ข้อมูลจาก Xeneta ระบุว่า อัตราค่าขนส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์จากภูมิภาคเอเชียไปยังสหรัฐอเมริกามีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทต่างๆ พยายามหลีกเลี่ยงภาษีที่สูงขึ้นและต้องการเพิ่มสินค้าคงคลังซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของท่าเรือสำคัญในสหรัฐฯ อาทิ New York (รัฐ New York) New Jersey (รัฐ New Jersey) Philadelphia (รัฐ Pennsylvania) Baltimore (รัฐ Maryland) Charleston (รัฐ South Carolina) Savannah (รัฐ Georgia) Houston (รัฐ Texas) New Orleans (รัฐ Louisiana) และ Miami (รัฐ Florida) เป็นต้น ซึ่งท่าเรือดังกล่าวรองรับการค้าทางทะเลมากกว่าครึ่งหนึ่งของปริมาณการค้าของสหรัฐฯ จากข้อมูลพบว่าในวันที่ 1 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายในการจองตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 40 ฟุตจากภูมิภาคเอเชียไปยังชายฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ มีราคา 6,000 เหรียญสหรัฐ/ตู้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 50% จากเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 4,004 เหรียญสหรัฐ/ตู้ ในขณะเดียวกัน ค่าใช้จ่ายสำหรับเส้นทางไปยังชายฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ มีราคาเพิ่มขึ้น 31% อยู่ที่ 7,100 เหรียญสหรัฐ/ตู้
ทั้งนี้นาย Emily Stausbøll นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการขนส่งจาก Xeneta ได้กล่าวว่า ปี 2024 ที่ผ่านมาเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการขนส่ง โดยในปี 2025 มีแนวโน้มยังคงต้องเผชิญกับอุปสรรคที่มีความซับซ้อนและยากลำบากเช่นกัน โดยปัจจัยที่ตลาดขนส่งจะต้องเผชิญและรับมือ ได้แก่
ความท้าทายในอุตสาหกรรมการขนส่งจากเส้นทางทะเลแดง ปีที่ผ่านมาเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกได้พยายามหลีกเลี่ยงการเดินเรือผ่านเส้นทางทะเลแดงเพื่อป้องกันปัญหาการโจมตีเรือจากกลุ่มฮูตีที่มุ่งเป้าการโจมตีไปที่เรือที่มีความเชื่อมโยงกับชาติตะวันตก ทั้งนี้ การเปลี่ยนเส้นทางดังกล่าวคาดว่าน่าจะยังคงดำเนินต่อไปจนกว่าจะสามารถรับรองความปลอดภัยของเส้นทางเดินเรือได้ ซึ่งอุปสรรคดังกล่าวส่งผลกระทบต่อระยะเวลาในการขนส่งและราคาอัตราค่าขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ราคาการขนส่งมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2024
ภัยคุกคามจากการประท้วงและนโยบายภาษีนำเข้า ปัจจัยความกังวลเกี่ยวกับแหล่งอุปทานในอนาคตเป็นความท้าทายที่สำคัญในตลาดปัจจุบัน โดยภัยคุกคามจากการประท้วงในท่าเรือชายฝั่งตะวันออกและชายฝั่งอ่าวของสหรัฐฯ ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ อนึ่ง สมาคมคนงานท่าเรือระหว่างประเทศ (ILA) และพันธมิตรทางทะเลสหรัฐ (USMX) มีกำหนดจะเริ่มการเจรจาอีกครั้งในวันอังคารที่ 7 มกราคม 2025 เพื่อหลีกเลี่ยงการประท้วงที่อาจจะเกิดขึ้นก่อนที่สัญญาจ้างคนงานจะหมดอายุลงในวันที่ 15 มกราคม 2025 อย่างไรก็ดี จากบทสัมภาษณ์ของ Supply Chain Dive ได้สอบถามถึงสถานะของการเจรจาในวันอังคารที่ผ่านมา ทาง USMX ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ในขณะที่ ILA ระบุว่าไม่มีข้อมูลความคืบหน้าใดๆ อนึ่ง สมาคมทั้งสองแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดการประท้วงอีกครั้งที่ท่าเรือฝั่งตะวันออกและอ่าวเม็กซิโก เนื่องจากการเจรจาขยายสัญญายังไม่สำเร็จลุล่วงและสัญญากำลังจะสิ้นสุดลงในอีกเพียง 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ หากไม่สามารถหาข้อสรุปได้และเกิดการประท้วงขึ้นจริงอาจทำให้ห่วงโซ่อุปทานในสหรัฐฯ เกิดการสะดุดครั้งใหญ่และจะนำไปสู่ความล่าช้าในการขนส่ง รวมทั้ง ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและอาจเกิดการขาดแคลนอุปทานซึ่งส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจ การหยุดชะงักในช่วงเวลานี้อาจส่งผลกระทบต่อภาคส่วนสำคัญ เช่น การค้าปลีก ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และการเกษตร นอกจากนี้ นโยบายการค้าของว่าที่ประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งมีเป้าหมายที่จะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนและประเทศคู่ค้าสำคัญได้เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับตลาด ทำให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการขนส่งต้องเผชิญความยากลำบากอย่างมากในการบริหารความเสี่ยงในเรื่องห่วงโซ่อุปทานและการควบคุมค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งอีกด้วย
แนวโน้มอุปสงค์การบริโภคในประเทศ ที่อาจส่งผลต่ออัตราค่าขนส่งในอนาคต การเติบโตของอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มที่จะชะลอตัวลงในช่วงปลายปี 2025 อย่างไรก็ดี แรงกดดันในตลาดและอัตราค่าขนส่งที่สูงในปัจจุบันอาจจำกัดอยู่ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2025 ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายในการขนส่งทางทะเลส่วนใหญ่ไม่ได้ชำระตามอัตรา spot market แต่เป็นการชำระตามเงื่อนไขของสัญญาระยะยาวระหว่างเจ้าของสินค้าและผู้ให้บริการขนส่ง อย่างไรก็ตาม หากหมดสัญญา อัตรา spot market ก็จะมีอิทธิพลต่อการเจรจาอัตราค่าขนส่งในการต่อสัญญาเช่นกัน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวมักเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปีปฏิทิน
ข้อคิดเห็นของสคต. นิวยอร์ก
- จากข้อมูลของ Datamyne พบว่าในปี 2024 สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าไทย ประมาณ 592,807 ตู้ โดยเรียงตามมูลค่าได้ดังนี้ Long Beach (รัฐ California) +80% รองลงมา คือ Los Angeles (รัฐ Los Angeles) -7.09% NewYork/Newark (รัฐ New Jersey) +6.42% Savannah (รัฐ Georgia) +12.14% Norfolk (รัฐ Virginia) +11.14% Houston (รัฐ Texas) +3.38% Tacoma (รัฐ Washington) +29.34% Oakland (รัฐ California) +21.73% Charleston (รัฐ South Carolina) -1.93% และ Baltimore (รัฐ Maryland) -42.73% ตามลำดับ
NO. | Port of Arrival | Bill of Lading | Container Quantity |
1 | LONG BEACH,CA | 76,560.00 | 140,193.82 |
2 | LOS ANGELES,CA | 72,689.00 | 121,066.76 |
3 | NEW YORK/NEWARK AREA, NEWARK, NEW JERSEY | 49,299.00 | 90,432.58 |
4 | SAVANNAH,GA | 29,288.00 | 55,958.28 |
5 | NORFOLK,VA | 15,865.00 | 27,302.97 |
6 | HOUSTON,TX | 15,480.00 | 34,026.16 |
7 | TACOMA,WA | 15,080.00 | 24,825.05 |
8 | OAKLAND,CA | 13,380.00 | 22,301.83 |
9 | CHARLESTON,SC | 9,924.00 | 21,310.47 |
10 | BALTIMORE,MD | 5,014.00 | 7,624.00 |
โดยสินค้าไทยที่สหรัฐฯ นำเข้ามากที่สุดในช่วงปี 2024 ที่ผ่านมา 10 อันดับแรก ได้แก่ ยางรถยนต์สำหรับพาหนะ (401110) ยางรถยนต์สำหรับรถบรรทุก (401120) ข้าว (100630) อาหารสัตว์ (230910) ส่วนประกอบของเครื่องทำความเย็น (841810) อาหารแปรรูปจำพวกทูน่า (160414) ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากหิน/ปูนซีเมนต์ หรือวัสดุที่คล้ายกัน (681099) ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกประเภทโพลีเอทิลีน (392391) เครื่องพิมพ์ที่ใช้ในการพิมพ์ในอุตสาหกรรม (844331) และน้ำผลไม้ (200989)
อย่างไรก็ดี ปัญหาการประท้วงดังกล่าว หากเกิดขึ้นจริงผู้ส่งไทยควรเตรียมวิธีการป้องกันและแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ในประเทศ ทั้งในเรื่องการจัดการต้นทุนการขนส่งภายในเพื่อชดเชยค่าระวางเรือที่สูงขึ้น การทำสัญญาระยะยาวกับผู้ให้บริการขนส่งเพื่อลดความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงของค่าระวาง ตลอดจนหาแนวทางเพิ่มเติมในการขยายตลาดในภูมิภาคอื่นๆ ที่มีค่าขนส่งต่ำกว่า เพื่อเพิ่มโอกาสทางการค้าต่อไปในอนาคต
แหล่งที่มาของข้อมูล: bloomberg.com/ttnews.com/axios.com/https://www.supplychaindive.com
และสคต. นิวยอร์ก