• ปี 2568 IMF คาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจญี่ปุ่น ที่ร้อยละ 1.1 มูลค่า 4.39 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และรายได้ต่อหัว (Per capita) อยู่ที่ 35,610 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ คาดการณ์การขยายตัวในปี 2569 ที่ร้อยละ 0.9
  • ญี่ปุ่นเริ่มออกจากสถานการณ์เงินฝืดเข้าสู่ภาวะเงินเฟ้อ ตามแนวโน้มการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินการตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ การปรับขึ้นอัตราค่าจ้างร้อยละ 5 การลงทุนที่เพิ่มขึ้นของภาคธุรกิจ และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ร้อยละ 0.5 เมื่อเดือนมกราคม ศกนี้ หลังจากที่ดำเนินนโยบายดอกเบี้ยติดลบมายาวนานถึง 17 ปี และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับร้อยละ 0 – 0.1 (จากที่ก่อนหน้าหดตัวร้อยละ 0.1) ทั้งนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ BOJ กำหนดไว้ที่ร้อยละ 2
  • ปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ อาทิ ราคาสินค้าอาหารที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาวะ ขาดแคลนแรงงาน และความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นคู่ค้าอันดับ 2 และตลาดส่งออกอันดับ 1 ของญี่ปุ่น

 

  • เดือนมกราคม 2568

– ญี่ปุ่นขาดดุลการค้า (สินค้า) เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี จำนวน 2.94 ล้านล้านเยน โดยการนำเข้ามีมูลค่า 10.44 ล้านล้านเยน ขยายตัวร้อยละ 17.7 โดยเฉพาะสินค้าโทรศัพท์มือถือ และชิ้นส่วนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากจีนอย่างมีนัยสำคัญช่วงก่อนเทศกาลตรุษจีน และการส่งออกมีมูลค่า 7.50 ล้านล้านเยน ขยายตัวร้อยละ 2.1 โดยเฉพาะยานยนต์ ยาและเวชภัณฑ์

– ขณะที่การขาดดุลธุรกิจบริการลดลงร้อยละ 30.4 อยู่ที่ 476.6 พันล้านเยน เป็นผลจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว (จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 3.78 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.6 โดยเฉพาะจากจีนช่วงวันหยุดตรุษจีน)

– การลงทุนในต่างประเทศ มูลค่ารวม 3.6 ล้านล้านเยน ขยายตัวร้อยละ 20.5 จากการเพิ่มขึ้นของผลกำไรในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นสำคัญ ทั้งนี้ ยังคงขยายตัวท่ามกลางสถานการณ์เงินเยนอ่อนค่า (อัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ย 156.49 เยน ต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าร้อยละ 6.8 เทียบกับปีก่อนหน้า)

thThai