ท่าทีของสเปนต่อผลการเลือกตั้งสหรัฐ
หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ได้รับชัยชนะ นายกรัฐมนตรีสเปน นายเปโดร ซานเชส ได้โพสต์ข้อความแสดงความยินดีผ่านสื่อสังคมออนไลน์และยืนยันจะทำงานร่วมกันในฐานะพันธมิตรทวิภาคีในกรอบทรานซ์แอตแลนติก แต่รัฐบาลสเปนไม่ได้มีถ้อยแถลงหรือแสดงท่าทีใดๆ อย่างเป็นทางการ
สเปนดำเนินความสัมพันธ์ต่อสหรัฐในฐานะหนึ่งในสมาชิกสหภาพยุโรปและภายใต้กรอบ NATO โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสเปนกล่าวในภาพกว้างว่าเมื่อยุโรปและสหรัฐร่วมมือกันย่อมก่อให้เกิดความมั่นคงและความเจริญ แต่ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของสเปนกับสหรัฐในรัฐบาลทรัมป์ หรือประเด็นตะวันออกกลางและยูเครน
ขณะที่ผู้นำรัฐบาลจากพรรคฝ่ายซ้ายจัดมีการแสดงความเห็นเชิงลบผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่อการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีทรัมป์ และยืนยันที่จะผลักดันนโยบายเสรี ความเท่าเทียมในทุกมิติต่อไป ในทางกลับกันผู้นำพรรคฝ่ายค้านฝ่ายขวาของสเปนมีการโพสต์ข้อความผ่านสื่อสังคมออนไลน์แสดงความยินดีกับประธานาธิบดีทรัมป์และแสดงความพร้อมที่จะร่วมมือกับสหรัฐ
ความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนระหว่างสเปน-สหรัฐ
จากตัวเลขของหน่วยงานส่งเสริมการค้าการลงทุนสเปน (ICEX) สหรัฐเป็นนักลงทุนรายใหญ่และตลาดสำคัญของสเปน โดยมีการลงทุนและการค้าทวิภาคีระหว่างกันมูลค่า 1.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐต่อปี สหรัฐอเมริกาเป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 ของสเปนนอกสหภาพยุโรปตามหลังจีน เป็นตลาดส่งออกอันดับ 6 ของสเปน และเป็นตลาดนำเข้าอันดับ 5 ของสเปน สะท้อนถึงความสัมพันธ์ทางการค้าการลงทุนที่ดีต่อกัน
ในปี 2565 สหรัฐเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับสเปน การส่งออกจากสหรัฐไปสเปนมีมูลค่า 26,700 ล้านเหรียญสหรัฐ (+58.6 %) สินค้าส่งออกหลักของสหรัฐไปยังสเปน อาทิ น้ำมันดิบ ก๊าซปิโตรเลียม ผลิตภัณฑ์เภสัชอุตสาหกรรม ถั่ว ธัญพืช เป็นต้น การนำเข้าจากสเปนไปยังตลาดสหรัฐมีมูลค่า 23,000 ล้านเหรียญสหรัฐ (+23.8%) สินค้าส่งออกสำคัญของสเปนไปยังตลาดสหรัฐ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม น้ำมัน อาหารและสินค้าเกษตร ยานยนต์
ผลกระทบต่อสเปน
หากสหรัฐดำเนินนโยบายด้านภาษีนำเข้ากับสเปน ภาคการส่งออกของสเปนอาจได้รับผลกระทบเชิงลบ โดยเฉพาะสินค้าหลัก อาทิ น้ำมันมะกอก มะกอกดำ ไวน์ รวมถึงกลุ่มยานยนต์ เครื่องจักร และเวชภัณฑ์ สร้างความกังวลต่อผู้ประกอบการหลายภาคส่วน แต่การลงทุนของสเปนในสหรัฐจะได้รับอานิสงค์เชิงบวกจากนโยบายดังกล่าว เนื่องจากข้อได้เปรียบจากการตั้งอยู่ในพื้นที่ แต่โดยที่สเปนขาดดุลการค้ากับสหรัฐ อาจทำให้สหรัฐไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาดกับสเปน ซึ่งจะทำให้ดำเนินความสัมพันธ์ทางการค้าที่ดีต่อไปและเป็นผลให้สเปนมีข้อได้เปรียบกว่าประเทศอื่นๆ รวมถึงดึงดูดการลงทุนจากบริษัทต่างชาติมากขึ้น
ผลกระทบจากภัยธรรมชาติ DANA
ประเด็นที่ยังต้องจับตามองสำหรับประเทศสเปน คือ การฟื้นตัวจากภัยธรรมชาติ DANA ซึ่งได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ทรัพย์สิน และโครงสร้างพื้นฐานอย่างมหาศาล ขณะนี้คาดว่ามูลค่าความเสียหายสูงกว่า 20,000 ล้าน ยูโร ครอบคลุมทุกภาคส่วน ทุกอุตสาหกรรม ทั้งภาคประชาชน ภาคการเกษตร ภาคการเงิน ตลอดจนถึงภาคบริการ ซึ่งเป็นจุดแข็งของสเปนและเป็นอุตสาหกรรมที่นำเงินรายได้เข้าสู่ประเทศจำนวนมาก
รัฐบาลสเปนคาดการณ์ปี 2567 GDP ขยายตัวร้อยละ 2.7
ขณะนี้รัฐบาลสเปนไม่ได้ออกมาปรับคาดการณ์การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศแต่อย่างใด โดยเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา รัฐมนตรีเศรษฐกิจของสเปนได้แถลงข่าวดีต่อสื่อมวลชนว่าในระยะ 3 ปีข้างหน้าคาดการณ์ว่าสเปนจะมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีต่อเนื่อง โดยในปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.7 ในปี 2568 ที่ร้อยละ 2.4 และ ในปี 2569 ที่ร้อยละ 2.2 ซึ่งเป็นอัตราการเจริญเติบโตที่สูงกว่าประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ และค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรป ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาตัวเลขในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 พบว่าเศรษฐกิจของสเปนเข้มแข็ง เติบโตร้อยละ 0.8 สูงกว่าระดับเฉลี่ยของสหภาพยุโรปที่ขยายตัวร้อยละ 0.2
ความคิดเห็นของ สคต.
