ปัจจุบันความต้องการวัตถุดิบและทรัพยากรมีเพิ่มมากขึ้นทั่วโลก รัฐบาลเนเธอร์แลนด์จึงได้ริเริ่มแนวคิดที่จะดำเนินการร่วมกับภาคธุรกิจ สถาบันการศึกษา/สถาบันความรู้ องค์กรด้านธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คณะรัฐบาล สหภาพแรงงาน สถาบันการเงิน และองค์กรเพื่อสังคมอื่นๆ เพื่อให้เกิดการใช้วัตถุดิบอย่างมีประสิทธิภาพและชาญฉลาดมากยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบเต็มรูปแบบในเนเธอร์แลนด์ภายในปี 2593
มาตรการสำหรับโครงการเศรษฐกิจหมุนเวียนของเนเธอร์แลนด์ ประกอบด้วย 4 ปัจจัยหลักที่รัฐบาลต้องการทำให้เศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์เป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยเร็วที่สุด ได้แก่
- การลดการใช้วัตถุดิบ (Reducing Raw Material Use)
การลดการซื้อสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ให้น้อยลงเพื่อความต้องการในการใช้วัตถุดิบที่น้อยลง และการแบ่งปันหรือการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตสินค้าจากวัตถุดิบที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้วัตถุดิบที่มีความต้องการจริงๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและเพื่อเป็นการลดการใช้วัตถุดิบ
- การทดแทนวัตถุดิบ (Replacing Raw Materials)
หากจำเป็นต้องมีการใช้วัตถุดิบใหม่ ก็ควรใช้วัตถุดิบที่ผลิตขึ้นใหม่ด้วยกระบวนการความยั่งยืน การหมุนเวียน และใช้วัตถุดิบที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุด เช่น ชีวมวล ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากพืช ต้นไม้ เศษอาหาร ซึ่งทำให้เนเธอร์แลนด์พึ่งพาวัตถุดิบจากฟอสซิลน้อยลงและเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อม
- การยืดอายุการใช้งาน (Extending Service Life)
การใช้ผลิตภัณฑ์และส่วนประกอบต่างๆ ของผลิตภัณฑ์ให้นานขึ้น เช่น การใช้ซ้ำและการซ่อมแซม ทำให้ความต้องการวัตถุดิบใหม่สำหรับการผลิตผลิตภัณฑ์ใหม่มีความจำเป็นและมีความต้องการน้อยลง ทั้งนี้ ในปี 2566 รัฐบาลมีการเปิดให้ลงทะเบียนช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ง่ายและสะดวกต่อการค้นหาช่างซ่อมได้อย่างเหมาะสมตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งเป็นอีกวิธีการหนึ่งในการสนับสนุนการยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์และทรัพยากร
- การประมวลผลคุณภาพสูง (High-Quality Processing)
การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่สามารถหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ และการพัฒนากระบวนการผลิตแบบใหม่ การรีไซเคิลวัสดุและวัตถุดิบเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ได้ ซึ่งจะทำให้สามารถลดปริมาณและกระบวนการฝังกลบและการเผาขยะให้น้อยลง และการจัดหาวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อกระบวนการรีไซเคิลและมีความยั่งยืนมากขึ้น รัฐบาลตั้งเป้าว่าภายในปี 2593 จะต้องไม่มีการเผาวัสดุรีไซเคิลอีกต่อไป ดังนั้น ทุกภาคส่งของประเทศจึงควรต้องกระตุ้นให้ประชาชนหันมาสนใจและใส่ใจในการแยกขยะอย่างจริงจังมากขึ้น
รัฐบาลมีมาตรการสำหรับทั้ง 4 ปัจจัยในโครงการเศรษฐกิจหมุนเวียนแห่งชาติปี 2023-2030 (National Program Circular Economy 2023-2030) รวมถึงมาตรการสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์เฉพาะ เช่น ผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์และที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังรวมถึงมาตรการสนับสนุน เช่น การศึกษา การจัดซื้อแบบหมุนเวียน หรือการประกอบธุรกิจแบบหมุนเวียน
การเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนของเนเธอร์แลนด์
ปี 2559 : รัฐบาลได้ริเริ่มและร่างแผนโครงการ Netherland Circular in 2050 โดยมีการกำหนดแนวทางที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์ไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนแบบเต็มรูปแบบอย่างยั่งยืนภายในปี 2593 โครงการดังกล่าวได้อธิบายถึงสิ่งที่จำเป็นในการจัดการกับวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และบริการอย่างชาญฉลาด ประหยัด และรู้คุณค่ามากขึ้น
