เม็กซิโก แคนาดา และจีน จะเป็นเป้าหมายหลักในการขึ้นภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาชุดใหม่

Donald Trump ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนต่อไป ได้ประกาศมาตลอดว่าจะจัดทำนโยบายขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศ โดยเน้นไปที่ประเทศจีน โดยให้เหตุผลว่า ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลสหรัฐฯ ผ่านทางการปกป้อง สร้างโอกาสและความเข้มแข็งให้แก่ภาคอุตสาหกรรมการผลิตและตลาดแรงงานในประเทศ ส่งเสริมการลงทุนในสหรัฐฯ และ ลดการเสียดุลการค้า

 

 อย่างไรก็ดี เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 ที่ผ่านมาก นาย Donald Trump ได้ให้สัมภาษณ์ถึงแผนการขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าอีกครั้ง โดยครั้งนี้ได้ระบุเน้นถึงเม็กซิโก และ แคนาดา เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยเน้นเฉพาะ จีน ทำให้ดูเหมือนว่า สหรัฐฯกำลังสร้างศัตรูกับคู่ค้าสำคัญสูงสุด 3 อันดับแรกของตน เม็กซิโก แคนาดา และจีน จะเป็นเป้าหมายหลักในการขึ้นภาษีนำเข้าของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาชุดใหม่

       

ข้อมูลล่าสุดในเดือนกันยายน 2567 ของ U.S. Census Bureau กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯระบุ มูลค่าการค้าของเม็กซิโก แคนาดา และจีน รวมกันเกินกว่าร้อยละ 40 ของมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯ โดยเม็กซิโกเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งมีส่วนแบ่งเกือบร้อยละ 16 ของมูลค่าการค้ารวมทั้งสิ้นของสหรัฐฯ รองลงมาคือแคนาดา ร้อยละ 14 และจีน ร้อยละ 11 เม็กซิโกและแคนาดาเป็นแหล่งอุปทานสินค้านำเข้าสำคัญกลุ่มเครื่องจักรกล ยานพาหนะ และชิ้นส่วนประกอบ และเชื้อเพลิง  และจีน เป็นแหล่งอุปทานสินค้านำเข้าสำคัญคือ เครื่องจักรกล สินค้าอิเล็กโทรนิกส์และอิเล็กทริกส์  พลาสติก และ สินค้าปลีกย่อยอื่นหลายชนิด

 

ในการให้สัมภาษณ์เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump ขู่จะขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากทั้งสามประเทศคู่ค้าสำคัญทันทีในวันที่ 20 มกราคม 2568 ซึ่งเป็นวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยจะขึ้นพิกัดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตราร้อยละ 25 ด้วยข้ออ้างว่า เพราะเม็กซิโกและแคนาดาไม่สามารถหยุดยั้งการอพยพย้ายถิ่นฐานเข้าสหรัฐฯอย่างผิดกฎหมายหรือการลักลอบนำยาเสพติดเข้าสหรัฐฯได้ และจะขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรสินค้าจีนทุกรายการเพิ่มขึ้นจากเดิม (เฉลี่ยประมาณร้อยละ 60) อีกร้อยละ 10 โดยไม่ได้ระบุถึงเหตุผลใดๆของการดำเนินการกับจีน และไม่ได้กล่าวถึงประเทศคู่ค้าอื่นที่จะถูกขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรนำเข้าเช่นกัน ที่คาดว่าจะอยู่ในอัตราร้อยละ 10

 

ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอแนะของ สคต ลอสแอนเจลิส

       

ปัจจุบันยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า Donald Trump จะขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรจริงหรือไม่หรือแค่เป็นเพียงคำข่มขู่ เพื่อให้ประเทศเพื่อนบ้านดำเนินการเพื่อสนับสนุนนโยบายหลายรายการของสหรัฐฯ และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับการค้าระหว่างประเทศ ประเทศคู่ค้าอื่นๆ ผู้บริโภคและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก็ยังไม่แน่นอนเช่นกัน อย่างไรก็ตาม  การคาดการณ์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการขึ้นพิกัดอัตราภาษีนำเข้า จากประเทศคู่ค้าสำคัญทั้งสามราย เป็นไปในทางลบมากกว่าบวก เช่น

 

1. สินค้าในตลาดสหรัฐฯที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ

(1) สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนสำหรับผู้บริโภค

(2) สินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูป (apparel)  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รองเท้า

(3) สินค้ารถยนต์ทั้งที่เป็นรถสันดาปและรถไฟฟ้า

(4) อาหารนำเข้า

 

2. ความเสี่ยงที่จะมีการแก้ไขสาระสำคัญหรือแม้กระทั่งการยกเลิกสนธิสัญญา USMCA (The United States-Mexico- Canada Agreement)  ที่ปัจจุบันหลายประเทศคู่ค้าสหรัฐฯเข้าไปลงทุนตั้งฐานการผลิตในเม็กซิโกเพื่อใช้ประโยชน์ของ USMC ในการลดปัญหา รับสิทธิพิเศษด้านภาษี และเพิ่มโอกาสทางการค้านำเข้าไปยังสหรัฐฯ 

 

