National Jewelers ซึ่งเป็นสื่อที่มีชื่อเสียงในวงการอัญมณีและเครื่องประดับทั้งในสหรัฐฯ และทั่วโลก ได้สำรวจความนิยมพลอยสีในช่วงปีที่ผ่านมาและระหว่างการจัดงาน AGTA GemFair Tucson ที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 2-6 กุมภาพันธ์ 2025 ณ เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา โดย National Jewelers ได้รวบรวมข้อมูลเชิงลึกจากนาย Stuart Robertson ประธานบริษัท Gemworld International Inc. และนาง Brecken Branstrator บรรณาธิการบริหารของ GemGuide สามารถสรุปภาพรวมตลาดพลอยสี ได้ดังนี้
ยอดจำหน่ายสินค้าเครื่องประดับในช่วงเทศกาลวันหยุดของสหรัฐฯ ปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะพลอยสีและเครื่องประดับทองที่ยังคงเป็นที่ต้องการสูง สะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของตลาด ทั้งนี้ การเติบโตของยอดขายกระจุกตัวอยู่ใน 2 ช่วงเวลาหลัก ได้แก่ ช่วงต้นปีและช่วงเทศกาลปลายปี 2024 ตั้งแต่ Black Friday ไปจนถึงสิ้นปี ขณะที่ในช่วงเวลาที่เหลือของปี ตลาดค่อนข้างทรงตัว โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของยอดขาย
ตลาดพลอยสีในปี 2024 ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ดี แม้ว่าอุปสงค์จะเพิ่มขึ้น แต่การผลิตยังมีข้อจำกัด เนื่องจากไม่มีแหล่งผลิตอัญมณีแห่งใหม่ที่มีขนาดใหญ่มากพอเข้ามาในตลาด ทำให้สินค้าหายากและราคาสูง โดยเฉพาะอัญมณีคุณภาพสูง อย่างไรก็ดี นาย Robertson กล่าวว่าราคาของพลอยสีเกรดดีจะไม่ลดลง เนื่องจากอุปทานที่จำกัดยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนราคา ทำให้สินค้ามีราคาสูงขึ้น นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์ของนาง Branstrator บรรณาธิการของ GemGuide ยังพบว่า พลอยสีเขียว โดยเฉพาะทัวร์มาลีนสีเขียวจะยังคงได้รับความนิยมสูง เนื่องจากหาง่ายและราคาจับต้องได้ นอกจากนี้ พลอยสีส้ม เช่น แซฟไฟร์แฟนซีและโกเมนสีส้ม กำลังได้รับความสนใจจากดีไซเนอร์มากขึ้น ส่วนการผสมผสานสีและการเจียระไนแบบแฟนตาซีจากช่างฝีมืออิสระก็กำลังเป็นแนวโน้มที่เติบโตขึ้นในตลาดพลอยสี
สำหรับแนวโน้มราคาของพลอยสีในปี 2024 นาง Branstrator คาดว่าราคาของพลอยสีเกรดสูงจะยังคงแข็งแกร่ง แต่ในตลาดกลางถึงล่างอาจมีการปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจากอุปสงค์จากตลาดจีนลดลง อย่างไรก็ตาม นักออกแบบและผู้ค้ากำลังให้ความสนใจกับพลอยสีที่มีความพิเศษเฉพาะตัวมากขึ้น เช่น ไพลินที่มีลักษณะขุ่นมัว (Hazy Sapphires) ซึ่งเริ่มถูกทำตลาดในชื่อ Opalescent Sapphires นอกจากนี้ อีกหนึ่งเทรนด์ที่กำลังได้รับความนิยม คือ ทัวร์มาลีนคอปเปอร์สีเขียว (Cuprian Tourmaline) ซึ่งให้ประกายสดใสคล้ายกับทัวร์มาลีนปาไรบา (Paraíba Tourmaline) แต่มีราคาที่จับต้องได้มากกว่า
