ผลการสำรวจจาก Ernst & Young (EY) CEO Outlook Pulse 2024 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารระดับสูง (CEO) จากบริษัทชั้นนำทั่วโลก จำนวน 1,200 คน ใน 21 ประเทศ รวมถึงประเทศเม็กซิโก พบว่า ประเทศที่เป็นจุดหมายปลายทางหลักสำหรับการลงทุน อันดับที่ 1 ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ตามมาด้วยอันดับที่ 2 สหราชอาณาจักร อันดับที่ 3 แคนาดา เม็กซิโกเป็นประเทศอันดับที่ 4 และเยอรมนีอยู่ในอันดับที่ 5
ผลสำรวจดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มและกลยุทธ์ทางธุรกิจในปัจจุบัน การสำรวจนี้มุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญ เช่น การนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาปรับใช้ในองค์กร และกลยุทธ์การจัดสรรเงินทุนในสภาพแวดล้อมเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และกลยุทธ์การลงทุนของCEO ซึ่งข้อมูลจากรายงานนี้ช่วยให้เข้าใจถึงทิศทางและความท้าทายที่ผู้บริหารระดับสูงต้องเผชิญในสภาพแวดล้อมธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เม็กซิโกได้รับความสนใจจากบริษัทในเอเชียที่ต้องการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดอเมริกาเหนือ โดยเฉพาะในภาคการผลิตและเทคโนโลยี ในขณะที่แคนาดาสามารถดึงดูดบริษัทจากยุโรปที่ต้องการลงทุนในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ ความได้เปรียบของเม็กซิโกในการเป็นจุดหมายปลายทางการลงทุนมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น แรงงานขนาดใหญ่และค่าแรงถูกว่าประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ความใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกาที่เป็นตลาดใหญ่และมีศักยภาพสูง ทำให้เม็กซิโกเป็นศูนย์กลางการผลิตที่สำคัญ อีกทั้งยังมีข้อตกลงการค้าเสรีอย่าง USMCA (United States-Mexico-Canada Agreement) ซึ่งช่วยลดอุปสรรคทางการค้าและส่งเสริมการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิก ในทางกลับกัน การลงทุนในเม็กซิโกยังคงเผชิญความท้าทายจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ไม่แน่นอน การเลือกตั้งประธานาธิบดีในสหรัฐฯ ยังคงเป็นปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนต่อการลงทุน รายงานของ EY ยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจโลก เช่น การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ห่วงโซ่อุปทาน และการคาดการณ์การเติบโต
ทั้งนี้ ประเด็นที่ CEO ให้ความสำคัญในการเลือกเม็กซิโกเป็นจุดหมายในการลงทุน มีดังนี้
ความสำคัญของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในกลยุทธ์ทางธุรกิจ จากการสำรวจ พบว่า 70% ของ CEO ยอมรับว่าปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจในอนาคต 99% ของ CEO วางแผนที่จะลงทุนใน AI เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน ขณะที่ 26% ยอมรับว่าความเร็วในการพัฒนาเทคโนโลยี AI เป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการจัดสรรเงินลงทุน นอกจากนี้ ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่า 50% ของ CEO ในเม็กซิโกเชื่อว่าเทคโนโลยีจะช่วยยกระดับความเป็นผู้นำของผู้บริหาร ในขณะที่ 46% มีมุมมองว่าบริษัทควรลงทุนในเทคโนโลยีเพื่อให้ได้เปรียบทางการแข่งขัน ทั้งนี้ มีข้อมูลว่า 4 ใน 10 บริษัทในเม็กซิโกอยู่ในขั้นตอนการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ AI และ 45% ของ CEO เชื่อว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-5 ปี ในการได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนใน AI
แนวทางการลงทุนเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน ถึงแม้ว่าสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโลกจะมีความไม่แน่นอน อันเป็นผลมาจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และภาวะเศรษฐกิจที่มีการชะลอตัว แต่ CEO ส่วนใหญ่ยังคงคาดการณ์ถึงการเติบโตที่สูงในระยะสั้น โดยเฉพาะการเพิ่มการลงทุนในการวิจัยและพัฒนา (R&D) และการลงทุนในสินทรัพย์ (Capex) โดย 89% ของ CEO มีแผนจะลงทุนในอีก 12 เดือนข้างหน้า โดยเน้นการลงทุนในรูปแบบ R&D สูงถึง 42% การควบรวมและซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions: M&A) 38% และการร่วมทุน (Corporate Venture Capital) อยู่ที่ 40% นอกจากนี้ เหล่า CEO เห็นว่าประเด็นการพัฒนาที่ยั่งยืนและกฎระเบียบภาครัฐเป็นความท้าทายหลักในการดำเนินธุรกิจ โดย 52% ของ CEO เห็นว่าวาระด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental, Social, and Governance: ESG) จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในปีข้างหน้า และ 46% เห็นว่าการเปลี่นแปลงของกฎระเบียบภาครัฐจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อธุรกิจ
เน้นการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจ CEO เริ่มมองเห็นโอกาสในการสร้างพันธมิตรทางยุทธศาสตร์และบริษัทร่วมทุน (Joint Ventures) รวมถึงการปรับโครงสร้างพอร์ตโฟลิโอ โดยมีแนวโน้มในการฟื้นตัวของตลาดหุ้น IPO ซึ่งจะช่วยเสริมความมั่นใจและเพิ่มศักยภาพในการขยายธุรกิจ โดยผลสำรวจระบุว่า 66% ของ CEO ในเม็กซิโกมั่นใจว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นในปี 2024 เทียบกับปี 2023 และ 50% เชื่อว่ารายได้สุทธิจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ผลกระทบจากนโยบาย เม็กซิโกมีระบบการผลิตแบบ “Maquila” ซึ่งเป็นการลงทุนของบริษัทต่างชาติในการสร้างโรงงานการผลิตในเม็กซิโกเพื่อใช้ประโยชน์จากต้นทุนค่าแรงที่ต่ำ โดยนำเข้าวัตถุดิบ/ชิ้นส่วนจากต่างประเทศมาใช้ในการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายไปยังตลาดอเมริกาเหนือ เช่น สหรัฐฯ แคนาดา อย่างไรก็ตาม หากเกิดการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การดึงฐานการผลิตกลับเข้าไปในสหรัฐฯ การผลิตในบางอุตสาหกรรม (โดยเฉพาะกลุ่มที่เน้นแรงงาน) ในเม็กซิโกอาจได้รับผลกระทบ ในทางกลับกัน การลงทุนในเทคโนโลยีขั้นสูงและอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงยังคงมีโอกาสเติบโต ตัวอย่างเช่น การผลิตเซมิคอนดักเตอร์และอุตสาหกรรมอวกาศที่กำลังพัฒนา โดยมีบริษัทเช่น Foxconn ซึ่งเป็นบริษัทจากเอเชียที่เตรียมการลงทุนในเม็กซิโกเพื่อรองรับการประกอบเซิร์ฟเวอร์สำหรับ Nvidia บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ IT และ AI ขั้นสูง ทั้งนี้ รัฐบาลเม็กซิโกได้ประกาศนโยบายในการสนุบสนุนและดึงดูดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ เช่น การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ
โอกาสของไทย ไทยสามารถขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการค้ากับเม็กซิโกให้มากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและเปิดโอกาสในการเข้าถึงตลาดใหม่ ๆ การพัฒนาความร่วมมือในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี เช่น การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในอุปกรณ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่หลากหลาย เช่น สมาร์ทโฟน คอมพิวเตอร์ รถยนต์ที่มีระบบควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ และอุปกรณ์ที่ใช้ในเทคโนโลยีขั้นสูงอื่น ๆ จะช่วยเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ การร่วมมือในลักษณะนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้ไทยสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ทันสมัยและเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสในการขยายตลาดสู่ภูมิภาคอเมริกาเหนือที่มีศักยภาพสูง ซึ่งสามารถช่วยให้ทั้งไทยและเม็กซิโกมีบทบาทที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นในตลาดโลก
———————————————————————————
ที่มา
– EY CEO Outlook Pulse Survey: CEOs Remain Optimistic Amid Disruptions – A Surge in M&A Activity Expected (https://ceoworld.biz/2024/09/05/ey-ceo-outlook-pulse-survey-ceos-remain-optimistic-amid-disruptions-a-surge-in-ma-activity-expected/
– How bolder CEOs take charge to shape their future with confidence via Mexico
(https://www.ey.com/en_gl/ceo/ceo-outlook-global-report)
– The CEO Outlook Pulse reúne las perspectivas sobre inteligencia artificial, asignación de capital y estrategias de inversión de 1200 CEO en 21 países, incluido México.
(https://www.ey.com/es_mx/strategy-transactions/ceo-outlook-pulse-desafios-inteligencia-artificial-2024)