โดยก่อนหน้านี้ตุรกีได้มีการนำเข้าผลไม้เขตร้อนจากหลากหลายแหล่งด้วยกันไม่ว่าจะเป็นจากอเมริกาใต้หรือแม้แต่จากเอเชีย ทั้งการเพาะปลูกผลไม้เขตร้อนในตุรกีเองถือเป็นเรื่องยากกว่า ด้วยสภาพอากาศที่ไม่เหมาะสมและ องค์ความรู้เกี่ยวกับการเพาะปลูกผลไม้เขตร้อนต่างๆ ที่ยังไม่พร้อมมากพอ แต่ปัจจุบันทางตอนใต้ของตุรกีบริเวณเขตทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เกษตรกรจำนวนมากเริ่มหันมาสนใจเพาะปลูกผลไม้เขตร้อนมากยิ่งขึ้น ด้วยผลตอบแทนที่สูงกว่า และภูมิภาคดังกล่าวก็ถือเป็นภูมิภาคที่มีความพร้อมที่สุดในการเพาะปลูกพืชผักผลไม้เขตร้อน เนื่องด้วยเป็นภูมิภาคที่มีช่วงเวลาที่อากาศเหมาะสม จึงจะเห็นได้ว่าปัจจุบันจะเริ่มเห็นผลไม้เขตร้อนหลายๆ อย่างเป็นผลผลิตที่เกิดขึ้นในประเทศแทนการนำเข้าด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ดีถึงแม้จะเป็นภูมิภาคในประเทศ ที่เหมาะสมที่สุด แต่ในฤดูหนาวสภาพอากาศโดยรวมก็ยังไม่เหมาะสมกับการเพาะปลูกผลไม้เขตร้อนเช่นกัน
ที่มา https://www.aa.com.tr/tr/ekonomi/turkiyenin-tropikal-meyve-ihracati-17-5-milyon-dolari-asti/3358630