- ภาพรวมตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพในสิงคโปร์
ในปี 2566 ยอดขายของตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพได้รับผลกระทบจากความท้าทายทางเศรษฐกิจที่สิงคโปร์ต้องเผชิญ ซึ่งรวมถึงภาวะเงินเฟ้อสูงและค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีความอ่อนไหวต่อราคามากขึ้น นอกจากนี้ พฤติกรรมการบริโภคยังเปลี่ยนไปสู่การบริโภคสินค้ามาตรฐานในปริมาณที่เหมาะสม ทำให้ผลิตภัณฑ์ในรูปแบบมัลติแพ็ก (Multi-pack) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องจากช่วยให้ผู้บริโภคควบคุมปริมาณการบริโภคได้ดีขึ้น และยังมีต้นทุนต่อหน่วยที่ถูกกว่าการซื้อแบบแพ็กเดี่ยว อย่างไรก็ตาม แนวโน้มดังกล่าวกลับส่งผลกระทบต่อยอดขายขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพบางประเภทโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีราคาสูงกว่าขนมทั่วไป
เมื่อขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพมีราคาสูงเนื่องจากส่วนผสมที่ใช้มีคุณภาพสูงและให้คุณค่าทางโภชนาการที่แตกต่างจากขนมทั่วไป “ราคา” จึงยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค แม้ว่าผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพจะมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นก็ตาม ด้วยแนวโน้มเหล่านี้ ผู้ประกอบการบางรายจึงมุ่งเน้นไปที่การสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเพื่อดึงดูดผู้บริโภค เช่น การเสริมส่วนผสมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพในผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านสุขภาพจิตและการจัดการความเครียด ตัวอย่างที่น่าสนใจคือความร่วมมือระหว่างร้านไอศกรีม Kind Kones และบริษัท Moom Health ซึ่งได้นำเสนอไอศกรีมช็อกโกแลตรสชาติใหม่ที่เสริมด้วยสารAshwagandha เพื่อช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวล ส่งผลให้ไอศกรีมชนิดนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการด้านรสชาติ แต่ยังเป็นขนมหวานที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจมากขึ้น โดยแสดงความสนใจและความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของอาหารที่รับประทานต่อสุขภาพ ส่งผลให้มีความต้องการบริโภคอาหารและเครื่องดื่มที่ดีต่อสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการมองหาขนมขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายด้านสุขภาพในระยะสั้นและระยะยาว
ในสิงคโปร์ ขนมขบเคี้ยวจากธรรมชาติได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้บริโภคมองว่าขนมประเภทนี้ดีต่อสุขภาพ และสอดคล้องกับแนวคิดการลดการบริโภคอาหารแปรรูป กลุ่มสินค้าหลักในหมวดนี้ ได้แก่ ถั่ว เมล็ดพืช และธัญพืชรวม ซึ่งมีมูลค่าการขายปลีกสูงสุดในกลุ่มขนมขบเคี้ยวจากธรรมชาติ จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้อยู่ที่การเน้นคุณสมบัติด้านโภชนาการ เช่น เส้นใยสูง เป็นมังสวิรัติ เป็นแหล่งแร่ธาตุที่ดี และมีโปรตีนสูง ซึ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาวิถีชีวิตแบบสุขภาพดี และพยายามหลีกเลี่ยงการบริโภคส่วนผสมที่ไม่ใช่ธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
พฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงนี้ยังสะท้อนผ่านการเติบโตของกระแสการบริโภคแบบวีแกน มังสวิรัติ และมังสวิรัติแบบยืดหยุ่น (Flexitarian Diet)[1] หนึ่งในผู้นำตลาดขนมขบเคี้ยวจากธรรมชาติในสิงคโปร์ คือ บริษัท Seng Hua Hng Foodstuffs Pte Ltd ผู้ผลิตแบรนด์ Camel ซึ่งยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดในปี 2023 ด้วยส่วนแบ่งมูลค่าการขายปลีกสูงถึง 62% เพื่อตอบรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Healthy Nuts Snacks On-The-Go ซึ่งเป็นขนมถั่วและผลไม้ในบรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กที่เหมาะสำหรับการรับประทานระหว่างเดินทาง นอกจากนี้ บริษัทยังส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับคุณประโยชน์ของถั่วผ่านบล็อก Talk Nuts! โดยนำเสนอข้อมูลด้านโภชนาการและไอเดียสูตรอาหารที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้บริโภค
