ศูนย์บริการโลจิสติกส์ทางรถไฟ Linyi Mall (หรือ Linyi Trade City) ได้เริ่มเปิดดำเนินการแล้วเมื่อสิ้นปี 2567 ซึ่งช่วยลดต้นทุนและประหยัดเวลาการขนส่ง และเสริมศักยภาพการพัฒนาเมืองหลินอี๋ในการเป็นเมืองแห่งโลจิสติกส์แห่งจีนตอนเหนือ
บริษัท Linyi Trade City Group และศูนย์โลจิสติกส์ทางรถไฟจี่หนาน ได้ลงนามความร่วมมือระหว่างกันในการประชุมThe 2nd Linyi Trade City International Sourcing Conference เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2567 และต่อมาเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 บริษัท Linyi Trade City Railway Logistics Co., Ltd. ได้จดทะเบียนก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นองค์กรหลักในการดำเนินงานศูนย์บริการโลจิสติกส์ทางรถไฟ Linyi Mall เป็นสัญญาณความสำเร็จของโครงการนำร่องความร่วมมือระหว่างท้องถิ่นและทางรถไฟแห่งแรกในมณฑล โดยเมื่อสิ้นเดือนธันวาคม 2567 รถไฟขบวนแรกซึ่งบรรทุกแป้งสาลีจากประเทศคาซัคสถาน ได้เคลื่อนขบวนออกจากศูนย์โลจิสติกส์จี่หนานหลินอี๋ (临沂济铁物流园) มุ่งตรงสู่เมืองหลินอี๋เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2567 และใช้เวลาผ่านขั้นตอนทางศุลกากร 1 วัน ก่อนถูกส่งต่อไปยังเมืองรองอี๋หนานในวันที่ 24 ธันวาคม 2567 และกระจายไปยังโรงงานแปรรูปอาหารสัตว์โดยรอบ
ประธานบริษัท Linyi Trade City New Commercial Development Co., Ltd. กล่าวว่า ในช่วงก่อนหน้านี้ รถไฟที่มาจากต่างประเทศจะต้องโหลดสินค้าลงแล้วขนด้วยรถบรรทุกต่อไปยังจุดหมายปลายทาง ซึ่งการเชื่อมต่อการขนส่งทางรถไฟในครั้งนี้ช่วยลดขั้นตอนดังกล่าว จึงสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้ถึง 200 – 300 หยวน (1,000 – 1,500 บาท) ต่อตู้คอนเทนเนอร์ และคิดเป็นอัตราการลดต้นทุนได้ 15,000 หยวน (75,000 บาท) ต่อรถไฟทั้งขบวน
ในการนี้ เลขาธิการพรรคและผู้อำนวยการศูนย์โลจิสติกส์ทางรถไฟจี่หนาน ได้กล่าวว่า ความร่วมมือของศูนย์โลจิสติกส์ทางรถไฟจี่หนานและผู้ประกอบการเมืองหลินอี๋ในครั้งนี้ ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ ลดกระบวนการ ลดต้นทุนธุรกิจ และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวอยู่ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลท้องถิ่น ทำให้เกิดการทำงานร่วมกันที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น การเกิดขึ้นของ ศูนย์บริการโลจิสติกส์ทางรถไฟ Linyi Mall ช่วยให้ตอบสนองความต้องการขนส่งระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นของ Linyi Mall และเมืองหลินอี๋ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการยกระดับเมืองหลินอี๋สู่การเป็นศูนย์กลางการค้ารูปแบบดิจิทัล และเมืองแห่งการค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ความสำคัญของเมืองหลินอี๋
- เมืองหลินอี๋ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของมณฑลซานตง มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี ขนาดของเมืองใหญ่ที่สุดในมณฑลซานตง และเป็นเมืองรองที่มีศักยภาพในการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโต โดยในปี 2566 มีการขยายตัวของ GDP เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 ขณะที่ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 และมีรายจ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 ขณะที่จำนวนประชากรประมาณ 11 ล้านคน และการค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.6
- เมืองหลินอี๋ได้รับสมญานามว่า “เมืองแห่งโลจิสติกส์ของจีน” เพราะมีบริษัทโลจิสติกส์ในพื้นที่กว่า 1,000 บริษัท มีเครือข่ายครอบคลุมกว่า 180 ประเทศทั่วโลก ในปี 2558 กระทรวงคมนาคมของจีนจัดเป็น 1 ใน 16 เมืองตัวอย่างด้านการขนส่ง อีกทั้งทำเลที่ตั้งสามารถเชื่อมโยงท่าเรือสำคัญต่างๆ เช่น ท่าเรือหลานซาน และท่าเรือรื่อจ้าว ท่าเรือเหลียนหยุน (เมืองเหลียนหยุนกัง) ประมาณ 100 กิโลเมตร และห่างจากท่าเรือชิงต่าว ประมาณ 200 กิโลเมตร รวมถึงมีท่าอากาศยานหลินอี๋ ทั้งยังเป็นศูนย์กลางการค้าส่งและโลจิสติกส์บนเส้นทาง One Belt One Road ที่มีแนวโน้มในการพัฒนาด้านการค้าและอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว
- เมืองหลินอี๋มีความโดดเด่นในด้านศูนย์กลางการค้าส่งและอีคอมเมิร์ซแห่งจีนตอนเหนือ มีตลาดค้าส่งมากถึง 131 แห่ง มีธุรกิจที่เกี่ยวข้อง 50,000 ราย และจำหน่ายสินค้าถึง 60,000 ชนิด มี“Linyi Mall” (临沂商城) ซึ่งเป็นศูนย์การค้าส่งเก่าแก่ขนาดใหญ่ในภาคเหนือ ขายส่งสินค้ากว่า 101 โซน รวมพื้นที่ 10.55 ล้านตร.ม. มีร้านค้ากว่า 69,000 ร้าน ต้อนรับผู้คนเฉลี่ยวันละ 360,000 คน รถ 70,000 คัน/วัน ภายในศูนย์การค้าฯ มีบริษัทขนส่งโลจิสติกส์ครบวงจรซึ่งครอบคลุมการขนส่งไปกว่า 60 ประเทศทั่วโลก มีศูนย์พัฒนาผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ และศูนย์ฝึกอบรม KOL นอกจากนี้ ยังมีศูนย์การค้าสินค้าเฉพาะทาง เช่น Linyi Trading City Construction Materials Market เป็นตลาดค้าปลีกค้าส่งวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้าง มีผลิตภัณฑ์ไม้ วัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่ง ฮาร์ดแวร์ และอุปกรณ์วิศวกรรม ฯลฯ และ Linyi International Hotel Supply Trading City เป็นตลาดค้าปลีกค้าส่งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม การจัดเลี้ยง และร้านอาหาร โดยผู้ประกอบการในตลาดมีการจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์ รวมทั้งการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา อเมริกาใต้ อินเดีย รัสเซีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแอฟริกาเหนือ เป็นต้น
- นโยบายพัฒนาเศรษฐกิจเมืองหลินอี๋ แบ่งเป็น 2 ด้าน คือ (1) เมืองแห่งการค้ารูปแบบดิจิทัล ซึ่งในปี 2578 ตั้งเป้าหมายการสร้างศูนย์นวัตกรรมอีคอมเมิร์ซชั้นนำระดับนานาชาติ การพัฒนาคลังสินค้าอัจริยะและโลจิสติกส์ และการพัฒนาศูนย์ข้อมูล Logistics Big Data ในระดับภูมิภาค และระบบประมวลผลอัจฉริยะ และ (2) เมืองแห่งการค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2578 ตั้งเป้าหมายเป็นศูนย์กลางการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบ และต้นแบบศูนย์ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสีเขียว โดยการขนส่งแบบประหยัดพลังงาน
ความเห็นของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว
- นโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจของเมืองหลินอี๋ดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้ธุรกิจและอุตสาหกรรมหลักของเมืองเกี่ยวข้องกับการค้าส่งค้าปลีก โซลาร์เซลล์ เครื่องจักรขนส่ง โลจิสติกส์ อุปกรณ์การผลิตอัจฉริยะ สแตนเลส ไม้ วัสดุนวัตกรรมใหม่ (สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ก่อสร้าง และเฟอร์นิเจอร์) และศูนย์ข้อมูลอัจฉริยะ โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เสื้อผ้า ผลิตภัณฑ์พลาสติก เฟอร์นิเจอร์ เครื่องกลไฟฟ้า และยางล้อ เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ มันสำปะหลังแห้ง น้ำมันพืช ธัญพืช พลาสติก และไม้ดิบ เป็นต้น
- เมืองหลินอี๋ถือเป็นเมืองที่มีความสำคัญด้านโลจิสติกส์ของมณฑลซานตง จากจุดเริ่มต้นของการขนส่งสินค้าในเมืองและชนบท การขนส่งระหว่างเมือง ขยับเป็นการขนส่งที่ครอบคลุมทั้งทางบก ทางราง ทางน้ำ และทางอากาศ และได้กลายเป็นศูนย์กลางการหมุนเวียนโลจิสติกส์ที่สำคัญของประเทศ การจัดตั้งศูนย์บริการโลจิสติกส์ทางรถไฟของ Linyi Mall ถือเป็นก้าวสำคัญของ Linyi Mall ในการสร้างระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัย โดยโครงการนี้อาศัยการขยายเครือข่ายเส้นทางที่แข็งแกร่งของทางรถไฟ ผนวกกับข้อได้เปรียบด้านโลจิสติกส์ทางการค้าของเมืองหลินอี๋ ในการให้บริการการขนส่งต่อเนื่องแบบครบวงจร ช่วยหนุนการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นให้ดียิ่งขึ้น และยังช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์อย่างมีประสิทธิภาพ
แหล่งที่มา :
https://www.sohu.com/a/841349435_121117082
สภาส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศจีน เมืองหลินอี๋
******************************
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองชิงต่าว