ปี 2560 : เมื่อเดือนมกราคม 2560 ได้มีการทำข้อตกลงด้านวัตถุดิบ (Raw Material Agreement) ร่วมกันของ 180 หน่วยงาน ณ กรุงเฮก ประกอบด้วยข้อตกลงที่อนุญาตให้เศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์ใช้วัตถุดิบที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ ซึ่งมีการลงนามร่วมกันหลายฝ่าย ตั้งแต่ฝ่ายรัฐบาล ภาคธุรกิจ สหภาพแรงงาน และองค์กรด้านสิ่งแวดล้อม
ปี 2561 : รัฐบาลได้จัดทำร่างวาระสำหรับการเปลี่ยนผ่าน 5 วาระ ร่วมกับผู้ที่ลงนามในข้อตกลงด้านวัตถุดิบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับวาระการเปลี่ยนผ่านสำหรับอุตสาหกรรมและผลิตภัณฑ์ที่รัฐบาลให้ความสำคัญมากเป็นพิเศษ ได้แก่ 1) พลาสติก รวมถึงบรรจุภัณฑ์พลาสติก พลาสติกที่ใช้ในการก่อสร้าง และพลาสติกที่ใช้ในการเกษตร 2) สินค้าอุปโภคบริโภค รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ บรรจุภัณฑ์และผลิตภัณฑ์ใช้แล้วทิ้ง สิ่งทอ และเฟอร์นิเจอร์ 3) อุตสาหกรรมการผลิต รวมถึงอุปกรณ์ก่อสร้าง ระบบพลังงานลม ระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และระบบการติดตั้งเครื่องฟอกอากาศ 4) การก่อสร้าง รวมถึงที่อยู่อาศัย สำนักงานและห้องโถงอุตสาหกรรม สะพานและสะพานคอนกรีต และทางเท้า และ 5) ชีวมวลและอาหารซึ่งอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปสู่การเกษตรแบบหมุนเวียน ทั้ง 5 ภาคส่วนและห่วงโซ่นี้มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของเนเธอร์แลนด์และมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยวาระการเปลี่ยนผ่านดังกล่าวระบุแนวทางและรายละเอียดในการดำเนินการเพื่อการเปลี่ยนผ่านของแต่ละภาคส่วนไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนในปี 2593
ปี 2562 : รัฐบาลได้นำเสนอโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน 2562–2566 (Circular Economy Implementation Program 2019-2023) ซึ่งโครงการดังกล่าวได้แปลงวาระการเปลี่ยนผ่านทั้ง 5 ไปสู่แผนการดำเนินงานและโครงการต่างๆ ที่เป็นรูปธรรมสำหรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนในช่วงปี 2562-2566 อาทิ แผนการรีไซเคิลแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเมื่อหมดอายุการใช้งาน เนื่องจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนประกอบด้วยโลหะที่มีค่ามากมาย และการดำเนินการอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้นของผู้ผลิตในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมสิ่งทอ ซึ่งต้องรับผิดชอบผลิตภัณฑ์สิ่งทอตั้งแต่กระบวนการผลิตไปจนถึงกระบวนการทำลายจนกลายเป็นขยะ
ปี 2563 : รัฐบาลได้นำเสนอโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน 2563–2566 (Circular Economy Implementation Program 2020-2023) เป็นการปรับปรุงแผนการดำเนินงานและโครงการทุกปีเพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาล่าสุดสำหรับการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนในช่วงปี 2563-2566
ปี 2564 : รัฐบาลได้นำเสนอโครงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน 2564–2566 (Circular Economy Implementation Program 2021-2023) โดยจัดทำภาพรวมของการพัฒนาล่าสุดในเศรษฐกิจหมุนเวียน รวมถึงกิจกรรมใหม่และความคืบหน้าของกิจกรรมที่กำลังเริ่มต้นดำเนินการและกิจกรรมที่ดำเนินการต่อเนื่องเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนในช่วงปี 2564-2566
ปี 2566 : รัฐบาลได้นำเสนอแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนระดับชาติ 2566–2573 (National Program 2023-2030) ประกอบด้วยมาตรการต่างๆ เพื่อใช้วัตถุดิบอย่างประหยัดมากขึ้นในปีต่อๆ ไป
ปี 2573 : รัฐบาลมีเป้าหมายในการดำเนินการเพื่อมุ่งไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนแบบเต็มรูปแบบในปี 2593 โดยการลดการใช้วัตถุดิบหลักที่ปราศจากสิ่งมีชีวิต (แร่ธาตุ โลหะ และฟอสซิล) ให้น้อยลงร้อยละ 50