ขนมที่ปราศจากน้ำตาลและน้ำตาลต่ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันยอดขายโดยรวมของขนมเพื่อสุขภาพในสิงคโปร์ เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกของว่างที่ดีต่อสุขภาพสำหรับตนเองและบุตรหลาน หนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นในกลุ่มนี้คือแบรนด์ Sugarless ซึ่งเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดขนมที่มีน้ำตาลต่ำ ไม่มีน้ำตาล และไม่เติมน้ำตาล การวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ช่วยเพิ่มการรับรู้และความนิยมของแบรนด์ในหมู่ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ แบรนด์ขนมจากออสเตรเลีย Funday ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ Funday Natural Sweets ในสิงคโปร์ในปี 2566 และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วยจุดเด่นด้านฉลากสะอาด (Clean Label)[2] ไม่มีน้ำตาล และไม่มีสารเติมแต่ง ทางแบรนด์ยังชูจุดขายที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำกว่าเจลลี่ทั่วไปจากแบรนด์ Haribo และ The Natural Confectionery Co ถึง 91% นอกจากนี้ Funday ยังใช้น้ำตาลแอลกอฮอล์ (Sugar Alcohols)[3] ที่ได้จากไฟเบอร์จากแป้งมันสำปะหลังและรากชิโครี เพื่อทดแทนน้ำตาลทั่วไป ลดผลกระทบต่อระบบทางเดินอาหาร และเสริมประโยชน์ด้านพรีไบโอติกให้แก่ผู้บริโภค ในขณะเดียวกัน ผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกต่างตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่มีปริมาณน้ำตาลต่ำและไม่มีน้ำตาล ตัวอย่างเช่น Mentos Pure Fresh ของบริษัท Perfetti Van Melle ผลิตภัณฑ์น้ำตาลต่ำจาก Fruit-tella และ Skittles แบบไม่มีน้ำตาลจากบริษัท Mars ซึ่งล้วนเป็นความพยายามในการตอบรับเทรนด์ผู้บริโภคที่ดูแลสุขภาพและต้องการลดปริมาณน้ำตาลในชีวิตประจำวัน
- โอกาสทางการตลาด
กฎระเบียบและแนวคิดริเริ่มของรัฐบาลสิงคโปร์ที่สนับสนุนการใช้สัญลักษณ์ “ทางเลือกสุขภาพ” (Healthier Choice Symbol) บนบรรจุภัณฑ์ กำลังส่งผลให้บริษัทต่างๆ หันมาลงทุนในนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ขนมเพื่อสุขภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังอาจเกิดความร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆ เพื่อพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น
ผู้บริโภคชาวสิงคโปร์ที่ให้ความสำคัญกับขนมขบเคี้ยวที่ดีต่อสุขภาพจะมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีไขมัน น้ำตาล และเกลือต่ำหรือไม่มีเลย แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคจากมันฝรั่งทอดรสเค็มไปสู่ผักทอดกรอบ และชิปจากพืชตระกูลถั่ว ซึ่งถือเป็นขนมขบเคี้ยวที่ผ่านการแปรรูปน้อยกว่าและมีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่า เนื่องจากมีปริมาณโปรตีนและไฟเบอร์สูง กลุ่มผลิตภัณฑ์ผักทอดกรอบยังคงเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน เช่น มันสำปะหลังทอดและถั่วลันเตาทอด อย่างไรก็ตาม ผักทอดรูปแบบใหม่ เช่น ผักทอดแช่แข็งและผักอบ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากมีตัวเลือกที่หลากหลายและตอบโจทย์การบริโภคที่เน้นสุขภาพ แบรนด์ที่โดดเด่นในตลาดขนมเพื่อสุขภาพของสิงคโปร์ ได้แก่ Boxgreen และ Hey! Chips ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้บริโภค ขณะเดียวกัน แบรนด์ Temole ก็ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างพัฟผักอบเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้บริโภคที่กว้างขึ้น นอกจากนี้ แบรนด์ที่มีอยู่แล้วในท้องตลาดยังคงคิดค้นนวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เช่น Ritz ที่ได้พัฒนาขนมอบสูตรลดเกลือและแคลอรี่เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น