พลอยสีหายากยังคงเป็นที่ต้องการในตลาด ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาพลอยสีหายากและแปลกใหม่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในงานแสดงสินค้าอัญมณีที่ทูซอน ซึ่งนาย Robertson ได้ระบุว่า ความต้องการพลอยสีคุณภาพสูงยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ Benitoite อัญมณีที่พบได้เฉพาะในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งผู้ขายรายหนึ่งได้นำมาแสดงในงานจำนวน 150 ชิ้น และสามารถขายไปได้ถึง 80% ภายในวันแรก นอกจากนี้ Alexandrite พลอยสีที่เปลี่ยนสีได้ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีจำนวนคำขอซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างคาดไม่ถึงในงานแสดงสินค้า
แนวโน้มของอัญมณีสีสันต่างๆ เช่น พลอยสีประเภทโกเมน (Garnet) และทัวร์มาลีน (Tourmaline) ในหลายเฉดสีกำลังได้รับความสนใจเป็นพิเศษ โดยเฉพาะ Rhodolite Garnet ซึ่งมีสีชมพูอมแดงที่ถูกผลิตจากแทนซาเนีย แม้พลอยสีเหล่านี้จะมีความสวยงาม แต่ราคากำลังขยายตัวขึ้นไปสู่จุดสูงสุดในตลาด เนื่องจากราคาของพลอยสีคุณภาพดีและดีมากมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การเพิ่มขึ้นของราคาทับทิม (Ruby) และสปิเนล (Spinel) ทำให้โกเมน (Garnet) กลายเป็นทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการพลอยสีแดง ส่งผลให้ราคาของโกเมน (Garnet) เพิ่มขึ้นเช่นกัน ในขณะที่สีฟ้าและสีเขียวอย่าง Paraíba Tourmaline และ Indicolite ต่างก็เป็นที่ต้องการมากขึ้น อย่างไรก็ตาม มีการสังเกตเห็นการลดลงของราคาในวัสดุบางประเภทที่เป็นประเภท Paraíba (โมซัมบิกและมีธาตุทองแดง) แต่ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเกรดต่ำและปานกลางเนื่องจากมีปริมาณสินค้าที่ถูกนำเสนอมีมากเกินไปในตลาดโลก ทำให้ความหายากของพลอยสีชนิดนี้ลดลงในสายตาของนักลงทุน อย่างไรก็ตาม ราคาของ Paraíba Tourmaline เกรดสูงยังคงทรงตัวและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยราคาขายส่งของ Paraíba สีฟ้า “Windex blue” บางเม็ดสูงถึง 70,000 เหรียญสหรัฐ/กะรัต
พลอยสีที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะแซฟไฟร์ (Sapphire) ยังคงเป็นอัญมณีที่ได้รับความนิยมในตลาดโลก โดยเน้นไปที่ขนาดเม็ดเดี่ยว เช่นเดียวกับทับทิม (Ruby) และมรกต (Emerald) อย่างไรก็ตาม การที่ค่าใช้จ่ายในการเจียระไนอัญมณีขนาดเล็กเพิ่มขึ้น ทำให้ความต้องการสำหรับพลอยสีขนาดเล็กเกิดการชะลอตัวลง สำหรับพัดพารัดชา (Padparadscha Sapphire) ซึ่งเป็นพลอยสีชมพูส้ม ก็ยังคงเป็นที่ต้องการ แต่มีจำนวนจำกัดในตลาด
สปิเนล (Spinel) ก็เป็นพลอยสีอีกประเภทที่มีแนวโน้มเติบโตสูงในตลาดเนื่องจากอุปทานมีจำกัด ขณะที่ เพริดอต (Peridot) และเพทาย (Zircon) ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มนักออกแบบเครื่องประดับอิสระและร้านค้าออนไลน์ นอกจากนี้ ไพลินมอนทานา (Montana Sapphire) ซึ่งเคยได้รับความนิยมสูงจากงานแสดงอัญมณีในปีที่ผ่านมา ยังคงมีความต้องการมาก แต่แนวโน้มตลาดเริ่มเปลี่ยนไป โดยมีความนิยมมากขึ้นในตลาดท้องถิ่นมากกว่าตลาดโลก อย่างไรก็ตาม เพอริดอต (Peridot) จากรัฐแอริโซนาเป็นอัญมณีเพียงชนิดเดียวที่สามารถผลิตและจำหน่ายในปริมาณมากพอสำหรับตลาดโลก
