ภาวะการค้าระหว่างประเทศของอินเดีย ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567

ภาวะการค้าระหว่างประเทศของอินเดีย ประจำเดือนพฤศจิกายน 2567*

(ตัวเลขประมาณการ)

การส่งออกของอินเดียโดยรวม (สินค้าและบริการรวมกัน) สำหรับเดือนพฤศจิกายน 2567 มีมูลค่า 67.79 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 9.59  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อนหน้า ส่วนการนำเข้า (สินค้าและบริการรวมกัน) สำหรับเดือนพฤศจิกายน 2567 มีมูลค่า 87.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว ร้อยละ 27.47  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อนหน้า

  ประเภท พฤศจิกายน 2567 

(พันล้านเหรียญสหรัฐฯ)

พฤศจิกายน 2566

(พันล้านเหรียญสหรัฐฯ)

สินค้า ส่งออก 32.11 33.75
นำเข้า 69.95 55.06
บริการ* ส่งออก 35.67 28.11
นำเข้า 17.68 13.68
การค้ารวม

(สินค้า+บริการ)*

ส่งออก 67.79 61.85
นำเข้า 87.63 68.74
ดุลการค้า -19.84 -6.89

การส่งออกรวมภาคสินค้าและบริการของอินเดียสะสมระหว่างเดือนเมษายน – พฤศจิกายน 2567 มีมูลค่า 536.25 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 7.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนการนำเข้าสะสมระหว่างเมษายน – พฤศจิกายน 2567 มีมูลค่า 619.20 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 9.55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า

  ประเภท เม.ย.– พ.ย. 67 

(พันล้านเหรียญสหรัฐฯ)

เม.ย.– พ.ย. 66 

(พันล้านเหรียญสหรัฐฯ)

สินค้า ส่งออก 284.31 278.26
นำเข้า 486.73 449.24
บริการ* ส่งออก 251.94 220.08
นำเข้า 132.47 116.01
การค้ารวม

(สินค้า+บริการ)*

ส่งออก 536.25 498.33
นำเข้า 619.20 565.25
ดุลการค้า -82.95 -66.91

 

  1. การค้าสินค้า

การส่งออก เดือนพฤศจิกายน 2567 มีมูลค่า 32.11 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 33..75 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและ อัญมณีและเครื่องประดับมีมูลค่า 26.33 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 23.55 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกที่ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ได้แก่ ข้าว(95.18%) , สินค้า electronic(54.72%), ยาสูบ (50.48%) ,วัสดุปูพื้น (36.13%) ,เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (23.61%)    ตามลำดับ

ประเทศที่อินเดียมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2567 เทียบกับปีที่ผ่านมามากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ ออสเตรเลีย (64.38%) , อิตาลี (37.71%) , มาเลเซีย (27.31%) , สิงคโปร์ (22.88%)  และ  สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (11.38%)

ขณะที่ภาพรวมการส่งออกสินค้า 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2024 (เมษายน – พฤศจิกายน 2567) มีมูลค่า 284.31 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 278.26 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณีและเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 220.47 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 201.83 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

การนำเข้า เดือนพฤศจิกายน 2567 มีมูลค่า 69.95 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 55.06 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณี และเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 37.36 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 35.20 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้านำเข้าที่หดตัวอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ เครื่องหนังและผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง (-41.59%), ถ่านหิน(-28.34%) , แร่เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก(-28.63%), วัสดุการย้อม การฟอก สี (-5.26%),  อุปกรณ์การขนส่ง (-5.23%) ตามลำดับ

ประเทศที่อินเดียมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2567 เทียบกับปีที่ผ่านมามากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ (360.02%), แอฟริกาใต้ (217.33%) ,สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (109.57%) ออสเตรเลีย (71.91%),   และ ซาอุดิอารเบีย (35.64%)

ขณะที่ภาพรวมการนำเข้าสินค้า 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2024 (เมษายน –พฤศจิกายน 2567) มีมูลค่า 486.73 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 499.24 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณีและเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 299.13 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 283.77 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ดุลการค้าสินค้า เดือนพฤศจิกายน 2567 ขาดดุลการค้า 37.84 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าขาดดุลที่ระดับ 21.31 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้อินเดียขาดดุลการค้าสินค้าสะสม 8 เดือนแรกมูลค่า 202.42 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งขาดดุลมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 170.98 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

