ท่าเรือ Antwerp-Bruges มีปริมาณการขนส่งสินค้าในไตรมาสแรกของปี 2566 รวม 68.7 ล้านตัน ลดลงร้อยละ 4.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และบริบทของเศรษฐกิจมหภาคที่ยังคงมีความซับซ้อน แม้ว่าความท้าทายในการปฏิบัติงานที่ท่าเรือ โดยเฉพาะที่ท่าเทียบเรือ (Container Terminal) อาทิ ความหนาแน่นของท่าเทียบเรือ ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วมาก แต่ท่าเรือ Antwerp-Bruges ต้องเผชิญกับปริมาณการขนส่งสินค้ารวมถึงจำนวนตู้ขนส่งสินค้าที่ลดลง และการเปลี่ยนแปลงในการขนส่งสินค้าหรือการไหลเวียนของสินค้าที่สำคัญ อาทิ การขนถ่ายสินค้าเหล็กที่ลดลงร้อยละ 22
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อส่งผลให้อุปสงค์ในการขนส่งสินค้าทางตู้คอนเทนเนอร์ทั่วโลกชะลอตัว และมีการยกเลิกเส้นทางการเดินเรือในบางเส้นทาง โดยเฉพาะเส้นทางที่มาจากตะวันออกไกล สถานการณ์สงครามในยูเครนส่งผลกระทบอย่างมาก การขนส่งสินค้าที่เกี่ยวข้องกับรัสเซียในช่วงไตรมาสแรกของปี 2566 ลดลงต่ำกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าถึงสองในสาม
เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากจากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในไตรมาสแรกของปี 2566 การขนถ่ายตู้คอนเทนเนอร์มีน้ำหนักลดลงร้อยละ 6.6 และมีจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ขนาด 20 ฟุตลดลงร้อยละ 5.7 ปริมาณการขนถ่ายสินค้าทั่วไป (สินค้าที่ขนส่งในกล่องและไม่ใช่ตู้คอนเทนเนอร์) ลดลงถึงร้อยละ 19.8 กลุ่มสินค้าที่เป็น Dry Bulk ลดลงเช่นกันที่ร้อยละ 7.3 ในขณะที่กลุ่มสินค้าที่เป็น Liquid Bulk เพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.5 และการขนส่งแบบ Roll-on/Roll-Off ยังคงอยู่ในระดับเดิม
บทวิเคราะห์และความเห็น สคต.
ในปี 2565 ที่เต็มไปด้วยความท้าทายมากมายสำหรับท่าเรือ Antwerp-Bruges ทั้งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ วิกฤตพลังงาน การหยุดชะงักอย่างต่อเนื่องในห่วงโซ่อุปทาน และการเปลี่ยนแปลงของกระแสสินค้าต่างๆ ทำให้เกิดแรงกดดันอย่างต่อเนื่องสำหรับการขนส่งสินค้าทางตู้คอนเทนเนอร์และส่งผลกระทบต่อปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมด ซึ่งในปี 2565 มีปริมาณการขนส่งสินค้าทั้งหมด 286.9 ล้านตัน ลดลงเล็กน้อยที่ร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สถานการณ์ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงมีความตึงเครียดและยืดเยื้อ การคว่ำบาตรรัสเซีย และวิกฤตพลังงาน ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกระแสพลังงานในยุโรปอย่างมาก มีปริมาณการขนส่งสินค้าถ่านหินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึงร้อยละ 210 หรือ 3 เท่า เนื่องจากมีความต้องการใช้ถ่านหินในการผลิตพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีปริมาณการขนส่งก๊าซ LNG เพิ่มสูงขึ้นมากเช่นกัน เนื่องจากก๊าซ LNG เป็นทางเลือกแทนก๊าซธรรมชาติที่ส่งผ่านทางท่อส่งก๊าซจากรัสเซีย แต่ปริมาณการขนส่งก๊าซหุงต้ม น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล และแนฟทาทั้งปีลดลงร้อยละ 1 เนื่องจากราคาพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้นสร้างแรงกดดันต่อภาคส่วนเคมีภัณฑ์ในยุโรปค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม การควบรวมกิจการของแพลตฟอร์มท่าเรือ Antwerp และท่าเรือ Zeebrugge เมื่อเดือนเมษายนปี 2565 เป็นท่าเรือ Antwerp-Bruges เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งมากขึ้นในห่วงโซ่อุปทานระดับโลก ทำให้ท่าเรือ Antwerp-Bruges เป็นท่าเรือส่งออกสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป มีความยืดหยุ่นมากขึ้นต่อความท้าทายในอนาคต และจะเป็นท่าเรือที่เป็นผู้นำในการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นท่าเรือแห่งแรกของโลกที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจ สังคม ผู้คน และสภาพอากาศ กับส่วนอื่นๆ ของโลกเข้าไว้ด้วยกัน กระแสการลงทุนและโครงการใหม่ๆ ตั้งแต่การควบรวมกิจการเป็นการยืนยันความสามารถในการแข่งขันและมูลค่าเพิ่มของท่าเรือแบบครบวงจร และด้วยความยืดหยุ่นของแพลตฟอร์มท่าเรือ ทำให้สามารถดำเนินการขั้นตอนสำคัญในโครงการต่างๆ ที่มีส่วนสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนและทำให้ท่าเรือ Antwerp-Bruges เป็นผู้บุกเบิกในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยมีโครงการที่พร้อมจะต่อยอดในปี 2566 โดยการผนึกกำลังกับพันธมิตร เช่น กลยุทธ์ไฮโดรเจนที่จะเปลี่ยนท่าเรือให้เป็นศูนย์กลางไฮโดรเจนของยุโรปสำหรับการนำเข้า การผลิตในท้องถิ่น และปริมาณไฮโดรเจนสีเขียว นอกจากนี้ ยังจะมีการใช้เรือ Hydrotug และ Methatug ซึ่งเป็นเรือไฮโดรเจนและเมทานอลลำแรกของโลก และเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน และมีการใช้ระบบ Digital Twin สำหรับพื้นที่ท่าเรือพร้อมข้อมูล Real Time โดรน และกล้องอัจฉริยะบนทั้งสองแพลตฟอร์ม เพื่อสร้างให้ท่าเรือ Antwerp-Bruges เป็นท่าเรืออัจฉริยะที่มีความปลอดภัยและราบรื่น และคาดหวังว่าการดำเนินกลยุทธ์และโครงการต่างๆ ของท่าเรือ Antwerp-Bruges จะส่งผลให้ปริมาณการขนส่งสินค้า รวมถึงจำนวนตู้ขนส่งสินค้าทั้งปี 2566 สามารถฟื้นตัวและกลับมาขยายตัวเพิ่มขึ้นได้
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก