ผู้ผลิตสหรัฐฯ ลุยฟ้อง AD เหล็กเม็กซิโก ส่อแววกระทบส่งออก

ผู้ผลิตสหรัฐฯ ลุยฟ้อง AD เหล็กเม็กซิโก ส่อแววกระทบส่งออก  

Zekelman Industries บริษัทผู้ผลิตท่อและเหล็กชั้นนำในอเมริกาเหนือ ได้ยื่นฟ้องเม็กซิโกเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2024 โดยกล่าวหาว่าเม็กซิโกละเมิดข้อตกลงทางการค้าและทุ่มตลาดสินค้าเหล็กในสหรัฐอเมริกา การฟ้องร้องนี้เน้นไปที่การกระทำที่ขัดต่อหลักการภายใต้ข้อตกลง USMCA และมีการเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐบังคับใช้กฎหมายและมาตรการทางการค้าระหว่างประเทศอย่างเข้มงวด

บริษัทฯ กล่าวว่าการกระทำของเม็กซิโกส่งผลเสียอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมเหล็กในสหรัฐฯ โดยทำให้ผู้ผลิตเหล็กในประเทศต้องชะลอการลงทุน และปิดโรงงานหลายแห่ง ส่งผลกระทบต่อการจ้างงาน การเติบโตทางเศรษฐกิจ และเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศเนื่องจากอุตสาหกรรมเหล็กมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจรวมถึงกองทัพของสหรัฐฯ

Zekelman Industries เป็นหนึ่งในผู้ผลิตท่อและโครงสร้างเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการผลิตท่อและโครงเหล็กสำหรับภาคอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การก่อสร้าง พลังงาน และการขนส่ง บริษัทมีโรงงานหลายแห่งกระจายอยู่ทั่วสหรัฐอเมริกาและแคนาดา โดยเน้นการผลิตที่มีคุณภาพสูงและสนับสนุนการผลิตในประเทศเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจในประเทศ โรงงานในเครือของ Zekelman เคยมีบทบาทสำคัญในการผลิตท่อและชิ้นส่วนสำหรับโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ เช่น ท่อสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซ และโครงสร้างสำหรับอาคารสูง ทั้งนี้ Zekelman ยังเป็นผู้สนับสนุนการใช้มาตรการกีดกันการค้าต่อสินค้านำเข้าจากประเทศที่สาม เพื่อส่งเสริมการผลิตภายในประเทศสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

ข้อกล่าวหาของ Zekelman Industries บริษัทฯ อ้างว่าการฟ้องทุ่มตลาดดังกล่าวมีสาเหตุมาจากการที่เม็กซิโกส่งออกเหล็กเข้าสู่สหรัฐฯ ในปริมาณที่เกินกว่าที่กำหนดไว้ภายใต้ความตกลง USMCA ซึ่งใช้ค่าเฉลี่ยการส่งออกในช่วงปี 2015 – 2017 เป็น Baseline ทั้งนี้ บริษัทฯ อ้างว่า ในปี 2022 ปริมาณการส่งออกเหล็กจากเม็กซิโกไปยังสหรัฐเพิ่มสูงขึ้นกว่าปริมาณ Baseline ถึง 72% นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลจากกลุ่มผู้สนับสนุนนโยบายปกป้องทางการค้าของสหรัฐฯ (Coalition for a Prosperous America หรือ CPA) ที่ระบุว่าปริมาณการส่งออกเหล็กจากเม็กซิโกเข้าไปยังตลาดสหรัฐในปี 2023 สูงกว่า baseline ถึง 36% และจะเพิ่มขึ้นอีกในปี 2024 ส่งผลให้เกิดความไม่สมดุลในตลาดและสร้างความเสียหายต่อผู้ผลิตในประเทศ โดยบริษัทฯ ยังระบุอีกว่าการทุ่มตลาดของเม็กซิโกส่งผลให้ต้องปิดโรงงานใน Long Beach และ Chicago ในปี 2022 ซึ่งกระทบต่อแรงงานกว่า 400 คน การลดการผลิตดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่รุนแรงในอุตสาหกรรมเหล็กที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งมีมูลค่าการผลิตรวมกว่า 5.20 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และสนับสนุนการจ้างงานกว่า 1.7 ล้านตำแหน่ง

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ยื่นคำร้องต่อสำนักงานความมั่นคงภายในของสหรัฐฯ (U.S. Office of Homeland Security) และศาลรัฐเพนซิลเวเนีย โดยเรียกร้องให้มีการบังคับใช้มาตรการปกป้องทางการค้าอย่างเคร่งครัด และอ้างว่าเม็กซิโกทำหน้าที่เป็น “Backdoor” ให้กับสินค้าของจีนผ่านเข้าตลาดสหรัฐฯ โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าซึ่งข้อกล่าวหาดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากนักการเมืองของทั้งสองพรรคเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากสินค้าเหล็ก/อะลูมิเนียมที่ถูกส่งจากจีนมายังเม็กซิโกและผ่านกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มมูลค่า อาทิ การเคลือบ การเชื่อม การประกอบ จะได้ถิ่นกำเนิดในเม็กซิโกและสามารถส่งออกไปยังสหรัฐฯ โดยใช้สิทธิพิเศษทางภาษีภายใต้ความตกลง USMCA ได้