ด้วยวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปและความกังวลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและสวัสดิภาพสัตว์ ขนมในกลุ่มวีแกน มังสวิรัติ และขนมที่ทำจากพืชกำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในสิงคโปร์ ผู้บริโภคจำนวนมากเริ่มลดการบริโภคเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากนม รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคที่แพ้แลคโตส ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความต้องการผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตที่ใส่ใจสุขภาพและยั่งยืน
ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอศกรีมวีแกน แบรนด์ท้องถิ่นของสิงคโปร์ The Ice Cream & Cookie Co. ได้นำเสนอไอศกรีม
วีแกนควบคู่ไปกับไอศกรีมจากนมทั่วไป เพื่อมอบทางเลือกที่หลากหลายให้แก่ผู้บริโภค นอกจากนี้ แบรนด์ระดับโลกอย่าง Ben & Jerry’s ได้นำเสนอกลยุทธ์การตลาดผ่านส่วนลดแบบรวม (Bundle Discount) เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคซื้อไอศกรีมวีแกนและไอศกรีมจากนมในราคาพิเศษ ช่วยให้ผู้บริโภคได้ลองเปรียบเทียบคุณภาพและรสชาติของทั้งสองรูปแบบได้โดยตรง
ตลาดไอศกรีมเพื่อสุขภาพในสิงคโปร์ยังขยายตัวต่อเนื่อง โดยมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่แพ้อาหาร ตัวอย่างที่โดดเด่นในปี 2566 คือการเปิดตัวไอศกรีมภายใต้แบรนด์ Harvest Fields โดย NTUC FairPrice Co-operative Pte Ltd ซึ่งเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ของสิงคโปร์ โดยชูจุดขายที่สำคัญ เช่น ไม่มีน้ำมันปาล์ม ไม่มีส่วนผสมเทียม และปราศจากกลูเตน สะท้อนให้เห็นถึงผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ Private Label ที่ต้องการเข้าสู่ตลาดขนมเพื่อสุขภาพเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ
ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความเชื่อมโยงระหว่างอาหาร และการสร้างภูมิคุ้มกัน ส่งผลให้เกิดความต้องการขนมขบเคี้ยวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพแบบเฉพาะเจาะจงมากขึ้น เช่น ขนมที่ส่งเสริมสุขภาพสมองและความจำ แม้ว่ายอดขายในกลุ่มขนมเพื่อสุขภาพแบบเฉพาะเจาะจงจะยังมีขนาดเล็กในปี 2566 แต่มีแนวโน้มที่จะเติบโตมากขึ้นในอนาคต ปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่ การเพิ่มขึ้นของประชากรสูงอายุในสิงคโปร์ และความตระหนักถึงความเชื่อมโยงระหว่างอาหารกับโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) เช่น มะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด และโรคอัลไซเมอร์
ขนมที่มีส่วนผสมของยากำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้น เนื่องจากสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพ ตัวอย่างที่โดดเด่นคือแบรนด์ Eclipse ของบริษัท Mars Inc ซึ่งใช้กลยุทธ์การวางผลิตภัณฑ์ตามเคาน์เตอร์ชำระเงินในซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อ เพื่อเพิ่มการมองเห็นและกระตุ้นให้เกิดการซื้อตามอารมณ์ ในปี 2567 บริษัท Mars Inc ได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ Eclipse Mints โดยเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม Eclipse Plus ซึ่งเป็นลูกอมสมุนไพรที่มาพร้อมกับคุณสมบัติช่วยบรรเทาอาการต่างๆ เช่น อาการเจ็บคอ กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่นี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มความนิยมให้กับ Eclipse Mints และยังเป็นโอกาสใหม่สำหรับผู้เล่นรายอื่นๆ ที่ต้องการขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดขนมที่มีส่วนผสมของยาที่มีศักยภาพเติบโตสูง
