การส่งออกของอินเดียโดยรวม (สินค้าและบริการรวมกัน) สำหรับเดือนมกราคม 2568 มีมูลค่า 74.97 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 9.72 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อนหน้า ส่วนการนำเข้า (สินค้าและบริการรวมกัน) สำหรับเดือนมกราคม 2568 มีมูลค่า 77.64 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว ร้อยละ 12.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของ ปีก่อนหน้า
การส่งออกรวมภาคสินค้าและบริการของอินเดียสะสมระหว่างเดือนเมษายน 2567 – มกราคม 2568 มีมูลค่า 682.59 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 7.21 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนการนำเข้าสะสมระหว่างเมษายน 2567 – มกราคม 2568 มีมูลค่า 770.06 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 8.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
- การค้าสินค้า
การส่งออก เดือนมกราคม 2568 มีมูลค่า 36.43 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ น้อยกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 37.32 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและ อัญมณีและเครื่องประดับมีมูลค่า 29.87 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 26.12 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าส่งออกที่ขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า ได้แก่ ธัญพืช(103.20%) ,สินค้า Electronic (78.97%), ยาสูบและผลิตภัทณ์ยาสูบ(59.18%) ,กาแฟ (57.07%) , ข้าว (44.61%) ตามลำดับ
ประเทศที่อินเดียมีมูลค่าการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2568 เทียบกับปีที่ผ่านมามากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น (53.53%) , สหรัฐอเมริกา (39.02%), เนปาล (20.84%) , บังคลาเทศ (17.27%) , สหราชอาณาจักร (14.84%) และ
ขณะที่ภาพรวมการส่งออกสินค้า 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2024 (เมษายน 2567 – มกราคม 2568) มีมูลค่า 358.91 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 353.97 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณีและเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 281.46 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 256.56 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
การนำเข้า เดือนมกราคม 2568 มีมูลค่า 59.42 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 53.88 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณี และเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 41.20 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 34.23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้านำเข้าที่หดตัวอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ สินค้าคงทน (48.14%) ,ไข่มุก และหินมีค่า (-29.21) , ถ่านหิน (-15.22%) , ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและน้ำมันดิบ (-13.49%) ตามลำดับ
ประเทศที่อินเดียมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคม 2567 เทียบกับปีที่ผ่านมามากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ ไทยแลนด์ (136.63%) , สหราชอาณาจักร (101.62%) เยอรมนี (72.15%) , สหรัฐอเมริกา (33.46%), และ จีน (17.06%)
ขณะที่ภาพรวมการนำเข้าสินค้า 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2024 (เมษายน 2567 – มกราคม 2568) มีมูลค่า 601.90 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 560.27 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หากหักสินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันและอัญมณีและเครื่องประดับแล้วมีมูลค่า 378.34 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 354.68 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ดุลการค้าสินค้า เดือนมกราคม 2568 ขาดดุลการค้า 22.99 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าขาดดุลที่ระดับ 16.56 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้อินเดียขาดดุลการค้าสินค้าสะสม 10 เดือนแรกมูลค่า 242.99 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งขาดดุลมากขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 206.29 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
- 2. การค้าบริการ*
เดือนมกราคม 2568 การส่งออกบริการมีมูลค่า 38.53 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 31.01 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ การนำเข้า มีมูลค่า 18.22 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 14.84 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ดุลการค้า เกินดุลมูลค่า 20.31 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 16.17 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ภาพรวมการบริการ 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2024 (เมษายน 2567 – มกราคม 2568) มีมูลค่าเกินดุล 155.51 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่าช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ระดับ 136.23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
ข้อคิดเห็น
- ภาพรวมการค้าของอินเดียในเดือนมกราคม 2568 สะท้อนภาพชัดเจนมากขึ้นถึงการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อสภาวะการค้าของโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนทางการค้าเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการใช้นโยบายทางทางภาษีของ 2 มหาอำนาจของโลกอย่าง สหรัฐอเมริกาและจีน ทั้งนี้ด้วยการดำเนินนโยบายทางการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของอินเดียที่มุ่งเน้นการเจรจาในรูปแบบทวิภาคีมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาทำให้ทางรัฐบาลอินเดียยังคงรักษาสถานะการณ์ทางการค้าและการลงทุนให้อยู่ในระดับที่จะสามารถประคับประคองสถานการณ์ได้ในระยะนี้
- ภาคเอกชนในอินเดียดำเนินการสอดคล้องต่อนโยบายของรัฐบาลต่อการการค้าและการลงทุนท่ามกลางสภาวะความอ่อนไหวทางภาษีในระบบการค้าของโลกนำโดย สหรัฐและจีน ภาคเอกชนสามารถปรับตัวต่อการปรับลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐใบบางรายการ หรือการเพิ่มการนำเข้าเชื้อเพลิงในส่วนของก๊าซธรรมชาติจากสหรัฐเพิ่มขึ้น เพื่อลดการได้ดุลการค้าต่อสหรัฐเมริกาลดลงเพื่อหลีกเลี่ยงหรือหนีให้พ้นกลุ่มเสี่ยงต่อการโดยขึ้นภาษีสินค้านำเข้าของสหรัฐอเมริกาตามนโยบายของ โดนัลป์ ทรัมป์ ทำให้สถานการณ์ทางการค้าของอินเดียในระยะนี้ยังคงเดินหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การอ่อนค่าของค่าเงินรูปี สกุลเงินรูปีของอินเดียลงทะลุระดับ 86.9280 รูปี/ดอลลาร์ แตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ท่ามกลางความกังวลต่อสงความการค้าและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ในทางกลับกันการอ่อนตัวของค่าเงินรูปี อินเดีย ในย่อมส่งผลเชิงบวกต่อตัวเลขการส่งออกของอินเดีย และล่าสุดรายงานจาก หัวหน้าฝ่ายติดตามเศรษฐกิจโลกของสหประชาชาติ กล่าวว่าอินเดียจะเป็นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกอีกครั้ง โดยมีอัตราการเติบโตต่อปีที่คาดการณ์ไว้ที่ 6.6 %* หมายเหตุ: จากข้อมูลล่าสุดของธนาคารกลางอินเดีย ข้อมูลภาคบริการเปิดเผยถึงเดือนธันวาคม 2567 ในส่วนของข้อมูลของเดือนมกราคม 2568 เป็นเพียงการประมาณการ ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงในการเปิดเผยข้อมูลครั้งต่อไปข้อมูลอ้างอิง:- Ministry of Commerce and Industry, 15 February 2025