 2. การค้าบริการ*

เดือนพฤศจิกายน 2567 การส่งออกบริการมีมูลค่า 35.67 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 28.11 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ การนำเข้า มีมูลค่า 17.68 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 13.68 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ดุลการค้า เกินดุลมูลค่า 17.99 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 14.43 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ภาพรวมการบริการ (เมษายน – พฤศจิกายน 2567) มีมูลค่าเกินดุล 119.48 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 104.07 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

ข้อคิดเห็น

1.ข้าวยังคงเป็นสินค้าหลักในการผลักดันตัวเลขการส่งออกของอินเดีย จะเห็นได้ว่าหลักจากที่รัฐบาลกลับมาอนุญาติให้ส่งออกข้าวที่ไม่ใช่บาสมาตี และมาตรการทั้งการยกเลิกราคาขั้นต่ำและมาตรการทางภาษีในส่วนของข้าวนึ่งนั้น ตัวเลขส่งออกข้าวของอินเดียก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ และยังคงส่งผลต่อปริมาณข้าวในตลาดโลกและราคาข้าวในตลาดโลก

2.หลายประเทศเริ่มให้ความสำคัญต่อนโยบายการค้าของโลกจากสหรัฐอเมริกา หนึ่งในนั้นคือนโยบายการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน และกลุ่มประเทศที่เกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกา สะท้อนจากตัวเลขการส่งออกสินค้า Electronic ของอินเดียในเดือนตุลาคมและต่อเนื่องมายังพฤศจิกายน 2567 ที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ แสดงให้เห็นถึงการเตรียมพร้อมในการรับมือสงครามการค้าที่อาจจะเกินขึ้นในอนาคต ทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตและการลงทุนประเภท FDI ที่เพิ่มขึ้นถึง 45% YOY

  1. การเข้ามามีบทบาทของ ADB ในการอนุมัติเงินกู้ในรูปแบบนโยบายจำนวน 350 ล้านดอลลาร์ เพื่อสนับสนุนภาคโลจิสติกส์ของอินเดียเพื่อส่งเสริมเป้าหมายการส่งออกของประเทศอินเดีย และเงินทุนดังกล่าวจะใช้เสริมสร้างการปฏิรูปในระยะที่สอง ภายใต้แผนการปรับปรุงโลจิสติกส์ที่ครอบคลุมของอินเดีย นั้นจะช่วยส่งเสริมศักยภาพทางภาคโลจิสติกส์ของอินเดียอย่างมีนัยยะ ส่งผลต่อต้นทุนทางการขนส่งที่จะปรับตัวลดลง ความสามารถในการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานในห่วงโช่อุปทานของอินเดียสู่ระดับสูง และจะทำให้อินเดียบรรลุเป้าหมายการส่งออก 2 ล้านล้านดอลลาร์ภายในปี 2030 และทำให้อินเดียที่ความสามารถในการเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียใต้และอาจรวมไปถึงเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น โครงการทางหลวงไตรภาคี อินเดีย-เมียนมาร์-ไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ของอินเดียในการเชื่อมโยงมหาสมุทรแอตแลนติกทางตะวันตกกับมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออก

4.กิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมของอินเดียเติบโตขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2567 ทั้งนี้ได้รับแรงหนุนจาก ภาคบริการและภาคการผลิตที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยอ้างอิงจากดัชนี Purchasing Manger Index (PMI) ซึ่งเป็นการบ่งบอกสัญญาณความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจต่อเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการจ้างงานโดยรวมที่ขยายตัวในอัตราที่แข็งแกร่งในเดือนดังกล่าว

———————————————————-

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ

ณ กรุงนิวเดลี

 

* หมายเหตุ: จากข้อมูลล่าสุดของธนาคารกลางอินเดีย ข้อมูลภาคบริการเปิดเผยถึงเดือนตุลาคม 2567 ในส่วนของข้อมูลของเดือนพฤศจิกายน 2567 เป็นเพียงการประมาณการ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในการเปิดเผยข้อมูลครั้งต่อไป

ข้อมูลอ้างอิง:- Ministry of Commerce and Industry, 16 October 2024, Latest Trade Figures

– The Times of India, 22 October 2024, Deloitte projects Indian economy to grow 7-7.2% in FY25

thThai