3. อาจนำไปสู่สงครามทางการค้ากับประเทศคู่ค้าหลายราย และทำให้การส่งออกของสหรัฐฯจะได้รับผลกระทบในทางลบจากการตอบโต้จากประเทศคู่ค้าที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของสหรัฐฯ

 

4. จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการผลิตในสหรัฐฯ สินค้าวัตถุดิบนำเข้าสหรัฐฯจะมีราคาพุ่งสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายในการผลิตสูงขึ้น ที่อาจนำไปสู่การย้ายฐานการผลิตและการทำธุรกิจออกไปนอกสหรัฐฯแทนที่จะสนับสนุนการเติบโตของการผลิตในประเทศตามที่วางแผนไว้

 

5. จะนำไปสู่การเปลี่ยนและโยกย้ายแหล่งอุปทานนำเข้าและหรือการย้ายฐานการผลิตของประเทศคู่ค้าสหรัฐฯ ที่เป็นทางเลือกอื่นจากประเทศคู่ค้าหลักทั้งสาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เม็กซิโกและจีน

 

6. จะส่งผลกระทบทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯชะลอตัว ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งสูง และสภาวะเงินเฟ้อกลับมาเติบโต   

 

นโยบายของนาย Donald Trump ที่เน้นการขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรกับประเทศคู่ค้าสำคัญสูงสุด 3 อันดับแรกของสหรัฐฯในอัตราสูงถึงร้อยละ 25 สำหรับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดา และเกือบถึงหรือมากกว่าร้อยละ 70 สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน สูงกว่าพิกัดอัตราภาษีนำเข้าร้อยละ 10 ที่นาย Donald Trump วางแผนไว้สำหรับประเทศคู่ค้าอื่น หมายถึงว่า มีความเป็นไปได้สูงที่นโยบายพุ่งเป้าพิกัดอัตราภาษีศุลกากรในระดับสูงกับประเทศคู่ค้าสำคัญของสหรัฐฯ อาจสร้างโอกาสให้แก่การส่งออกสินค้าของประเทศคู่ค้าอื่น รวมถึงประเทศไทย เข้าไปยังสหรัฐฯ  แต่ทั้งนี้ ไม่ได้หมายความว่า โอกาสจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ อย่างแน่นอนและโดยทันที จำเป็นที่ผู้ประกอบการจะต้องมีการวางแผนและกลยุทธ์ที่จะนำเอาความเสียเปรียบของคู่แข่งจากทุกประเทศในตลาดมาใช้เพื่อเพิ่ม สร้าง และสนับสนุนโอกาสที่กำลังเกิดขึ้นให้ได้

 

จากการที่นาย Donald Trump วางแผนขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรและเข้มงวดกับการนำเข้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน ในอัตราที่สูง คาดการณ์ความเป็นไปได้ของสินค้าส่งออกของประเทศไทยที่อาจจะได้รับโอกาสเพิ่มขึ้น ยกตัวอย่างเช่น

 

  1. สินค้าอาหาร: เม็กซิโก แคนาดา และจีน เป็นแหล่งอุปทานสินค้าอาหารที่สำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จีนที่เป็นแหล่งอุปทานที่สำคัญสำหรับอาหารเอเซียในตลาดสหรัฐฯ
  2. สินค้าผักผลไม้สดเมืองร้อน: เม็กซิโกและแคนาดา เป็นแหล่งอุทานผลไม้สำคัญสูงสุดของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เม็กซิโกที่เป็นแหล่งอุปทานสำคัญของผลไม้สดเมืองร้อนของสหรัฐฯและเป็นคู่แข่งสำคัญของการส่งออกผลไม้สดเมืองร้อนของประเทศไทย
  3. สินค้าชิ้นส่วนยานยนต์: เม็กซิโกคือหนึ่งในแหล่งผลิตและอุปทานนำเข้าสินค้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์สำคัญสูงสุดของโรงงานผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯ
  4. สินค้าเกษตร เช่น ข้าว ในตลาดส่งออกของสหรัฐฯ จากที่มีการคาดว่านโยบายการขึ้นพิกัดอัตราภาษีศุลกากรจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกิจในสหรัฐฯจะเพิ่มสูงขึ้น และราคาสินค้าข้าวสหรัฐฯทั้งในตลาดในประเทศและในตลาดส่งออกจะเพิ่มสูงขึ้น ตลาดส่งออกข้าวสหรัฐฯที่สำคัญในปัจจุบัน คือ Mexico, Northeast Asia, Central America, the Caribbean, Canada, the Middle East, และ Sub-Saharan Africa ซึ่งเป็นตลาดที่มีความต้องการข้าวส่วนใหญ่จะเป็นข้าวราคาถูก

 

หมายเหตุ: ข่าวข้างบนนี้เป็นข้อมูลที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลหลายแห่งที่จัดทำและนำเสนอข้อมูลเปิดเผยต่อสาธารณชนทั่วไป และบางส่วนเป็นความเห็นส่วนบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส นำมารวบรวมเผยแพร่เพื่อแก่ผู้สนใจ เนื่องจากเป็นข้อมูลและความเห็นจากบุคคลที่สาม การนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้ ไม่ว่าในกรณีใดๆ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณเฉพาะบุคคล สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส ไม่ขอรับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลเหล่านี้ไปใช้                                                                                                                                                                              

 

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ นครลอสแอนเจลิส

thThai