สำหรับแนวโน้มตลาดเครื่องประดับและอัญมณีในสหรัฐฯ นาย Robertson ได้กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำที่สูงขึ้น ซึ่งทำให้ผู้ผลิตหันมาใช้วัสดุทดแทนมากขึ้นในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ นอกจากนี้ นโยบายภาษีใหม่ของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Donald Trump ยังเป็นประเด็นที่ต้องติดตาม เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอัญมณีในอนาคต จากแนวโน้มเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่าพลอยสีหายากและพลอยสีที่มีสีสันแปลกใหม่ยังคงเป็นที่ต้องการสูงในตลาด แม้ว่าปัจจัยด้านอุปทานและราคาจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา แต่นักลงทุนและนักสะสมยังคงมองหาอัญมณีที่มีคุณค่าและศักยภาพในการเติบโตต่อไป
ข้อเสนอแนะสำหรับผู้ประกอบการไทยในอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ
- ออกแบบเครื่องประดับให้สอดคล้องกับเทรนด์ตลาด โดยการเลือกใช้พลอยสีที่กำลังเป็นที่นิยมสามารถช่วยดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคและเพิ่มโอกาสในการขายได้มากขึ้น
- ปรับกลยุทธ์การตลาดให้เข้ากับพฤติกรรมของลูกค้า ผู้ประกอบการควรใช้ช่องทางออนไลน์และโซเชียลมีเดียเพื่อขยายฐานลูกค้า พร้อมทั้งออกแบบคอลเลกชันพิเศษในช่วงเทศกาลสำคัญเพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นยอดขาย
- บริหารจัดการแหล่งวัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากอัญมณีคุณภาพสูงมีจำนวนจำกัด ผู้ประกอบการจึงควรสร้างความสัมพันธ์กับแหล่งวัตถุดิบที่มั่นคง เพื่อให้สามารถจัดหาสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง
- เพิ่มมูลค่าด้วยเทคนิคการเจียระไนที่โดดเด่น การใช้เทคนิคการเจียระไนแบบแฟนตาซีช่วยสร้างเอกลักษณ์ให้กับสินค้า ทำให้เครื่องประดับมีความพิเศษและแตกต่างจากคู่แข่ง
- ใช้วัสดุทดแทนทองคำเพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน การเลือกใช้วัสดุทางเลือกที่มีคุณภาพ ช่วยให้สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น ขณะเดียวกันก็ยังคงความสวยงามและความหรูหราไว้
- สร้างจุดขายที่แตกต่างและเพิ่มความน่าเชื่อถือของแบรนด์ การนำเสนอพลอยสีที่มีเรื่องราวเฉพาะตัว เช่น มาจากแหล่งกำเนิดพิเศษ หรือผลิตด้วยกรรมวิธีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม จะช่วยดึงดูดลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับคุณค่าและความยั่งยืน นอกจากนี้ การได้รับการรับรองจากสถาบันชั้นนำ ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้บริโภคอีกด้วย การนำแนวทางเหล่านี้มาปรับใช้จะช่วยให้ผู้ประกอบการไทยสามารถแข่งขันและเติบโตในตลาดพลอยสีและเครื่องประดับของสหรัฐฯ ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
แหล่งที่มาของข้อมูล: https://nationaljeweler.com และสคต. นิวยอร์ก