เนื้อหาสาระข่าว: ในช่วงสุดท้ายของการดำรงตำแหน่งรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน หน่วยงานศุลกากรและการป้องกันชายแดนแห่งสหรัฐอเมริกา (CBP – US Customs & Border Protection) ได้ออกประกาศข้อเสนอการปรับปรุงกฎระเบียบ (NPRM – Notice of Proposed Rule Making) หลายฉบับ โดยมีเป้าหมายเพื่อจำกัดการใช้ข้อกำหนด “de minimis” ภายใต้มาตรา 321(a)(2) ของพระราชบัญญัติภาษีศุลกากรปี ค.ศ. 1930 (Section 321) ซึ่งในปัจจุบันอนุญาตให้บริษัทสามารถนำเข้าสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐโดยปลอดภาษี
เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2025 CBP ได้เสนอร่างระเบียบที่กำหนดให้มีข้อกำหนดการรายงานข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับสินค้าที่นำเข้าที่มีมูลค่าตามเกณฑ์ขั้นต่ำ (de minimis) และต่อมาในวันที่ 17 มกราคม 2025 CBP ได้เสนอร่างระเบียบที่กำหนดว่าสินค้าที่นำเข้าที่มีมูลค่าต่ำซึ่งอยู่ภายใต้ภาษีตามมาตรา 301, 232 และ 201 จะไม่มีสิทธิ์ได้รับข้อยกเว้นตามมาตรา 321 de minimis อีกต่อไป CBP ได้เปิดรับความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับข้อเสนอทั้งสองนี้ โดยกำหนดให้ส่งความคิดเห็นสำหรับ NPRM เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2025 ภายในวันที่ 17 มีนาคม 2025 และสำหรับ NPRM เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2025 ภายในวันที่ 24 มีนาคม 2025
คาดว่าภายใต้การบริหารงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งได้สั่งการให้ทบทวนข้อยกเว้นเกณฑ์ขั้นต่ำ (de minimis exemption) ผ่านบันทึกนโยบายการค้าประเทศอเมริกามาก่อนในวันที่ 20 มกราคม 2025 อาจมีการพิจารณาเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบในลักษณะที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก การเปลี่ยนแปลงที่เสนอเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าสินค้าจำนวนมากของสหรัฐฯ และผลกระทบอาจทวีความรุนแรงมากขึ้นหากมีการเพิ่มอัตราภาษีภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ผู้นำเข้าและองค์กรที่มีห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศได้รับการสนับสนุนให้ศึกษาข้อเสนอนี้อย่างละเอียด และใช้โอกาสในการส่งความคิดเห็นไปยัง CBP ในช่วงเวลาที่เปิดรับความคิดเห็นดังกล่าว
ภูมิหลังของข้อกำหนดการนำเข้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำ (de minimis)
ตามกฎหมายปัจจุบัน มาตรา 321 ของพระราชบัญญัติภาษีศุลกากร พ.ศ. 2473 (Tariff Act of 1930) กำหนดให้การนำเข้าสินค้าเข้าสู่สหรัฐอเมริกาบางรายการสามารถได้รับการยกเว้นภาษี หากมูลค่ารวมโดยชอบธรรมของสินค้าที่นำเข้าไม่เกิน 800 เหรียญสหรัฐต่อคนต่อวัน นอกจากนี้ มาตรา 321 ยังระบุว่าสินค้าที่นำเข้าเหล่านี้มีมูลค่าต่ำจนไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกระบวนการนำเข้าทางศุลกากรอย่างเป็นทางการหรือข้อกำหนดในการให้ข้อมูลโดยละเอียดเช่นเดียวกับการนำเข้าที่มีมูลค่าที่สูงกว่านี้เข้าสู่สหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2481 ซึ่งเป็นปีที่มาตรา 321 ถูกเพิ่มเข้าไปในพระราชบัญญัติภาษีศุลกากร พ.