ปี 2593 : รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบเต็มรูปแบบภายในปี 2593 นั่นคือ เป็นเศรษฐกิจที่ปราศจากของเสีย เป็นเศรษฐกิจที่ใช้วัตถุดิบหมุนเวียนที่ยั่งยืนให้มากที่สุด เป็นเศรษฐกิจที่นำสินค้าและวัตถุดิบกลับมาใช้ใหม่ และเป็นเศรษฐกิจที่มีความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อเศรษฐกิจหมุนเวียนในอนาคต (Circular Future)
การที่เศรษฐกิจเนเธอร์แลนด์จะปรับเปลี่ยนและบรรลุถึงการเป็นเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ การเปลี่ยนแปลงระหว่างประเทศทั้งในยุโรปและทั่วโลกเป็นสิ่งที่จำเป็น เนื่องจากห่วงโซ่อุปทานของวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ และการไหลเวียนของของเสียเป็นห่วงโซ่ระหว่างประเทศ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์จึงให้ความร่วมมือกับนานาประเทศมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทั้งในระดับทวิภาค ระดับภูมิภาค ทั้งในและนอกสหภาพยุโรป และในระดับสหประชาชาติด้วย นอกจากนี้ รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ยังมีส่วนร่วมใน Platform for Accelerating the Circular Economy (PACE) ซึ่ง PACE เป็นแพลตฟอร์มที่เป็นความร่วมมือกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายกลุ่มจากกว่า 40 ประเทศ ทั้งในระดับประเทศ บริษัท และองค์กรระหว่างประเทศ ที่มีเป้าหมายร่วมกันในการขับเคลื่อนและเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนในอนาคต
บทวิเคราะห์และความเห็น สคต.
ปัจจุบันทั่วโลกต่างตระหนักถึงปัญหาเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรที่มากเกินความจำเป็นที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้างมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่ให้ความสำคัญและใส่ใจเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงเรื่องความยั่งยืนเป็นอย่างมาก รัฐบาลเนเธอร์แลนด์จึงได้ริเริ่มแนวคิด นโยบาย และวางแผนการดำเนินโครงการต่างๆ รวมถึงมีเป้าหมายที่จะให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนแบบเต็มรูปแบบในเนเธอร์แลนด์ภายในปี 2593
เนเธอร์แลนด์มีการปลูกฝังแนวความคิดและการใส่ใจเรื่องธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืนให้กับประชาชนทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ให้รับรู้และเข้าใจว่าการจะเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจแบบหมุนเวียนเพื่อให้เกิดความยั่งยืนในอนาคตนั้นเริ่มต้นได้ง่ายๆ จากพฤติกรรมการอุปโภคบริโภค การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือการเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การงดใช้ถุงพลาสติก หรือการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล หรือวัสดุที่มีความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการแยกขยะต่างๆ ซึ่งเนเธอร์แลนด์มีนโยบายในการแยกขยะอย่างชัดเจนมาเป็นเวลานานแล้ว มีระบบการคืนขวดพลาสติกเพื่อนำกลับไปเข้าสู่ระบบการรีไซเคิล ซึ่งผู้บริโภคสามารถนำขวดพลาสติกที่ใช้แล้วมาแลกคืนเงินมัดจำได้ และเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2566 เนเธอร์แลนด์ได้เริ่มใช้ระบบการคืนกระป๋องเครื่องดื่มเพื่อนำกลับไปเข้าสู่ระบบการรีไซเคิลเช่นเดียวกัน
แม้ว่าแผนโครงการเศรษฐกิจหมุนเวียนของเนเธอร์แลนด์ยังต้องดำเนินการอีกยาวไกลเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายใน 2593 แต่การดำเนินการที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่าเนเธอร์แลนด์ได้พยายามอย่างเต็มที่ที่จะเปลี่ยนแปลงจากเศรษฐกิจเส้นตรง (Linear Economy) ไปสู่เศรษฐกิจรีไซเคิล (Recycle Economy) และเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงไปสู่เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ในที่สุด เพื่อสังคมและโลกที่ยั่งยืนและน่าอยู่ยิ่งขึ้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก