รัฐสภาภูฏานเปิดแผนพัฒนาแห่งชาติฉบับที่ 13

1. หลักการและเป้าหมาย
1.1 แผนพัฒนาแห่งชาติฉบับที่ 13 ของภูฏาน (พ.ศ. 2567-2572) เป็นแผนงานเชิงกลยุทธ์ ที่มุ่งเปลี่ยนภูฏานให้กลายเป็นเศรษฐกิจที่มีรายได้สูงโดยเน้นที่ความสุขมวลรวมประชาชาติ (Gross National Happiness – GNH) พร้อมความก้าวหน้าทางสังคม วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อม ได้รับแรงบันดาลใจจากพระราชดำริของกษัตริย์แห่งภูฏาน แผนฉบับที่ 13 นี้ มุ่งเน้นการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์ในการดำเนินการตามแนวคิด GNH เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของภูฏานในศตวรรษที่ 21 เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเป็นเศรษฐกิจ GNH ที่มีรายได้สูงภายในปี 2577 โดยให้ความสำคัญกับการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจผ่านเสาหลักที่เชื่อมโยงกัน 3 ประการ ได้แก่ ประชาชน ความก้าวหน้า และความเจริญรุ่งเรือง (“People, Progress and Prosperity – 3Ps”)
1.2 งบประมาณรวมของแผนกำหนดไว้ที่ 512.28 พันล้านงูตรัม (6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยเป็นงบประมาณจากการจัดเก็บรายได้ภายในประเทศจำนวน 412.34 งูตรัม รวมกับเงินช่วยเหลือและเงินกู้จากต่างประเทศจากอินเดียและพันธมิตรด้านการพัฒนาอื่น ๆ เช่น สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และหน่วยงานของสหประชาชาติ แนวทางการระดมทุนที่หลากหลายนี้มีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนเป้าหมายที่ทะเยอทะยานของภูฏานในการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางสังคม และการเสริมสร้างความมั่นคง
1.3 แผนฉบับนี้นำเสนอแนวทางการพัฒนาใหม่ ๆ หลายประการเมื่อเทียบกับแผนพัฒนาแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2561-2566) ความแตกต่างที่สำคัญที่สะท้อนถึงลำดับความสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไปของภูฏานและความมุ่งมั่นในการบรรลุการเติบโตที่ยั่งยืนและครอบคลุม ขณะที่ยังคงรักษาปรัชญา GNH อันเป็นเอกลักษณ์ ได้แก่ :
1.3.1 การเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ: มุ่งเปลี่ยนภูฏานให้เป็นเศรษฐกิจ GNH ที่มีรายได้สูงภายในปี 2577 โดยเน้นที่ผลผลิตและความหลากหลายทางเศรษฐกิจ
1.3.2 แผนนี้สร้างขึ้นจากเสาหลักที่เชื่อมโยงกันสามประการ: ประชาชน ความก้าวหน้า และความเจริญรุ่งเรือง

1.3.3 การเติบโตของ GDP: ตั้งเป้าการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีเป้าหมายเพิ่ม GDP จาก 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเป็น 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2572 และ 10 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2577 ขณะที่ GDP ต่อหัวจะเกิน 6,174 ดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2572
1.4 การเสริมสร้างความมั่นคง: มีมาตรการใหม่เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยและความมั่นคง
1.5 การกำกับดูแล: ส่งเสริมการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพ รับผิดชอบ และโปร่งใส โดยเน้นการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานส่วนกลางและรัฐบาลท้องถิ่น
1.6 การพัฒนาสังคม: ยกระดับคุณภาพชีวิตโดยการลดความยากจน ปรับปรุงการดูแลสุขภาพ การศึกษา และการคุ้มครองทางสังคม รวมถึงส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศและความเป็นอยู่ที่ดีแบบองค์รวมสำหรับชาวภูฏานทุกคน
2. จุดแข็งและโอกาส
ความสำเร็จของแผนนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงการดำเนินการที่มีประสิทธิภาพ การทำงานร่วมกัน และการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป
จุดแข็ง: แผนฉบับนี้มีทิศทางที่ชัดเจน และมีวัตถุประสงค์เฉพาะเจาะจง เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางสังคม และการปรับปรุงความมั่นคง โดยเน้นที่ผลผลิตและความหลากหลายทางเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยแก้ไขความเปราะบางของภาพรวมเศรษฐกิจปัจจุบันของภูฏาน
ความท้าทาย: แผนฉบับนี้ต้องใช้งบประมาณมโหฬารถึง 512.28 พันล้านงูตรัม (6.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งสูงกว่าแผนฉบับที่ 12 ถึง 63% ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวยของภูฏาน เช่น เงินสำรองระหว่างประเทศที่ลดลง การขาดดุลการค้าที่สูง และการขาดดุงบประมาณที่ขยายตัว ดังนั้น เพื่อให้เป้าหมาที่ตั้งไว้ในการเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ภูฏานต้องกระจายแหล่งรายได้เพิ่มเติม นอกเหนือจากพลังงานน้ำและเสริมสร้างการจ้างงานเพื่อสร้างรายได้จากภาษีโดยตรงมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ดูเหมือนจะเป็นความท้าทายใหญ่ เว้นแต่ว่าเมืองแห่งสติเกเลพู (Gelephu Mindfulness City) ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่ริเริ่มโดยราชวงศ์และเกี่ยวข้องกับแผนนี้ จะมีผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมอย่างรวดเร็วในการฟื้นฟูโมเมนตัมทางเศรษฐกิจของภูฏาน
โอกาส: การมีส่วนร่วมของภาคเอกชนจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างนวัตกรรมและการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการใช้เทคโนโลยีจะเพิ่มผลผลิตและประสิทธิภาพในหลายภาคส่วน โดยรวมแล้ว แผนนี้มีกรอบที่แข็งแกร่งและมีแนวโน้มที่จะบรรลุเป้าหมาย หากปัจจัยเหล่านี้ได้รับการจัดการอย่างดี การติดตามอย่างต่อเนื่อง ความยืดหยุ่น และการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจะเป็นกุญแจสำคัญ อินเดียได้ให้คำมั่นว่าจะสนับสนุนงบประมาณ 100 พันล้านงูตรัมให้กับแผนนี้ ขณะที่พันธมิตรอื่น ๆ อาจให้การสนับสนุนทางการเงินและเทคนิคเพิ่มเติม

