ปี 2567 ส่งออกไทยมายังอิตาลีโตต่อเนื่อง บวก 2.72% ยังครองตำแหน่งตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป

ปี 2567 การค้าระหว่างไทย-อิตาลี มีมูลค่าทั้งสิ้น 5,019.11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 0.83% แบ่งเป็น การส่งออกมูลค่า 2,155.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.72% และการนำเข้า มูลค่า 2,963.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัว 3.35% ไทยยังขาดดุลการค้ากับอิตาลี คิดเป็นมูลค่า 708.46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามูลค่าการค้าทั้งหมดจะมีการหดตัวเล็กน้อย แต่มูลค่าการส่งออกมีสัญญาณที่ดีและอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2564 สำหรับการส่งออกของไทยมายังสหภาพยุโรป (27) ปี 2567 มีมูลค่าทั้งสิ้น 28,369.69 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 9.08% ไทยส่งออกมายังอิตาลีเป็นอันดับ 3 ในสหภาพยุโรป รองจากเนเธอร์แลนด์ (มูลค่าการส่งออก 6,427.44 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 10.01%) และเยอรมนี (มูลค่าการส่งออก 5,331.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 17.02%) และตามด้วยฝรั่งเศส (มูลค่าการส่งออก 1,959.88 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 0.88%) และสเปน (มูลค่าการส่งออก 1,065.01 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 22.76%)
ปี 2567 ส่งออกไทยมายังอิตาลีโตต่อเนื่อง บวก 2.72% ยังครองตำแหน่งตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป
ปี 2567 ส่งออกไทยมายังอิตาลีโตต่อเนื่อง บวก 2.72% ยังครองตำแหน่งตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป
สำหรับปี 2567 การส่งออกของไทยไปยังอิตาลีมีมูลค่าทั้งสิ้น 2,155.32 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.72% เมื่อเทียบกับปี 2566 ทั้งนี้ อิตาลีถือเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญของไทย อันดับที่ 26 ของตลาดส่งออกทั่วโลกของไทย (ปี 2566 อิตาลีอยู่อันดับ 25) และอันดับ 5 ของตลาดส่งออกในภูมิภาคยุโรปของไทย (อันดับ 1-4 ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ เยอรมนี สหราชอาณาจักร และสวิตเซอร์แลนด์) โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญจากไทยไปยังอิตาลี 10 อันดับแรก ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ยาง รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล ยางพารา ปลาหมึก มีชีวิต สด แช่เย็น แช่แข็ง และหม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
ปี 2567 ส่งออกไทยมายังอิตาลีโตต่อเนื่อง บวก 2.72% ยังครองตำแหน่งตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป
เมื่อพิจารณาอัตราการขยายตัวของการส่งออกไทยไปยังอิตาลีในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา พบว่าในปี 2558 การส่งออกหดตัวลง 12.16% ก่อนจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งในปี 2559 ที่ 16.48% และยังคงรักษาอัตราการเติบโตได้ในปีต่อๆ มา โดยมีแนวโน้มเป็นบวกมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 การส่งออกได้รับผลกระทบหนัก หดตัวลง 18.78% ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศทั่วโลก
การส่งออกไทยไปอิตาลีกลับมาฟื้นตัวอย่างโดดเด่นในปี 2564 โดยขยายตัว 29.63% ซึ่งเป็นอัตราการเติบโตที่สูงที่สุดในรอบทศวรรษ ก่อนที่จะขยายตัวลดลงในปีถัดมา (+10.64%) และลดลงอีกในปี 2566 (+2.47%) อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 แนวโน้มยังคงเป็นบวก (+2.72%) แม้จะไม่สูงมากแต่สะท้อนถึงเสถียรภาพของการค้าไทย-อิตาลีที่ยังคงแข็งแกร่ง
ปี 2567 ส่งออกไทยมายังอิตาลีโตต่อเนื่อง บวก 2.72% ยังครองตำแหน่งตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป
ปี 2567 ส่งออกไทยมายังอิตาลีโตต่อเนื่อง บวก 2.72% ยังครองตำแหน่งตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป
โดยในปี 2567 พบว่า กลุ่มสินค้าที่ไทยส่งออกมายังอิตาลีขยายตัวเพิ่มขึ้น คือ กลุ่มสินค้าเกษตรกรรม (กสิกรรม, ปศุสัตว์, ประมง) มีมูลค่า 216.50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 35.80% โดยสินค้าสำคัญที่มีอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น ยางพารา (+76.77%) ปลาหมึก มีชีวิต สด แช่เย็น แช่แข็ง (+5.65%) ข้าว (+50.10%) กุ้งสด แช่เย็น แช่แข็ง (+53.32%) และปลาสด แช่เย็น แช่แข็ง (+219.57%) กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ขยายตัวเช่นเดียวกัน มีมูลค่า 213.72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 27.14% โดยสินค้าสำคัญที่มีอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้น เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง (+33.72%) สิ่งปรุงรสอาหาร (+21.28%) เครื่องดื่ม (+37.98%) และผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ (+58.54%) ในขณะที่กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม มีมูลค่า 1,724.18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวลง 2.62% โดยสินค้าสำคัญที่มีอัตราการส่งออกลดลง เช่น หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ (-65.41%) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (-10.81%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (-6.49%) เครื่องนุ่งห่ม (-6.40%) และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-48.56%)
ปี 2567 ส่งออกไทยมายังอิตาลีโตต่อเนื่อง บวก 2.72% ยังครองตำแหน่งตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป
ปี 2567 ส่งออกไทยมายังอิตาลีโตต่อเนื่อง บวก 2.72% ยังครองตำแหน่งตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป
แนวโน้มและโอกาสของสินค้าไทยในอิตาลี
จากข้อมูลการส่งออกปี 2567 แสดงให้เห็นว่ากลุ่มสินค้าเกษตรกรรม (กสิกรรม, ปศุสัตว์, ประมง) และกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรมีอัตราการขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่กลับมาฟื้นตัวหลังจากหดตัวถึง 17.55% ในปี 2566 สินค้าที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มเติบโตในตลาดอิตาลี ได้แก่ ยางพารา ปลาหมึก มีชีวิต สด แช่เย็น แช่แข็ง ข้าว กุ้งสด แช่เย็น แช่แข็ง และปลาสด แช่เย็น แช่แข็ง ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากทั้งภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภคทั่วไป ในขณะเดียวกัน กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ซึ่งเคยหดตัวถึง 26.98% ก็เริ่มมีสัญญาณฟื้นตัว โดยสินค้าหลักที่ขยายตัวเป็นอย่างมาก ได้แก่ อาหารสัตว์เลี้ยง สิ่งปรุงรสอาหาร เครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นของสินค้ากลุ่มนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มของตลาดอิตาลีที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์อาหารที่มีความหลากหลาย และชี้ให้เห็นถึงโอกาสที่ผู้ประกอบการไทยควรเน้นเจาะตลาดสินค้าเกษตรและอาหารที่มีมูลค่าเพิ่มสูง ควบคู่กับการพัฒนาและปรับตัวในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดอิตาลีที่เปลี่ยนแปลงไป
ปี 2567 ส่งออกไทยมายังอิตาลีโตต่อเนื่อง บวก 2.72% ยังครองตำแหน่งตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป
ความคิดเห็นของสคต. ณ เมืองมิลาน
1. จากข้อมูลตัวเลขดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าการส่งออกสินค้าไทยมายังอิตาลี ปี 2567 ยังรักษาอัตราการเติบโตได้ดี และยังอยู่ในอันดับต้นๆ ของทั้งในส่วนการส่งออกในสหภาพยุโรปและในภูมิภาคยุโรป สินค้าไทยยังคงได้รับความนิยมในอิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มสินค้าเกษตรกรรมและกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีอัตราการส่งออกเพิ่มขึ้นในปี 2567
2. เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศบังคับใช้ภาษีศุลกากร 25% สำหรับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์ไปจนถึงสินค้าอื่น ๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของอิตาลีและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ด้านคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) ยืนยันว่าจะดำเนินมาตรการตอบโต้ที่รวดเร็วและเด็ดขาดต่อแนวทางการค้าของสหรัฐฯ โดยเน้นย้ำว่าจะไม่เพิกเฉยต่อภาษีที่ไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยควรจับตาท่าทีของสหภาพยุโรปอย่างใกล้ชิดและเตรียมปรับตัวให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของภาคการส่งออกและนำเข้าในอนาคต
3. แนวทางการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับไทยในตลาดยุโรป/อิตาลี ในขณะนี้คือ รัฐบาลไทยเดินหน้าผลักดันการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรป (EU) ตั้งเป้าสรุปข้อตกลงภายในสิ้นปี 2568 เพื่อเสริมศักยภาพการค้าและดึงดูดการลงทุน โดยหาก FTA ไทย-EU สำเร็จ จะช่วยเปิดตลาดใหม่ให้กับสินค้าไทย ลดอุปสรรคทางการค้า เพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างประเทศสมาชิก และเสริมความแข็งแกร่งให้เศรษฐกิจไทยในเวทีโลก ยิ่งไปกว่านั้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศและสคต. ณ เมืองมิลาน เร่งเดินหน้ากิจกรรมส่งเสริมการค้าในอิตาลีเพื่อรักษาแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและขยายโอกาสการส่งออก โครงการสำคัญ ได้แก่ SMEs Pro-active Program ที่ช่วยเสริมศักยภาพผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม ในการเข้าร่วมการแสดงสินค้าที่สำคัญในอิตาลี เช่น งานแสดงสินค้าเครื่องประดับและอัญมณี Vicenzaoro งานแสดงสินค้ารองเท้าและกระเป๋า Expo Riva Schuh & Gardabags งานแสดงสินค้าเครื่องหนัง Lineapelle งานแสดงเครื่องสำอางและความงาม Cosmoprof และงานแสดงสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง Zoomark เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าไทยที่มีนวัตกรรมและเอกลักษณ์ไทยในงาน Milan Design Week 2025 และการผลักดันตราสัญลักษณ์ Thai Select เพื่อยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทยในอิตาลี
ปี 2567 ส่งออกไทยมายังอิตาลีโตต่อเนื่อง บวก 2.72% ยังครองตำแหน่งตลาดส่งออก อันดับ 3 ของไทยในสหภาพยุโรป

ที่มา: 1. ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือกับกรมศุลกากร
2. อียูกร้าวพร้อมตอบโต้ หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษีสินค้ายุโรป 25% เร็วๆ นี้ – Matichon Online
3. รัฐบาลตั้งเป้าสิ้นปี 68 ปิดดีล FTA ไทย-EU สร้างแต้มต่อทางการค้า – Dataxet Limited
4. Photo by Andrea Ferrario on Unsplash
5. Photo by 龙 赵 on Unsplash
6. Photo by Isuru Ranasinha on Unsplash
7. Photo by Eduardo Prim on Unsplash
8. Photo by CHUTTERSNAP on Unsplash

thThai