ศ. 2473 ขีดจำกัดมูลค่าของการนำเข้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำอยู่ที่ 1 เหรียญสหรัฐ และในขณะนั้นการนำเข้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำถือเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อยของการนำเข้าสินค้าของสหรัฐอเมริกา CBP ได้ปรับเพิ่มขีดจำกัดมูลค่าขึ้นเป็น 800 เหรียญสหรัฐครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2559 และมีการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดด้านกฎระเบียบที่สำคัญเกี่ยวกับการนำเข้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำครั้งล่าสุดในปี พ.ศ. 2538 ในช่วงหลายปีหลังจากการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว การค้าอิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) ได้เปลี่ยนโฉมหน้าภูมิทัศน์ทางการค้า ปัจจุบัน CBP ต้องดำเนินการประมวลผลการนำเข้าสินค้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำมากกว่า 4 ล้านรายการต่อวัน รวมเป็นมากกว่าหนึ่งพันล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของจำนวนสินค้าที่เข้าสู่สหรัฐอเมริกาในแต่ละปี การเปลี่ยนแปลงนี้จากการใช้ประโยชน์ที่สะดวกในอดีตกลายเป็นเส้นทางสายหลักขนาดใหญ่สำหรับการนำเข้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำ ได้ก่อให้เกิดข้อกังวลทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดการรายงานเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2025
ตามกฎหมายปัจจุบัน การนำเข้าสินค้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำ (de minimis) มักดำเนินการในรูปแบบที่ไม่เป็นทางการ โดยมีข้อกำหนดด้านเอกสารขั้นต่ำผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “ปล่อยผ่านโดยไม่ต้องแจงรายละเอียดสินค้า (release from manifest process)” อย่างไรก็ตาม CBP ระบุว่ากระบวนการนี้ดำเนินการได้ช้า ใช้แรงงานมาก และให้ข้อมูลไม่เพียงพอสำหรับการตรวจสอบสินค้านำเข้าเพื่อตรวจหาสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ยาเสพติด ในปี พ.ศ. 2562 โดย CBP ได้เปิดตัวโครงการนำร่องสองโครงการ ได้แก่ Section 321 Data Pilot และ Entry Type 86 Test เพื่อปรับปรุงกระบวนการดังกล่าว โดย CBP มีแผนที่จะผสานองค์ประกอบจากโครงการนำร่องทั้งสอง เพื่อสร้าง “กระบวนการนำเข้าที่ได้รับการปรับปรุง (enhanced entry process)” ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่ที่ช่วยให้ CBP สามารถกำหนดเป้าหมายการตรวจสอบสินค้านำเข้าที่มีความเสี่ยงสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพก่อนที่สินค้าจะมาถึงสหรัฐอเมริกา กระบวนการใหม่นี้จะกำหนดให้ต้องส่งข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสินค้าล่วงหน้า แหล่งที่มา และจุดหมายปลายทางของการนำเข้า รวมถึงการจัดประเภทสินค้าตามระบบตารางภาษีศุลกากรของสหรัฐอเมริกา (HTS)
นอกจากนี้ CBP ยังมีแผนที่จะปรับปรุงกระบวนการปล่อยผ่านโดยไม่ต้องแจงรายละเอียดสินค้า [เปลี่ยนชื่อเป็น “กระบวนการตรวจสอบขั้นพื้นฐาน (basic entry process)”] โดยเพิ่มข้อกำหนดในการรายงานข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนการประมวลผลสินค้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง CBP เสนอให้มีการกำหนดให้ระบุชื่อและที่อยู่ของผู้ที่ขอใช้ข้อยกเว้นตามเกณฑ์ขั้นต่ำ ตลอดจนชื่อและที่อยู่ของผู้รับปลายทาง หากผู้รับแตกต่างจากผู้ขอใช้ข้อยกเว้น “กระบวนการนำเข้าที่ได้รับการปรับปรุง” จะเป็นข้อบังคับสำหรับสินค้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่อยู่ภายใต้ข้อบังคับหรือข้อกำหนดด้านข้อมูลจากหน่วยงานรัฐบาลกลางอื่น ขณะที่กระบวนการตรวจสอบขั้นพื้นฐานจะยังคงใช้ได้กับสินค้าที่เป็นของขวัญหรือสินค้าที่ไม่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดเพิ่มเติม แม้ว่า CBP หวังว่าการเปลี่ยนแปลงที่เสนอจะช่วยเร่งเวลาการประมวลผลสินค้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำ แต่ก็อาจเพิ่มภาระด้านกฎระเบียบและข้อกำหนดในการให้ข้อมูลแก่ผู้นำเข้าและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าประเภทนี้
การเปลี่ยนแปลงข้อยกเว้นภาษีเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2025
ตามกฎหมายปัจจุบัน สินค้าที่มีสิทธิ์ได้รับการยกเว้นตามมาตรา 321 de minimis จะได้รับการยกเว้นจากภาษี รวมถึงภาษีที่กำหนดภายใต้มาตรา 232, 201 หรือ 301 แต่ CBP เสนอการแก้ไขข้อบังคับเพื่อยกเลิกสิทธิ์การได้รับการยกเว้น de minimis สำหรับสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตรการทางการค้าและความมั่นคงของชาติ เช่น ภาษีที่กำหนดตามมาตรา 232, 201 หรือ 301 นอกจากนี้ กฎที่เสนอระบุให้สินค้าทั้งหมดที่นำเข้าภายใต้กระบวนการตรวจสอบขั้นพื้นฐานที่กล่าวถึงข้างต้นต้องได้รับการจัดประเภทตามระบบ HTS เพื่อช่วยให้ CBP สามารถตรวจสอบคุณสมบัติของสินค้าสำหรับข้อยกเว้น de minimis
CBP ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้สินค้าจำนวนมากที่เดิมมีสิทธิ์ได้รับการยกเว้น de minimis ต้องเข้าสู่กระบวนการนำเข้าแบบอื่น เนื่องจากประมาณ 16% ของการนำเข้าที่อยู่ภายใต้มาตรา 232, 201 หรือ 301 ซึ่งเดิมได้รับการยกเว้น de minimis จะไม่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าวอีกต่อไป ข้อมูลของ CBP ยังชี้ให้เห็นว่าประมาณ 50% ของมูลค่าการนำเข้าที่ปัจจุบันมีสิทธิ์ได้รับการยกเว้น de minimis ประกอบด้วยสินค้าในกลุ่มสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มที่ควรอยู่ภายใต้ภาษีมาตรา 301
CBP อ้างว่าการเปลี่ยนแปลงนี้จะนำไปสู่การรวมสินค้าที่มีมูลค่าต่ำหลายรายการเข้าด้วยกันเป็นการลักลอบสินค้าผ่านกล่องบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ เนื่องจากการสูญเสียประโยชน์ที่ได้จากการคงมูลค่าการนำเข้าต่ำกว่าเกณฑ์ 800 เหรียญสหรัฐ ซึ่งข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าหลายล้านรายการเข้าสู่สหรัฐอเมริกาในแต่ละปี และมีศักยภาพที่จะเพิ่มภาระภาษี รวมถึงเปลี่ยนแปลงกระบวนการนำเข้าสถานะเดิมของสินค้านำเข้าหลายล้านรายการต่อปี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม
ข้อมูลเพิ่มเติม
ผู้ประกอบการที่นำเข้าสินค้ามายังสหรัฐฯ ควรใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎระเบียบที่เสนอเหล่านี้ต่อกิจการของตน และส่งความคิดเห็นเพื่อสะท้อนข้อกังวลภายในกำหนดเวลาช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้
บทวิเคราะห์: ก่อนอื่น คงต้องชี้ว่าสินค้าใดบ้างเสี่ยงได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรที่กำหนดตามมาตรา 232, 201 และ 301 โดยมีรายละเอียดดังนี้:
- ภาษีตามมาตรา 232 (https://www.cbp.gov/trade/programs-administration/entry-summary/232-tariffs-aluminum-and-steel/faqs)