3. ข้อสังเกต
3.1 การพึ่งพาอินเดียของภูฏานปรากฏชัดในแผนนี้ ซึ่งจะได้รับเงินสนับสนุน 100 พันล้านงูตรัมจากอินเดียตามคำมั่นสัญญาระหว่างการเยือนภูฏานอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เมื่อวันที่ 22-23 มีนาคม 2567 อินเดียมุ่งเน้นที่โครงการพลังงานน้ำและโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงถนน รถไฟ อากาศ และการเชื่อมต่อดิจิทัล เนื่องจากอินเดียเป็นผู้ซื้อพลังงานน้ำรายใหญ่ที่สุดของภูฏาน และเศรษฐกิจของภูฏานจะเชื่อมโยงกับอินเดียมากขึ้นหากมีการยกระดับการเชื่อมต่อทั้งด้านฮาร์ดแวร์แลซอฟท์แวร์ อินเดียยังให้คำมั่นสนับสนุนภาคส่วนอื่น ๆ เช่น เกษตรกรรม การดูแลสุขภาพ การศึกษา การอนุรักษ์วัฒนธรรม และเขตเศรษฐกิจสีเขียวของภูฏาน
3.2 อินเดียจะได้รับประโยชน์จากแผนนี้โดยเฉพาะผ่านความมั่นคงในภูมิภาคที่เพิ่มขึ้น การเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ทางการทูตที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น โอกาสทางการค้า และการลงทุนร่วมกันจะเสริมสร้างผลประโยชน์เชิงกลยุทธ์ของอินเดียในภูมิภาคนี้ นอกจากนี้ ความร่วมมือในโครงการพลังงานหมุนเวียนจะส่งเสริมอนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนของอินเดีย การมีส่วนร่วมอย่างใกล้ชิดกับภูฏานภายใต้แผนพัฒนาห้าปีนี้จะอำนวยความสะดวกในการเติบโตทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างสถานะของอินเดียในฐานะผู้เล่นสำคัญในเอเชียใต้
3.3 ประเทศไทยสามารถเสนอตัวเป็นพันธมิตรด้านการพัฒนาเพื่อสร้างขีดความสามารถในด้านที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการตามแผนนี้ ขณะที่ไทยกำลังเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีกับภูฏาน ไทยสามารถพิจารณาลำดับความสำคัญของแผนนี้ เช่น การกระจายความหลากหลายทางเศรษฐกิจและการเพิ่มผลผลิต ในการเสนอข้อตกลงเพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน ทั้งสองฝ่ายสามารถมุ่งสู่การเข้าถึงตลาดที่สะดวกยิ่งขึ้น การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ความร่วมมือในการเติบโตของภาคเอกชน และการเพิ่มการท่องเที่ยวและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ในแง่ของการลงทุน นักลงทุนไทยสามารถสำรวจโอกาสทางธุรกิจในด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศและเกษตรกรรมตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของภูฏาน ความร่วมมือด้านการศึกษาและโปรแกรมพัฒนาทักษะสามารถส่งเสริมการแลกเปลี่ยนบุคลากรได้
—————-
ที่มาข่าว https://www.pmo.gov.bt/
เอกสารแนบ Bhutan’s Thirteenth Five Year Plan

de_DEGerman