ข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 รายงานว่ารัฐบาลบังกลาเทศอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าและบริการที่มีการบริโภคในบังกลาเทศ ซึ่งบังกลาเทศได้ยอมรับเป็นเงื่อนไขตามโครงการโปรแกรมเงินกู้ 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund – IMF) ที่ได้แนะนำให้รัฐบาลบังกลาเทศปรับปรุงระบบภาษีภายในประเทศเพื่อเพิ่มรายได้ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อสินค้าและบริการต่างๆ เช่น การเดินทางทางอากาศ การรับประทานอาหารในร้านอาหาร การเข้าพักในโรงแรม และการซื้อสิ่งของอุปโภคบริโภค ทั้งนี้ กรมสรรพากรบังกลาเทศ (National Board of Revenue – NBR) จะเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value-Added Tax – VAT) สำหรับการรับบริการในร้านอาหารจาก 5% เป็น 15% ค่าที่พักของโรงแรมที่ไม่มีเครื่องปรับอากาศอาจเพิ่มขึ้นสองเท่าจาก 7.5% เป็น 15%
นอกจากนี้ จะมีการปรับอากรสรรพสามิต (Excise Duty – ED) ค่าตั๋วเครื่องบินโดยสารสำหรับเส้นทางภายในประเทศ และเส้นทางระหว่างประเทศด้วย โดยอากรสำหรับเที่ยวบินในประเทศอาจเพิ่มขึ้นจาก 500 ตากา (ประมาณ $5.70 USD) เป็น 700 ตากา (ประมาณ $8.00 USD) สำหรับประเทศในภูมิภาค SAARC อากรอาจเพิ่มขึ้นจาก 500 ตากา (ประมาณ $5.70 USD) เป็น 1,000 ตากา (ประมาณ $11.40 USD) และสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ อากรอาจเพิ่มขึ้นจาก 3,000 ตากา (ประมาณ $34.20 USD) เป็น 4,000 ตากา (ประมาณ $45.60 USD)
นอกจากนี้ จะมีการปรับเพิ่ม VAT สำหรับเสื้อผ้าทั้งที่มีแบรนด์และไม่มีแบรนด์ โดยอาจเพิ่มขึ้นจาก 7.5% เป็น 15% และ VAT สำหรับการค้าทุกประเภทอาจเพิ่มขึ้นจาก 5% เป็น 7.5% โดยรวมแล้ว VAT สำหรับสินค้าและบริการ 43 รายการอาจเพิ่มขึ้นเป็น 15% การปรับเพิ่ม VAT นี้ NBR ได้ส่งไปขออนุมัติขั้นสุดท้ายต่อสภาที่ปรึกษาของรัฐบาลชั่วคราวแล้ว รายงานระบุว่า อาจมีการยกเว้น VAT สำหรับยารักษาโรคและอากรเสริม (Supplementary Duty – SD) สำหรับค่าโทรศัพท์ ทั้งนี้ NBR ยังไม่ได้ประกาศรายการสินค้าที่จะปรับ VAT ออกมาอย่างเป็นทางการ
รัฐบาลบังกลาเทศคาดว่าเป้าหมายรายได้จากการปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) และอากรสรรพสามิต (SD) จะสร้างรายได้เพิ่มให้รัฐบาลบังกลาเทศ 12,000 crore ตากา (ประมาณ $1.37 พันล้าน USD)
ความเห็นสำนักงาน
การเพิ่ม VAT สำหรับสินค้าครั้งนี้ในบังกลาเทศ อาจส่งผลกระทบต่อสินค้าจากประเทศไทย ดังนี้
1. ผลกระทบต่อราคาสินค้าจากประเทศไทยที่ส่งออกไปยังบังกลาเทศ
การเพิ่ม VAT ส่งผลให้ราคาสินค้าจากประเทศไทยที่ส่งออกไปยังบังกลาเทศมีราคาสูงขึ้น เนื่องจาก VAT จะถูกเรียกเก็บเพิ่มเติมในขั้นตอนการนำเข้า ส่งผลให้สินค้าจากประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันน้อยลงเมื่อเทียบกับสินค้าจากประเทศอื่น ๆ หรือสินค้าภายในประเทศบังกลาเทศเอง
2. การลดการบริโภคและการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ
การบริโภคสินค้าของประชาชนอาจลดลง โดยเฉพาะสินค้านำเข้า เนื่องจากผู้บริโภคต้องเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นและอาจลดการซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยหรือสินค้านำเข้าจากต่างประเทศ การลดลงของการบริโภคส่งผลกระทบโดยตรงต่อการส่งออกสินค้าจากไทยที่ได้รับความนิยมในบังกลาเทศ
3. ผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าชิ้นส่วนและสินค้าอุตสาหกรรม
บังกลาเทศมีการนำเข้าวัตถุดิบและชิ้นส่วนจากประเทศไทยเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น การผลิตเสื้อผ้าและสิ่งทอ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจของบังกลาเทศ การเพิ่ม VAT อาจทำให้ต้นทุนในการผลิตสูงขึ้น โดยเฉพาะในกรณีของการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ
4. ความเสี่ยงในด้านการแข่งขันระหว่างประเทศ
การเพิ่ม VAT ในบังกลาเทศส่งผลให้ตลาดบังกลาเทศมีราคาสินค้าที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้สินค้าจากประเทศไทยที่ส่งออกไปยังบังกลาเทศเผชิญกับการแข่งขันที่มากขึ้นจากประเทศอื่นๆ ที่สามารถเสนอราคาที่แข่งขันได้ดีกว่า โดยเฉพาะสินค้าประเภทอุปโภคบริโภคและสินค้าที่มีการแข่งขันสูง
สรุป
การเพิ่ม VAT ในบังกลาเทศมีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบต่อลำดับความสามารถในการแข่งขันของสินค้าจากประเทศไทยในตลาดบังกลาเทศ โดยเฉพาะในกรณีของสินค้านำเข้าและการส่งออกสินค้าระหว่างสองประเทศ การเพิ่มต้นทุนและราคาสินค้าอาจทำให้การค้าระหว่างสองประเทศชะลอตัวลง หากไม่มีการปรับตัวของอุตสาหกรรมหรือการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงภาษี
ที่มาภาพ/ข่าว https://www.bangladeshmonitor.com.bd
อัตราแลกเปลี่ยน (ณ วันที่ 6 มกราคม 2025): 1 ตากา (BDT) ≈ 0.0114 ดอลลาร์สหรัฐ (USD)