วัตถุประสงค์: กำหนดขึ้นเพื่อปกป้องความมั่นคงแห่งชาติ (National Security) ของสหรัฐอเมริกา โดยพิจารณาว่าสินค้าที่นำเข้าอาจกระทบต่อความมั่นคงด้านอุตสาหกรรมของประเทศ โดยสินค้ากลุ่มนี้ ได้แก่
-
- เหล็กกล้า (Steel): ภาษีร้อยละ 25 สำหรับเหล็กกล้าส่วนใหญ่ที่นำเข้าจากประเทศต่าง ๆ ซึ่งเคยยกเว้นบางประเทศ เช่น แคนาดา เม็กซิโก
- อะลูมิเนียม (Aluminum): ภาษีร้อยละ 10 สำหรับสินค้าประเภทอะลูมิเนียม
ผลกระทบ: ส่งผลต่ออุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้างที่ใช้เหล็กและอะลูมิเนียมเป็นวัตถุดิบหลัก
- ภาษีตามมาตรา 201 (https://ustr.gov/issue-areas/enforcement/section-201-investigations)
วัตถุประสงค์: ใช้เพื่อป้องกันหรือแก้ไขความเสียหายต่ออุตสาหกรรมในประเทศที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าบางประเภทที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยสินค้ากลุ่มนี้ ได้แก่
-
- แผงโซลาร์เซลล์ (Solar Panels): ภาษีเริ่มต้นที่ร้อยละ 30 และลดลงในช่วงเวลาที่กำหนด
- เครื่องซักผ้า (Washing Machines): ภาษีเพิ่มร้อยละ 20-50 สำหรับการนำเข้าสินค้าเกินโควตาที่กำหนด
ผลกระทบ: ช่วยให้อุตสาหกรรมในประเทศมีเวลาปรับตัวรับการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากสินค้านำเข้า
- ภาษีตามมาตรา 301 (https://ustr.gov/issue-areas/enforcement/section-301-investigations)
วัตถุประสงค์: ออกมาตามการสอบสวนการปฏิบัติทางการค้าของต่างประเทศที่ไม่เป็นธรรม เช่น การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยสินค้ากลุ่มนี้ครอบคลุมสินค้าหลายพันรายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่นำเข้าจากจีน โดยอัตราภาษีอยู่ในระดับร้อยละ 7.5 ถึงร้อยละ 25 ขึ้นอยู่กับรายการสินค้า ตัวอย่างสินค้าเหล่านี้ ได้แก่:
-
- สินค้าเทคโนโลยี: เซมิคอนดักเตอร์, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
- เครื่องจักรและชิ้นส่วน: เครื่องมือการผลิต, เครื่องยนต์
- สินค้าอุปโภคบริโภค: เครื่องใช้ไฟฟ้า, เฟอร์นิเจอร์, ของเล่น
- สินค้าเกษตร: ถั่วเหลือง, เนื้อสัตว์บางประเภท
ผลกระทบ: มุ่งเป้าไปที่การลดการขาดดุลทางการค้าของสหรัฐฯ กับจีน
โดยสรุป ภาษีตามมาตรา 232, 201 และ 301 ถูกออกแบบมาเพื่อตอบประเด็นปัญหาด้านความมั่นคงแห่งชาติ การป้องกันอุตสาหกรรมในประเทศ และความไม่เป็นธรรมทางการค้า ซึ่งครอบคลุมสินค้าหลากหลายประเภทที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมสหรัฐอเมริกา หากต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้าเฉพาะในแต่ละรายการ สามารถตรวจสอบได้ในประกาศของ CBP ตามลิ้งก์ที่ให้ไว้ในแต่ละหัวข้อข้างต้นนี้
ในปีงบประมาณ 2023 สินค้าที่ถูกยึดโดยกรมศุลกากรและการป้องกันชายแดนแห่งสหรัฐอเมริกา (CBP) ด้วยเหตุจากการละเมิดกฎด้านสุขภาพและความปลอดภัยมีมากถึงร้อยละ 85 ที่เป็นสินค้าขนาดเล็ก สินค้าเหล่านี้มีวัสดุอันตรายที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรงต่อผู้บริโภคและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ด้วย โดยปัจจุบัน สินค้าที่นำเข้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำ (de minimis shipments) คิดเป็นร้อยละ 92 ของสินค้าที่นำเข้าทั้งหมดในสหรัฐฯ โดย CBP ประมวลผลสินค้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำประมาณ 4 ล้านชิ้นต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก 2.8 ล้านชิ้นต่อวัน โดยในปี 2023 CBP ได้ประมวลผลสินค้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำมากกว่า 1 พันล้านชิ้น และมีประมาณ 800 ล้านชิ้นหรือร้อยละ 88 ที่นำเข้ามาผ่านระบบไปรษณีย์ระหว่างประเทศ บริการจัดส่งด่วน เช่น UPS, DHL, และ FedEx หรือในรูปแบบสินค้าบนเที่ยวบินพาณิชย์
ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี (JFK) ในนิวยอร์ก เป็นศูนย์กลางที่ประมวลผลสินค้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำประมาณร้อยละ 25 ของประเทศ ในแต่ละวัน JFK ต้องจัดการสินค้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำระหว่าง 750,000–1,000,000 ชิ้น ด้วยทรัพยากรที่จำกัด การตรวจสอบสินค้าจำนวนมหาศาลเหล่านี้ จึงสามารถทำได้เพียงส่วนน้อยเท่านั้น จึงส่งผลให้ช่องทางนี้มักถูกใช้ประโยชน์โดยกลุ่มผู้กระทำผิด โดยกลุ่มผู้กระทำความผิดดังกล่าว มักใช้วิธีการต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีหรือลักลอบนำเข้าสินค้า อาทิ การประเมินมูลค่าสินค้าต่ำกว่าความเป็นจริง การจัดประเภทสินค้าไม่ถูกต้อง และการระบุคำอธิบายสินค้าไม่ชัดเจนหรือแจ้งว่าเป็นสินค้าที่ไม่มีอันตราย แต่ที่จริงแล้วเป็นสินค้าที่มีอันตราย
ช่องทางลักลอบขนส่งยาเสพติด (Narcotics Pathway)
สินค้าที่นำเข้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำ (de minimis) เป็นช่องทางสำคัญสำหรับการลักลอบขนส่งยาเสพติด โดยองค์กรค้ายาเสพติด ซึ่งจะอาศัยช่องโหว่ในระบบ de minimis เพื่อนำเข้าสารเคมีตั้งต้น (precursor chemicals) เครื่องผลิตยาเม็ด (pill presses) และแม่พิมพ์ยา (pill dies) เพื่อผลิตยาเม็ดปลอม ซึ่งมักทำให้ผู้บริโภคเชื่อว่ายานั้นเป็นยาที่ถูกต้อง เช่น Oxycodone ซึ่งในความเป็นจริงก็คือยาเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นมาอย่างผิดกฎหมาย และยังอาจจะมีเฟนทานิล (Fentanyl) Xylazine (ยาสลบสำหรับสัตว์) และ Nitazene (สารโอปิออยด์สังเคราะห์ที่มีฤทธิ์แรงกว่าเฟนทานิลถึง 40 เท่า และแรงกว่ามอร์ฟีนถึง 800 เท่า) เป็นส่วนผสมอยู่อีกด้วย ซึ่งสารเคมีเหล่านี้มีพิษร้ายแรง
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ CBP ได้ยึดสาร Nitazene น้ำหนักเกือบ 1 ปอนด์ ซึ่งถูกจัดส่งไปยังที่พักส่วนตัวในรัฐเซาท์แคโรไลนา โดยพัสดุนี้ถูกส่งมาจากสหราชอาณาจักร และที่สนามบิน JFK เจ้าหน้าที่ CBP พบสาร Xylazine และ Nitazene อย่างน้อย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยปริมาณมีตั้งแต่ไม่กี่กรัมจนถึงมากกว่า 1 ปอนด์
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ระบุว่า ในปี 2023 มีผู้เสียชีวิตจากการเสพยาเกินขนาดในสหรัฐฯ ถึง 107,543 ราย ซึ่งเทียบเท่ากับการเสียชีวิต 1 รายในทุกๆ 5 นาที
การลักลอบขนส่งอาวุธปืนและชิ้นส่วน (Weapons Smuggling) ชิ้นส่วนอาวุธปืนและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องก็ถูกลักลอบนำเข้าผ่านช่องทาง de minimis นี้ด้วยเช่นกัน โดยผู้ลักลอบใช้วิธีการซุกซ่อนอาวุธที่ซับซ้อนอย่างยิ่ง โดยตัวอย่างการตรวจจับในเดือนมีนาคม 2022 เจ้าหน้าที่ CBP ที่สนามบิน JFK ตรวจพบพัสดุ de minimis ซึ่งระบุว่าเป็นชุดอาหารพร้อมทานสำหรับใช้เป็นถุงยังชีพ (Survival Meal, Ready-to-eat – MRE) ที่ส่งมาจากรัสเซีย เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบครั้งแรกก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่หลังจากการตรวจด้วยเครื่อง X-ray