ดิวาลีเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดของอินเดีย โดยจะมีการเฉลิมฉลองด้วยการประดับไฟ ตกแต่งบ้านเรือน และเพิ่มการจับจ่ายสินค้า ซึ่งส่งผลให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในสินค้าทองคำ เพชร เครื่องประดับ แฟชั่น และของตกแต่งบ้าน ด้วยขนบธรรมเนียมของเทศกาลอินเดียนี้ การซื้อของดังกล่าวถือเป็นความเชื่อเชิงสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง นำไปสู่การเพิ่มยอดขายสินค้าที่มีความหรูหรา เครื่องแต่งกาย และของตกแต่งภายในบ้านที่เพิ่มขึ้น
เทศกาลดิวาลี 2567 ในปีนี้ตรงกับช่วงวันที่ 28 ตุลาคม – 3 พฤศจิกายน 2567 คาดว่าผู้บริโภคชาวอินเดียจะใช้จ่ายประมาณ 1.85 ล้านล้านรูปี (1 เหรียญสหรัฐฯ= 83 รูปี) โดยประมาณ 40% ของมูลค่าการใช้จ่ายจะถูกจัดสรรให้กับสินค้าในกลุ่มของตกแต่งบ้าน ด้วยความนิยมของชาวอินเดียที่เลือกจะใช้จ่ายเพื่อปรับปรุงบ้านและซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ในช่วงเทศกาล
ดิวาลีทำให้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการกลุ่มสินค้าเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่และแบบโมดูลาร์ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากพฤติกรรมผู้ซื้อในปัจจุบันให้ความสำคัญและสนใจเฟอร์นิเจอร์ที่มีคุณภาพ เพื่อยกระดับการใช้สอยพื้นที่อยู่อาศัย ซึ่งความชอบในรูปแบบที่ทันสมัยและสามารถปรับเปลี่ยนได้ในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งความสะดวกและสไตล์ เฟอร์นิเจอร์นำเข้าจึงกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้บริโภคในตลาดอินเดีย

Diwali 2024 เทศกาลแห่งการใช้จ่าย

จากกราฟ แสดงผลสำรวจของสัดส่วนการใช้จ่ายต่อครัวเรือนอินเดียในช่วงเทศกาล โดยระบุว่าครอบครัวส่วนใหญ่เตรียมงบประมาณที่จะใช้จ่ายในช่วงเทศกาลมากกว่าค่าใช้จ่ายปกติประจำเดือน ซึ่งผู้บริโภคมากว่า 50 % ของกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม มีแผนที่จะใช้จ่ายมากกว่า 10,000 รูปีอินเดีย ในขณะที่ 18% พิจารณาที่จะใช้จ่ายระหว่าง 20,000 – 50,000 รูปีอินเดีย หรือมากกว่านั้น
ในช่วงเทศกาลดิวาลี ครอบครัวอินเดียจำนวนมากยินดีที่จะลงทุนในการปรับปรุงที่พักอาศัยและซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่ๆ ด้วยแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในด้านการตกแต่งบ้านและเฟอร์นิเจอร์พรีเมียม ข้อมูลชี้ให้เห็นว่าครอบครัวชาวอินเดียให้ความสำคัญกับการซื้อเฟอร์นิเจอร์คุณภาพในช่วงเทศกาลดิวาลี ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ขายเฟอร์นิเจอร์และผู้ส่งออกไทย

ข้อมูลเพิ่มเติม
การนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านของอินเดียจากประเทศไทยยังคงครองส่วนแบ่งตลาดที่ไม่มากเมื่อเทียบกับแหล่งนำเข้าหลักๆ เช่น จีน มาเลเซีย เวียดนาม และอิตาลี โดยสามารถเปรียบเทียบได้ ดังนี้:
1. จีน: อินเดียนำเข้าเฟอร์นิเจอร์จากจีนมากที่สุด คิดเป็นประมาณ 50-60% ของการนำเข้าทั้งหมด ความโดดเด่นของจีนมาจากต้นทุนการผลิตที่ต่ำและความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์
2. มาเลเซียและเวียดนาม: ทั้งสองประเทศเป็นผู้ส่งออกเฟอร์นิเจอร์สำคัญไปยังอินเดีย คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 10-15% ของการนำเข้าเฟอร์นิเจอร์อินเดียทั้งหมด โดยสินค้าจากประเทศดังกล่าวมีชื่อเสียงในด้านคุณภาพพร้อมกับราคาที่เข้าถึงได้ รวมทั้งมีการออกแบบที่ตอบโจทย์ต่อผู้บริโภคตลาดระดับกลาง