3. งานแสดงสินค้า
งานแสดงสินค้าเกี่ยวกับอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ ได้แก่ Food&HotelAsia (FHA) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ทั้งนี้ ผู้ประกอบการสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://fhafnb.com/
4. กฎระเบียบการนำเข้าสินค้า
ผู้ประกอบการไทยต้องศึกษาความต้องการและแนวโน้มของตลาดเป้าหมายเพื่อพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภค รวมทั้งศึกษาข้อกำหนดด้านกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าอาหารของสิงคโปร์ได้ที่ www.sfa.gov.sg/food-import-export/commercial-food-imports เพื่อการผลิตที่ได้มาตรฐานและติดตามสถานการณ์แนวโน้มตลาดของสินค้าดังกล่าว เพื่อแสวงหาโอกาสในการขยายตลาดต่อไป
5. ช่องทางในการกระจายสินค้า
สิงคโปร์มีช่องทางค้าปลีกที่หลากหลาย รองรับทุกกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่ช่องทางการขายแบบดั้งเดิม เช่น ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อ ไปจนถึงร้านค้าปลีกเฉพาะทาง เช่น ร้านสินค้าสุขภาพหรือไลฟ์สไตล์ นอกจากนี้ ช่องทางค้าปลีกออนไลน์กำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก โดยมีแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Lazada, Shopee และ Amazon Singapore ที่ตอบโจทย์ความสะดวกสบายและพฤติกรรมการซื้อของในปัจจุบัน ทั้งนี้ หากท่านสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของรายชื่อผู้นำเข้า หรือช่องทางการขายที่เกี่ยวข้อง สามารถติดต่อได้ที่ enquiry@thaitrade.sg
ข้อมูลเพิ่มเติม/ความคิดเห็นสคต.
แนวโน้มของตลาดขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพในสิงคโปร์ยังคงมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตนี้มาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคที่หันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาขนมที่ดีต่อสุขภาพและเหมาะกับวิถีชีวิตที่เร่งรีบ รวมถึงกลุ่มประชากรสูงอายุที่ให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพ ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในสิงคโปร์
ผู้ประกอบการไทยมีศักยภาพที่ดีทั้งในด้านการผลิตและการส่งออกขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ เนื่องจากไทยเป็นแหล่งวัตถุดิบคุณภาพสูงที่มีความหลากหลาย ประกอบกับความสามารถด้านการแปรรูปอาหารและการพัฒนานวัตกรรมขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคสากล ผู้ประกอบการไทยสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่โดดเด่น ซึ่งมีโอกาสในการขยายตลาดต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันได้ในตลาดสิงคโปร์ จึงจำเป็นต้องศึกษาความต้องการของผู้บริโภคในตลาดเป้าหมายอย่างลึกซึ้ง ติดตามแนวโน้มของพฤติกรรมผู้บริโภค และพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการ นอกจากนี้ ควรศึกษาข้อกำหนดและกฎระเบียบการนำเข้าสินค้าอาหารของสิงคโปร์ เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานสากล และสามารถขยายส่วนแบ่งการตลาดในสิงคโปร์ได้อย่างยั่งยืน
[1] เน้นการกินพืชเป็นส่วนใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันสามารถกินเนื้อสัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์อื่น ๆ ในปริมาณที่พอเหมาะด้วย
[2] ฉลากสะอาดจะประกอบไปด้วย 1) ใช้ส่วนประกอบอาหารจากธรรมชาติ 2) ไม่มีสารกำจัดศัตรูพืช สารเคมี หรือสารพิษตกค้าง 3) ปราศจากการใช้สารเคมีสังเคราะห์ หรือวัตถุเจือปนอาหารที่มี E-number และ 4) ใช้การแปรรูปง่ายๆ ไม่ซับซ้อน และจะต้องมีการแสดงฉลากอย่างโปร่งใส
[3] เป็นสารให้ความหวานที่สกัดมาจากผักและผลไม้ธรรมชาติ