ซ้ำก็พบว่าในช็อกโกแลตมี ชิ้นส่วนปืน AK-47 ที่ถูกเคลือบช็อกโกแลตปกปิดไว้อย่างแนบเนียน แล้วการตรวจสอบครั้งนี้นำไปสู่การยึดพัสดุอื่น ๆ อีก 7 รายการ ที่มีชิ้นส่วนอาวุธผิดกฎหมาย ตัวอย่างการลักลอบขนส่งอาวุธอื่นๆ ได้แก่ การลักลอบส่งอุปกรณ์ Auto Sears ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่เปลี่ยนอาวุธปืนกึ่งอัตโนมัติให้เป็นปืนกลเต็มรูปแบบ โดยพัสดุที่ระบุว่าเป็น “เครื่องอัดจาระบี” (Grease Gun) ถูกส่งมาจากรัสเซีย แม้ไม่มีสิ่งผิดปกติใน X-ray แต่หลังจากการถอดชิ้นส่วนออกแล้ว พบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวถูกใช้ซ่อนชิ้นส่วน Auto Sear หลายชิ้น
การดำเนินการตรวจสอบพิเศษของ CBP ที่ชื่อว่า Operation Blind Spot
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา กรมศุลกากรและการป้องกันชายแดนแห่งสหรัฐอเมริกา (CBP) ได้ดำเนินการปฏิบัติการพิเศษเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ภายใต้ชื่อ Operation Blind Spot โดยมีเป้าหมายเพื่อตรวจสอบเลนส์สัมผัสที่ถูกนำเข้าผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ (de minimis) จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสินค้าเครื่องสำอางและความงามรายใหญ่ ซึ่งได้มีการตรวจสอบที่สนามบินนานาชาติลอสแอนเจลิส (LAX) มีพัสดุ 41 รายการ ที่ศูนย์ไปรษณีย์ระหว่างประเทศและพัสดุ 50 รายการ ที่ศูนย์จัดส่งด่วน รวมการตรวจสอบทั้งหมด 91 รายการ ซึ่งผลการตรวจสอบพบว่า สินค้าทั้งหมดไม่เป็นไปตามข้อกำหนดขององค์การอาหารและยา (FDA) ซึ่งเลนส์สัมผัสที่ไม่ได้รับการอนุมัติจาก FDA อาจก่อให้เกิดการระคายเคืองตา หรือในกรณีร้ายแรงอาจทำให้ตาบอดได้ ผู้บริโภคมักซื้อสินค้าดังกล่าวเพราะราคาถูก แต่สินค้าที่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำได้ซึ่งดูเหมือนจะเป็น “ข้อเสนอที่ดีเกินจริง” มักมีความเสี่ยงสูง
การนำเข้าสินค้าตามเกณฑ์ขั้นต่ำในหลากหลายช่องทาง โดยส่วนใหญ่จะถูกขนส่งทางอากาศ แต่ยังพบสินค้าถูกลักลอบนำเข้าผ่าน รถบรรทุก ทางรถไฟ และทางเรือด้วย
การลักลอบนำเข้าสินค้าในบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ (Master Carton Smuggling)
การลักลอบนำเข้าสินค้าในบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ หรือ “Master Carton Shipping” เป็นหนึ่งในรูปแบบการลักลอบนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น โดยการลักลอบนี้มีการบรรจุกล่องสินค้าขนาดเล็กที่ห่อแยกกันไว้อย่างมิดชิดภายในกล่องใหญ่เพื่อซ่อนที่มาของผู้รับและเนื้อหาภายใน โดยกล่องสินค้าขนาดเล็กมักมีที่อยู่และข้อมูลที่ทำปลอมขึ้นมา แล้วเมื่อเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์สแกนฉลาก ระบบจะแสดงที่อยู่และจะส่งสินค้าไปยังปลายทางโดยไม่ต้องชำระเงินทำให้ระบบไปรษณีย์สหรัฐฯ ต้องสูญเสียรายได้จำนวนมาก ตัวอย่างเช่น กล่องบรรจุภัณฑ์ขนาดใหญ่ถูกจัดส่งจากจีน โดยมีที่อยู่ปลอมระบุว่าพัสดุถูกจัดส่งภายในประเทศสหรัฐฯ เพื่อทำให้ผู้บริโภคเชื่ออย่างผิดๆ ว่าพัสดุเป็นสินค้าภายในประเทศและเชื่อว่าเป็นสินค้าที่มีมาตรฐานคุณภาพตามที่ FDA กำหนด
แนวทางการแก้ไขของ CBP
