เมืองเฉิงตู มหานครแห่งมณฑลเสฉวน กำลังแสดงให้เห็นถึงพลังการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 สามารถสร้างผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สูงถึง 1.67 ล้านล้านหยวน เติบโตขึ้นร้อยละ 5.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตทางเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง ความโดดเด่นของเฉิงตูยิ่งเด่นชัดขึ้น เมื่อ 6 เขตการปกครองภายใต้การบริหารของเมืองได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน “100 เขตที่มีศักยภาพด้านการลงทุนแห่งประเทศจีน ประจำปี 2567” จากรายงานดัชนีการพัฒนาคุณภาพสูงของเมืองขนาดกลางและขนาดเล็กในจีน โดยเขตผีตู (Pidu) ได้รับการจัดอันดับที่ 41 ตามมาด้วยเขตซวงหลิว (Shuangliu) ที่อันดับ 44 เขตหลงเฉวียนยี่ (Longquanyi) ที่อันดับ 49 เขตซินตู (Xindu) ที่อันดับ 63 เขตชิงไป๋เจียง (Qingbaijiang) ที่อันดับ 66 และเขตซินจิ้น (Xinjin) ที่อันดับ 91
ปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดนักลงทุนสู่เฉิงตูคือนโยบายสนับสนุนการลงทุนที่ครอบคลุมและเป็นรูปธรรม ประกอบกับการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมที่สำคัญของจีนตะวันตก ทั้งทางอากาศ ทางรถไฟ และการขนส่งทางบก เชื่อมโยงกับเส้นทางสายไหมใหม่ (Belt and Road Initiative) อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ เมืองยังมีฐานอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ยานยนต์ไฟฟ้า และอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ความน่าสนใจอีกประการของเฉิงตูคือการมีทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพสูง ด้วยมหาวิทยาลัยชั้นนำกว่า 56 แห่ง และสถาบันวิจัยระดับชาติมากมาย ทำให้เมือง มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถพร้อมขับเคลื่อนการพัฒนาในทุกภาคส่วน ขณะเดียวกัน คุณภาพชีวิตที่ดีของเมือง ทั้งในแง่สภาพแวดล้อม วัฒนธรรม และสิ่งอำนวยความสะดวก ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้มีความสามารถจากทั่วโลก
สำหรับนักลงทุนที่สนใจโอกาสในเฉิงตู คู่มือการลงทุนเฉิงตูประจำปี 2567 ได้รวบรวมข้อมูลสำคัญทั้งด้านนโยบายส่งเสริมการลงทุน อุตสาหกรรมเป้าหมาย และโครงการที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจใหม่ทั้ง 6 แห่งที่ได้รับการจัดอันดับข้างต้น ซึ่งแต่ละเขตมีจุดแข็งและโอกาสที่แตกต่างกันไป เช่น เขตผีตูที่โดดเด่นด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูง เขตซวงหลิวที่เป็นศูนย์กลางการบินและโลจิสติกส์ หรือเขตหลงเฉวียนยี่ที่เป็นฐานการผลิตยานยนต์ที่สำคัญ ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาที่ชัดเจน การสนับสนุนจากภาครัฐที่เข้มแข็ง และศักยภาพการเติบโตที่โดดเด่น เฉิงตูจึงเป็นจุดหมายการลงทุนที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะในช่วงที่จีนกำลังเร่งพัฒนาภูมิภาคตะวันตกให้เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ของประเทศ
ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของเฉิงตูเปิดโอกาสสำคัญสำหรับประเทศไทยในการเชื่อมโยงความร่วมมือทางเศรษฐกิจผ่านกรอบความร่วมมือ Regional Comprehensive Economic Partnership-RCEP[1] และ ASEAN โดยเฉพาะในด้านการค้าและการลงทุน ไทยควรใช้ประโยชน์จากการเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและความสัมพันธ์อันดีกับจีน ในการพัฒนาความร่วมมือกับเฉิงตูในหลายมิติ
ประการแรก ไทยควรส่งเสริมการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานในอุตสาหกรรมที่เฉิงตูมีความเข้มแข็ง เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยอาศัยข้อได้เปรียบด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และสิทธิประโยชน์ภายใต้ RCEP โดยเฉพาะการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ให้เป็นฐานการผลิตที่เชื่อมโยงกับเขตอุตสาหกรรมสำคัญของเฉิงตู เช่น เขตหลงเฉวียนยี่ที่เป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ หรือเขตผีตูที่เป็นศูนย์กลางนวัตกรรม
ประการที่สอง ไทยควรผลักดันการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีกับสถาบันการศึกษาและวิจัยในเฉิงตู เพื่อยกระดับขีดความสามารถของบุคลากรและอุตสาหกรรมไทย โดยเฉพาะในสาขาที่เป็นจุดแข็งของเฉิงตู ทั้งนี้ ควรส่งเสริมการทำความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยไทยกับมหาวิทยาลัยชั้นนำในเฉิงตู การแลกเปลี่ยนนักวิจัย และการพัฒนาหลักสูตรร่วม เพื่อสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญในการทำงานกับจีน
ประการที่สาม ไทยควรใช้ประโยชน์จากการที่เฉิงตูเป็นศูนย์กลางการคมนาคมของจีนตะวันตกในการพัฒนาเส้นทางขนส่งและโลจิสติกส์เชื่อมโยงกับไทยและอาเซียน โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟจีน-ลาว และการพัฒนาเส้นทางการบินตรงระหว่างเมืองสำคัญของไทยกับเฉิงตู ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกทั้งด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว
ประการที่สี่ ไทยควรส่งเสริมการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกับเฉิงตู ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรกว่า 21.40 ล้านคนและมีกำลังซื้อสูง โดยนำเสนอจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติของไทย พร้อมทั้งส่งเสริมการจัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างสองเมือง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ในระดับประชาชน
ประการสุดท้าย ไทยควรศึกษาและประยุกต์ใช้นโยบายส่งเสริมการลงทุนที่ประสบความสำเร็จของ เฉิงตู โดยเฉพาะในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจใหม่และการดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันของไทยในภูมิภาค การเรียนรู้จากความสำเร็จของเฉิงตูจะช่วยให้ไทยสามารถพัฒนานโยบายที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในการพัฒนาเศรษฐกิจ
————————————————–
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครเฉิงตู
ตุลาคม 2567
แหล่งข้อมูล :
https://mp.weixin.qq.com/s/leha8IS-O9LN9x8Il5_kBQ
[1] Regional Comprehensive Economic Partnership คือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค เป็นความตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประกอบด้วยสมาชิก 15 ประเทศ ได้แก่ กลุ่มประเทศอาเซียน 10 ประเทศ และประเทศคู่เจรจา 5 ประเทศ (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์)