นี่คือข้อมูลที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ และอาจรวมถึงผู้ว่าการธนาคารกลางด้วย สำนักงานสถิติประจำประเทศเยอรมนี (Statistisches Bundesamt) ได้รายงานอัตราเงินเฟ้อในเดือนธันวาคม 2024 ที่ 2.6% โดยสำนักข่าว Reuter ได้สอบถามผู้เชี่ยวชาญก่อนหน้า ซึ่งตอนนั้นมีการคาดการณ์กันไว้ว่า อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.4% เท่านั้น สำนักงานสถิติฯ ระบุว่า ในเดือนธันวาคม 2024 ดัชนีราคาผู้บริโภค (HICP – Harmonised Index of Consumer Prices) ของเยอรมนีเพิ่มขึ้นจาก 2.4% เป็น 2.9% ซึ่งการประมาณค่าแบบฉันทามติ (CONSENSUS, เอกฉันท์) ในเยอรมนีอยู่ที่ 2.6% ตัวเลขดังกล่าวทำให้ดัชนีตลาดหุ้นเยอรมนี (DAX) เคลื่อนตัวออกจากระดับสูงสุดประจำวันในช่วงแรก และในช่วงบ่ายดัชนี Dax ได้หยุดการเพิ่มขึ้นรายวันกว่า 1% เป็นการชั่วคราว และตกลงไปต่ำกว่าระดับ 20,000 จุดเป็นการชั่วคราวอีกด้วย เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาค่าเงินสกุลยูโรร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามก็ยังคงรักษาระดับกำไรรายวันไว้ได้ และสูงขึ้นกว่า 1% อยู่ที่ 1 ยูโรต่อ 1.042 เหรียญสหรัฐฯ

 

ความไม่แน่นอนนี้สามารถอธิบายได้จากข้อเท็จจริงที่ว่า การประมาณการดังกล่าวของสำนักงานสถิติฯ ได้ปรับตะกร้าสินค้าที่จะใช้ในการคำนวณอัตราเงินเฟ้อตามที่วางแผนไว้ในช่วงสิ้นปี ทำให้การเปรียบเทียบของแต่ละเดือนนั้นจึงมีความ “จำกัด” ซึ่งสำนักงานสถิติฯ จะแจ้งตัวเลขอย่างเป็นทางการออกมาอีกครั้งในเวลาอันไกล้ นาย Silke Tober นักเศรษฐศาสตร์จากสถาบัน IMK คาดว่า อาจมีการแก้ไขข้อมูลเงินเฟ้ออีกครั้ง นับตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีเริ่มกลับมาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ลดลงจากจุดสูงสุดในช่วงต้นปี 2022 ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ได้ทำนายสถานการณ์ดังกล่าวไว้เช่นกัน เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ที่ยากจะคาดการณ์ พวกเขาจึงคาดว่า อัตราเงินเฟ้อน่าจะยังคงสูงกว่า 2% ในช่วงเวลานี้ ในช่วงต้นปี 2025 ราคาสินค้าอุปโภค – บริโภคในประเทศเยอรมนีปรับตัวสูงขึ้น โดยในช่วงปี 2024 – 2025 รัฐบาลกลางเยอรมันได้กำหนดไว้เมื่อหลายปีก่อนราคาการซื้อขายคาร์บอนเครดิต (Emissionshandel) สำหรับสินค้าหมวดน้ำมันเบนซิน น้ำมันเตา และแก๊ส เพิ่มขึ้น 22% การเดินทางด้วยรถประจำทาง และการเดินทางด้วยรถไฟระดับภูมิภาค ก็มีราคาสูงขึ้นเช่นกัน โดยรัฐบาลกลางฯ และรัฐต่าง ๆ ได้ปรับราคาตั๋ว Deutschlandticket (ตั๋วโดยสารขนส่งมวลชนแบบภูมิภาคที่ใช้ได้ทั้งประเทศ) ขึ้นจาก 49 ยูโรเป็น 58 ยูโร หรือแพงขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว นอกจากนี้ผู้ทำประกันจำนวนมากยังต้องจ่ายเบี้ยประกันรถยนต์ และเบี้ยประกันสุขภาพที่สูงขึ้นอีกด้วย โดยรวมแล้วตามการประมาณการของนักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร Deutsche Bank มีแนวโน้มว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงเพียงเล็กน้อยในเดือนมกราคม 2025 นาย Michael Heise ผู้บริหารทีมเศรษฐศาสตร์ของบริษัท HQ Trust บริษัทจัดการสินทรัพย์ประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อเดือนดังกล่าวว่า “เดือนมกราคม 2025 ไม่ได้มีแนวโน้มว่า ผู้บริโภคจะสามารถโล่งใจได้แต่อย่างใด” นาย Jörg Krämer ผู้บริหารทีมเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร Commerzbank กล่าวว่า “ในเดือนมกราคม 2025 อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะสูงเกือบเท่ากับเดือนธันวาคม 2024” ซึ่งปัจจุบันปัญหาเงินเฟ้อยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถาวร นาย Carsten Brzeski เพื่อนร่วมชะตากรรมของธนาคาร ING กล่าวว่า “ในที่สุดเราก็ต้องกลับมาวิ่งหืดขึ้นคอในช่วงสุดท้ายกันอีกแล้ว” สิ่งที่เขาหมายความก็คือ ปรากฏการณ์ที่ธนาคารกลางต้องเตรียมพร้อมรับมือเตรียมต่อสู้กับปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่สูงอีกครั้ง

 

ตามรายงานของธนาคารกลางเยอรมัน (Bundesbank) คาดว่า ค่าเช่าและค่าแพ็คเกจการท่องเที่ยวในวันหยุดจะมีการ “ปรับขึ้นราคาอย่างรวดเร็ว” ในปีนี้เช่นกัน นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อในธุรกิจบริการก็ลดลงช้ากว่าที่คาดหมาย ในเดือนธันวาคม 2024 สำนักงานสถิติฯ รายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในธุรกิจบริการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.1% ตามข้อมูลของธนาคารกลางฯ อัตราเงินเฟ้อในปี 2025 น่าจะสูงกว่าเป้าหมายด้านการเสถียรภาพของราคาที่ธนาคารกลางที่กำหนดไว้ที่ 2% พอดี ธนาคารกลางฯ คาดการณ์ อัตราเงินเฟ้อปี 2025 น่าจะอยู่ที่ 2.4% ตามข้อมูลของสำนักงานสถิติฯ ดัชนี HICP น่าจะอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 2.5% ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันสินเชื่อเพื่อการฟื้นฟูประเทศ (KfW – Kreditanstalt für Wiederaufbau) มีความเห็นต่างจากธนาคารกลางฯ โดยคาดว่า อัตราเงินเฟ้อจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดในปี 2024 โดยอยู่ที่โดยเฉลี่ยต่อปีเพียง 2.1% นาง Stephanie Schoenwald ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจของ KfW กล่าวว่า “แม้ว่าราคาสินค้าจะสูงในช่วงเริ่มต้น แต่แนวโน้มของการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าอุปโภค – บริโภคไม่น่าจะปรับสูงขึ้นมากนัก การขึ้นราคาเพื่อชดเชยค่าวัตถุดิบที่สูงขึ้นกำลังจะสิ้นสุดลง และการปรับขึ้นค่าจ้างก็เริ่มผ่อนคลายลง เหล่าผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาแสดงการมองโลกในแง่ดีพร้อม ๆ กัน อย่างเมื่อเร็ว ๆ นี้ นาง Christine Lagarde ประธาน ECB ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Financial Times เมื่อก่อนเทศกาลคริสต์มาสไม่นานว่า “เรากำลังเข้าใกล้จุดที่จะสามารถประกาศได้ว่า เราสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ตามเป้าหมายระยะกลางที่ตั้งไว้ที่ 2% ได้อย่างยั่งยืน” นาง Isabel Schnabel ผู้อำนวยการ ECB ประจำเยอรมนีกล่าวว่า “ การรักษาเสถียรภาพราคา (Price Stability) อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม” อย่างไรก็ตาม นาง Schnabel ก็ยังสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไป นักลงทุนเดิมพันว่า ECB น่าจะยังคงลดอัตราดอกเบี้ยต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง ตั้งแต่กลางปี ​​2024 ECB ได้ลดอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้ง นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคาร Commerzbank คาดหวังว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยพอ ๆ กันจนถึงช่วงกลางปีนี้ ซึ่งถ้าดำเนินไปตามที่คาดหมายหมายความว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารต่าง ๆ จะลดลงจาก 3.0 % ในปัจจุบันเป็น 2.0% ไป นักลงทุนในตลาดฟิวเจอร์ส (Futures Market) ต่างก็เดิมพันว่า ECB น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในวงกว้างเลยทีเดียว โดยปกติแล้วอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง มักจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ถือหุ้น ส่งผลให้มีอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง ทำให้เงินปันผลกำลังกลายเป็นแหล่งผลตอบแทนที่น่าสนใจมากขึ้น ถึงแม้ว่าราคาหุ้นอาจผันผวนอย่างมากในบางครั้งก็ตาม นอกจากนี้ ในการคำนวณกำไรในอนาคตของบริษัทจะมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง นักเศรษฐศาสตร์ และธนาคารกลางต่างก็หวังว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นการปล่อยสินเชื่อ และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ โดยเงื่อนไขเบื้องต้นสำหรับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติมคือ อัตราเงินเฟ้อควรจะลดลงเหลือ 2% ในอนาคตอันใกล้นี้ อย่างไรก็ตามในเดือนธันวาคมอัตราเงินเฟ้อในประเทศสเปน และประเทศโปรตุเกสยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อในประเทศเบลเยียมลดลงอย่างเห็นได้ชัด นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร (Euro-Zone) โดยรวมจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อพิจารณาจากการประมาณจากเยอรมนี Eurostatสำนักงานสถิติยุโรปจะประกาศการประมาณการอย่างเป็นทางการในขั้นแรกในไม่ช้าเช่นกัน

 

จาก Handelsblatt 24 มกราคม 2568

thThai