เพื่อเป็นการป้องกันการหลบเลี่ยงภาษีของสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากจีนดังกล่าว รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ออกกฎใหม่ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผลิตภัณฑ์เหล็กที่นำเข้าจากเม็กซิโก ต้องผ่านกระบวนการหลอมและเท (melt and pour) และสินค้าอะลูมิเนียมต้องผ่านการหล่อและหลอม (cast and smelt) ภายในเขตอเมริกาเหนือซึ่งเป็นประเทศภาคี (สหรัฐฯ, แคนาดา, เม็กซิโก) จึงจะสามารถใช้พิเศษทางภาษีภายใต้ความตกลง USMCA ได้ หากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ผ่านการหลอมหรือผลิตในประเทศอื่น เช่น จีนหรืออินเดีย จะต้องถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มอีก 25% ตามข้อกำหนดภายใต้ Section 232 ซึ่งเป็นกฎหมายของสหรัฐฯ ที่ให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีในการปรับใช้มาตรการต่างๆ เช่น ภาษีหรือการจำกัดการนำเข้า เมื่อมีการพิจาณาว่าการนำเข้าสินค้าใดเป็นภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติ กฎหมายนี้ใช้เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายใน เช่น เหล็กและอะลูมิเนียม รวมทั้งเพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศและรักษาความสามารถในการผลิตในประเทศสำหรับสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง

รัฐบาลเม็กซิโกภายใต้การนำของประธานาธิบดี Claudia Sheinbaum ได้แสดงจุดยืนในเรื่องดังกล่าวโดยปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าเม็กซิโกเป็น Backdoor ให้สินค้าจากจีนสวมสิทธิและแอบอ้างถิ่นกำเนิดเพื่อเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ และยืนยันว่าเม็กซิโกมีเป้าหมายในการลดการพึ่งพาการนำเข้าจากจีนและเสริมสร้างความร่วมมือกับสหรัฐฯ ผ่านกรอบ USMCA โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Marcelo Ebrard รัฐมนตรีเศรษฐกิจเม็กซิโก กล่าวว่าประเทศจะปกป้องผลประโยชน์ของภูมิภาคอเมริกาเหนืออย่างเต็มที่ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิก USMCA

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หากการฟ้องทุ่มตลาดสินค้าเหล็กของ Zekelman Industries ประสบผลสำเร็จประเด็นดังกล่าวอาจกลายเป็นหนึ่งในอุปสรรคของการเจรจาทบทวนความตกลง USMCA ที่จะมีขึ้นในปี 2026 ซึ่งรัฐบาลเม็กซิโกมีเป้าหมายในการเจรจาประเด็นการส่งเสริมการลงทุนและผ่อนปรนข้อกำหนดต่างๆ เพื่อให้เม็กซิโกสามารถใช้ประโยชน์จากความตกลงฯ ได้มากขึ้น อย่างไรก็ดี จากการที่ นาย Donald Trump ชนะการเลือกตั้งประธาณาธิบดี เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เม็กซิโกจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเจรจากับสหรัฐฯ เนื่องจากในระหว่างการหาเสียง Trump ได้ประกาศนโยบายที่จะปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ โดยจะเพิ่มการเก็บภาษีนำเข้าอีก 10% – 20% สำหรับสินค้าทุกชนิด และเพิ่มขึ้นเป็น 200% สำหรับรถยนต์นำเข้าบางประเภท นอกจากนี้ ยังได้แสดงจุดยืนที่จะใช้มาตรการต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้รถยนต์จากเม็กซิโกเข้าไปยังตลาดสหรัฐฯ ซึ่งหากสหรัฐฯ ดำเนินนโยบายตามแนวทางดังกล่าวจะสร้างความตึงเครียดระหว่างเม็กซิโกและสหรัฐฯ รวมถึงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศเนื่องจากเม็กซิโกและสหรัฐฯ เป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 1 ของกันละกัน โดยในปี 2024 (ม.ค. – ส.ค.) เม็กซิโกนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่ากกว่า 1.55 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 42.66% ของมูลค่าการนำเข้ารวมจากทั่วโลก  ในขณะที่สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกมูลค่า 3.79 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 15.66% ของมูลค่าการนำเข้ารวม

——————————————————————

ที่มา

– Zekelman Industries files suit against Mexico for steel dumping and trade violations (https://mexiconewsdaily.com/business/zekelman-industries-filed-a-lawsuit-against-mexico/)

– Trade Update: Crackdown on Transshipment of Steel Products via Mexico  (https://www.awpa.org/2024/07/29/trade-update-crackdown-on-transshipment-of-steel-products-via-mexico/)

 

 

thThai