ปัจจุบันรัฐบาลสเปนยังคงรอฟังนโยบายที่ชัดเจนของประธานาธิบดีทรัมป์ก่อนจะมีทีท่าโต้ตอบใดๆ อย่างไรก็ดี สคต.คาดว่าผลกระทบที่อาจเกิดกับภาคการส่งออกไทยไปยังตลาดสเปนจะไม่มีนัยยะสำคัญ เนื่องจากสินค้าที่ไทยส่งไปสเปนไม่ใช่สินค้าส่งออกตรงต่อไปยังตลาดสหรัฐ แต่กรณีสหรัฐดำเนินมาตรการขึ้นภาษีนำเข้ากับสเปน อาจส่งผลให้กลุ่มยานยนต์และยางพาราและผลิตภัณฑ์ได้รับผลกระทบบ้างเนื่องด้วยไทยเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมยานยนต์สเปน อย่างไรก็ดี สเปนมีตลาดหลากหลายนอกเหนือจากสหรัฐจึงนับว่ามีการกระจายความเสี่ยงที่ดี
สิ่งที่ประเทศไทยควรเร่งดำเนินการในขณะนี้ คือ การเร่งสานสัมพันธ์ทางการค้ากับสเปนเพื่อไม่ให้เสียโอกาสและเสียพื้นที่แก่คู่แข่ง เนื่องจากรัฐบาลสเปนอยู่ระหว่างดำเนินนโยบายเปิดตลาดสากล รุกเอเชียอย่างเข้มข้น ในช่วงที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีสเปนมีการเดินทางเยือนจีนและอินเดียเพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน แสดงถึงจุดยืนที่เป็นกลาง นอกจากนี้ ยังต้อนรับการค้าการลงทุนจากประเทศเอเชียอื่นๆ อาทิ เกาหลี ญี่ปุ่น เวียดนาม
ในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจสเปนโดดเด่นด้วยความยืดหยุ่นในสภาพแวดล้อมโลกที่ท้าทาย แม้จะมีวิกฤตพลังงาน การหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ภาวะเงินเฟ้อที่ตกต่ำ และภาวะการเงินที่ตึงตัวตามมา แต่ GDP ของสเปนก็ยังสูงกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด จึงนับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสำหรับผู้ประกอบการไทย ประกอบกับยังคงเติบโตได้อีกมาก แต่ผู้ประกอบการต้องเร่งศึกษาคู่แข่ง คู่ค้า ภาวะตลาด และยกระดับมาตรฐานการผลิต เสริมเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสร้างความแตกต่าง ตลอดจนต้องดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับแนวโน้มการค้าโลก (megatrends) ต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นการรักษาสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่
อนึ่ง ในปีระหว่างเดือนมกราคม – กันยายน 2567 ไทยและสเปนมีการค้าระหว่างกันอยู่ที่ 1,413.79 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตร้อยละ 11.78 จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยไทยส่งออกไปยังสเปน 783.06 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 18.85 ไทยนำเข้าจากสเปน 630.73 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 4.09 สินค้าส่งออกหลักของไทยไปยังสเปน ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ยางพาราและผลิตภัณฑ์ยาง เคมีภัณฑ์ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ส่วนสเปนส่งออกผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ สินแร่โลหะ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ
ที่มา : El País, El Español, Santander, Caixa Bank, La Moncloa, Trade statistics, U.S. Department of Commerce, สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงมาดริด
18 พฤศจิกายน 2567