ข้อมูลล่าสุดจากกรมศุลกากรจีนที่เผยแพร่โดยกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าเวียดนาม เปิดเผยว่าในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 เวียดนามส่งออกกล้วยหอม ไปยังจีนมากถึง 459,940 ตัน คิดเป็นมูลค่า 189.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้เวียดนามก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกกล้วยรายใหญ่ที่สุดในตลาดจีน แซงหน้าฟิลิปปินส์ซึ่งเคยครองตำแหน่งผู้นำมาอย่างยาวนาน แม้ว่าภาพรวมการนำเข้ากล้วยของจีนในช่วง 8 เดือนแรกจะลดลง โดยมีปริมาณการนำเข้ารวม 1.13 ล้านตัน มูลค่า 592.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง ร้อยละ 7.9 และร้อยละ 23 ตามลำดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ส่วนแบ่งตลาดของกล้วยเวียดนามกลับเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากร้อยละ 31.33% ในปี 2566 เป็นร้อยละ 40.71 ในปี 2567 เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 10
การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้เกิดจากการที่จีนปรับเปลี่ยนนโยบายการนำเข้า โดยเพิ่มการนำเข้าจากตลาดใหม่อย่างลาว เม็กซิโก และอินโดนีเซีย ขณะที่ลดการนำเข้าจากฟิลิปปินส์และกัมพูชาเนื่องจากผลการผลิตลดน้อยลง ส่งผลให้เวียดนามสามารถก้าวขึ้นมาครองตำแหน่งผู้ส่งออกอันดับ 1 และสร้างความแข็งแกร่งในตลาด
จีนได้อย่างมั่นคง นอกจากความสำเร็จด้านการส่งออกกล้วยแล้ว ภาพรวมการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามก็เติบโตอย่างน่าประทับใจ โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2567 มีมูลค่าการส่งออกรวม 4.72 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ด้วยมูลค่า 3.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 36.4 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 65.2 ของมูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ทั้งหมด
นาย Hoang Trung รัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม กล่าวว่า ปัจจุบันผลไม้เวียดนามได้รับการยอมรับและวางจำหน่ายในตลาดสำคัญทั่วโลก ทั้งจีน สหรัฐฯ ญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และยุโรป โดยเฉพาะผลไม้ที่มีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตสูง การที่มูลค่าและปริมาณการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี สะท้อนให้เห็นว่าคุณภาพผลไม้เวียดนามตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในตลาดหลัก ด้วยแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงเทศกาลสำคัญที่กำลังจะมาถึง คาดการณ์ว่ามูลค่าการส่งออกผักและผลไม้ของเวียดนามจะทะยานแตะ 7 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในสิ้นปี 2567 นี้ สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพและความสำเร็จของอุตสาหกรรมเกษตรเวียดนามในการก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออกผักและผลไม้ชั้นนำของภูมิภาค
ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการยืนยันคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตรเวียดนามเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์ทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพ ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในตลาดโลก การก้าวขึ้นเป็นผู้ส่งออกกล้วยอันดับ 1 ในตลาดจีนครั้งนี้ นับเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยเปิดโอกาสให้เวียดนามขยายการส่งออกสินค้าเกษตรประเภทอื่น ๆ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการในประเทศต่อไป
ข้อเสนอแนะ สคต. ณ นครเฉิงตู
จากสถานการณ์การส่งออกกล้วยของเวียดนามสู่จีน เปิดมุมมองโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจสำหรับประเทศไทย โดยไทยควรพิจารณาปรับกลยุทธ์การส่งออกผลไม้เพื่อรักษาและขยายส่วนแบ่งในตลาดจีน โดยไทยควรศึกษาปัจจัยความสำเร็จของเวียดนาม ทั้งด้านการควบคุมคุณภาพผลผลิต การบริหารต้นทุน และการสร้างความสัมพันธ์ทางการค้ากับจีน นอกจากนี้ ไทยควรเร่งพัฒนาระบบโลจิสติกส์และการขนส่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาการขนส่ง ขณะเดียวกัน ควรส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาพันธุ์กล้วยที่ตรงกับความต้องการของตลาดจีน รวมถึงการใช้เทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ โอกาสสำคัญอีกประการคือการสร้างมูลค่าเพิ่มผ่านการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากกล้วย เช่น กล้วยอบแห้ง กล้วยทอด หรือขนมขบเคี้ยวจากกล้วย ซึ่งมีแนวโน้มความต้องการสูงในตลาดจีน การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยและการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดจีนได้อย่างยั่งยืน
————————————————–
Büro zur Förderung des Überseehandels in Chengdu
ตุลาคม 2567
แหล่งข้อมูล :
https://mp.weixin.qq.com/s/qmuTPdIKKfsbGze8rqL-IA