การพัฒนาเทคโนโลยี: CBP ใช้เครื่องมือตรวจจับแบบไม่รุกล้ำ (nonintrusive detection tool) เช่น อุปกรณ์ตรวจจับที่สนามบิน JFK ตั้งแต่ปี 2021 ซึ่งพัฒนาโดยใช้ AI และ Machine Learning เครื่องมือนี้ช่วยตรวจจับสารเสพติดและสินค้าผิดกฎหมายในพัสดุขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โครงการนำร่อง: ตั้งแต่ปี 2019 CBP ได้ทดลองโครงการเพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้จัดส่ง สาระสำคัญของพัสดุ และปลายทาง ซึ่งโครงการเหล่านี้ช่วยเร่งการประมวลผลพัสดุที่ถูกต้อง และทำให้สามารถจัดทรัพยากรเพื่อมุ่งเน้นในการจับผู้กระทำผิด
การปรับปรุงกฎหมาย: CBP ร่างข้อเสนอทางกฎหมายเพื่อปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับพัสดุเกณฑ์ขั้นต่ำ ซึ่งไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญมาตั้งแต่ปี 1995
คำเตือนแก่ผู้บริโภค: CBP ยังได้มีการออกคำเตือนผู้บริโภคให้ระมัดระวังสินค้าราคาถูกที่ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำ เนื่องจากสินค้าดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงสูงต่อความปลอดภัยและค่าใช้จ่ายที่ตามมาในระยะยาว
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: ช่องทางการส่งสินค้าจากประเทศอื่นเข้าสู่สหรัฐฯ ตามเกณฑ์ขั้นต่ำนี้ ยังคงเป็นช่องทางที่ผู้ส่งออกทั่วโลกรวมถึงผู้ประกอบการไทย ก็ยังสามารถใช้ได้ ในการจำหน่ายสินค้าโดยตรงถึงผู้บริโภค แม้ปัจจุบันจะเข้มงวดมากขึ้นแต่หากไม่ใช่สินค้าที่ผิดกฎหมาย โดยเฉพาะที่เข้าข่าย 3 รายการดังกล่าว และให้คำอธิบายที่เป็นจริงถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ก็จะยังไม่มีปัญหาในระยะนี้
แต่ก็เป็นที่ทราบดีว่ารัฐบาลที่เพิ่งเข้าสู่ตำแหน่งนี้ ให้ความสนใจในเรื่องสินค้านำเข้ามากอยู่แล้ว ประกอบกับสัดส่วนร้อยละ 92 ของปริมาณการนำเข้าทั้งหมด ก็พอจะสันนิษฐานได้ว่า ในไม่ช้าก็จะมีมาตรการเข้มงวดเพิ่มขึ้นอีกแน่นอน และอาจไปถึงขั้นลดเพดานจากมูลค่าไม่เกิน 800 เหรียญสหรัฐ ลงมาอีกด้วยก็เป็นไปได้ และดูเหมือนจะมีแนวโน้มว่าจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน ดังนั้นในระยะนี้ ที่ยังเป็นช่วงการเปลี่ยนถ่ายย้ายโอนกันจนฝุ่นตลบของรัฐบาลที่สลับขั้วกันนี้ ก็เชื่อว่ายังมีเรื่องอื่นๆ ที่เป็นทางการ และเร่งด่วนกว่าอยู่อีกมาก หากใครเคยใช้ช่องทางขายตรงสู่ผู้บริโภคกันมาก่อนแล้วก็น่าจะยังใช้ช่องทางนี้ต่อไปได้อีกสักพักใหญ่ๆ
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ส่งออกที่เน้นการส่งออกในปริมาณมากๆ ทางเรือที่มักขายสินค้าใส่ตู้คอนเทนเนอร์ส่งออกมาเป็นตู้ๆ ดีอยู่แล้ว แม้จะมีผู้ซื้อเป็นเรื่องเป็นราวมั่นคงดีอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็ยังอยากให้พิจารณาใช้ช่องทางนี้ซึ่งยังถือได้ว่าเป็นช่องทางที่ดีที่จะใช้ในโอกาสต่างๆ อาทิ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ การทดลองตลาด การส่งสินค้าตัวอย่าง ฯลฯ ซึ่งอยากให้ทราบไว้ให้ทั่วกัน และใช้โอกาสที่มีนี้อย่างถูกต้องและสร้างสรรค์ สินค้าที่สามารถส่งต่อผู้ซื้อ 1 รายต่อวันที่มีมูลค่าต่ำกว่า 800 เหรียญสหรัฐนั้นครอบคลุมประเภทของผลิตภัณฑ์จากประเทศไทยได้กว้างขวางมากมายหลายอย่าง หากจะไม่ใช้ช่องทางนี้กันเสียเลยก็คงจะน่าเสียดายอย่างยิ่ง
*********************************************************
ที่มา: DLA Piper เรื่อง: “CBP proposes rule that would eliminate Section 321 de minimis exemption eligibility for shipments subject to Section 301 tariffs” โดย: Andrew Bisbas, Christine Daya & Mazzen Shalaby สคต. ไมอามี /วันที่ 21 มกราคม 2568