3. อิตาลี: แม้ว่าปริมาณการนำเข้าสินค้าจะมีจำนวนไม่มากเท่าประเทศอื่น แต่อิตาลีสามารถครองสัดส่วนในตลาดสินค้าหรูหราประมาณ 5-8% เฟอร์นิเจอร์จากอิตาลีเป็นที่ต้องการเนื่องจากคุณภาพพรีเมียมและการออกแบบที่มีเอกลักษณ์
4. ไทย: ส่วนแบ่งตลาดสินค้าของไทยในตลาดอินเดียมีประมาณ 2-3% ซึ่งยังคงอยู่ในระดับน้อย แต่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์จากไทยได้รับการยอมรับในด้านฝีมือการผลิตคุณภาพสูง การออกแบบร่วมสมัย และวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ความท้าทายของการเลือกสินค้านำเข้าจากประเทศไทย
1. งานฝีมือคุณภาพ: เฟอร์นิเจอร์ไทยมีชื่อเสียงด้านงานฝีมือที่มีคุณภาพสูง ซึ่งมักผสมผสานเทคนิคดั้งเดิมกับการออกแบบที่ทันสมัย ทำให้เหมาะสำหรับผู้บริโภคที่มองหาชิ้นงานที่มีความเป็นเอกลักษณ์และทนทาน
2. การใช้วัสดุธรรมชาติ: เฟอร์นิเจอร์ไทยมักเน้นการใช้วัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หวาย และไม้ไผ่ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นในการเลือกผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอินเดีย
3. ราคาที่แข่งขันได้: เมื่อเปรียบเทียบสินค้าทไยกับแบรนด์จากยุโรป เฟอร์นิเจอร์จากไทยมีราคาที่ค่อนข้างย่อมเยา ในขณะที่ยังคงรักษาคุณภาพและการออกแบบ ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับตลาดอินเดียที่มีความอ่อนไหวด้านราคา
ข้อคิดเห็น
เทศกาลดิวาลีนับว่าเทศกาลสำคัญของอินเดียในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเนื่องจากเศรษฐกิจจะเกิดการหมุนเวียนมากขึ้น ผู้บริโภคมีสัดส่วนการใช้จ่ายต่อครัวเรือนอินเดียในช่วงเทศกาลสูงกว่าค่าใช่จ่ายในระดับปกติ อาจกล่าวได้ว่าครอบครัวอินเดีย 1 ใน 2 ของทุกๆครัวเรือนจะมีอัตราการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลดิวาลีมากกว่า 10,000 รูปี/ครัวเรือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับจ่ายสินค้าเพื่อปรับปรุงที่พักอาศัยและซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้าบ้าน ตามความเชื่อทางศาสนาถึงความเจริญรุ่งเรื่อง โดยรัฐบาลคาดการณ์ว่า ผู้บริโภคชาวอินเดียจะใช้จ่ายประมาณ 1.85 ล้านล้านรูปี ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดของสินค้าเฟอร์นิเจอร์ไทย ให้สามารถเจาะตลาดอินเดียให้มากขึ้น ผู้ประกอบการไทยควรพิจารณาถึงปัจจัยสำคัญต่างๆ อาทิ มุ่งเน้นเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่และร่วมสมัย เฟอร์นิเจอร์จากวัสดุธรรมชาติเช่น ไม้และหวาย ของตกแต่งที่มีเอกลักษณ์และศิลปะดั้งเดิม ตัวเลือกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน เฟอร์นิเจอร์ที่ปรับแต่งได้ (DIY) นอกจากนี้ ตลาดอินเดียเป็นตลาดที่อ่อนไหวกับการตั้งราคาและกลุ่มผู้จับจ่ายมีความจำเพาะ การพิจารณาตั้งกลยุทธ์ทางการตลาด เช่น การส่งเสริมการขายผ่านผู้ค้าปลีกในท้องถิ่น ตลาดออนไลน์ และการส่งเสริมการขายในช่วงเทศกาลรวมถึงสินค้าอื่นๆ ที่ไทยมีศักยภาพด้านดีไซน์ เช่น แฟชั่น เครื่องหนัง และของตกแต่งบ้าน จะสามารถทำตลาดในอินเดียให้เป็นที่รู้จักได้อย่างรวดเร็ว โดยปี 2566 ไทยเป็นตลาดนำเข้าเฟอร์นิเจอร์อันดับที่ 7 ของอินเดีย

thThai