ภาคการท่องเที่ยวและบริการของสาธารณรัฐเช็กเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐเช็กเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในไตรมาสที่ 2 ของปี 2567 โดยมียอดการจองโรงแรมที่พักกว่า 5.95 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 จากปีก่อนหน้า ซึ่งการเติบโตนี้ขับเคลื่อนมาจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลักที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 9.3 คิดเป็น 2.8 ล้านคน ในทางกลับกัน การท่องเที่ยวในประเทศกลับชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยคนเช็กท่องเที่ยวในประเทศลดลงร้อยละ 1.4 คิดเป็น 3.2 ล้านคน ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งสองกลุ่มจะใช้เวลาในการเข้าพักเฉลี่ย 2.3 คืนต่อครั้ง

 

นักท่องเที่ยวจากประเทศเยอรมนียังคงเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังสาธารณรัฐเช็กมากที่สุด กว่า 630,000 คน รองลงมาคือโปแลนด์และสโลวาเกีย โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวประมาณ 253,000 และ 247,000 คน ตามลำดับ การหลั่งไหลเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาตินี้มีส่วนสำคัญต่อการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวม แต่อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเชิงบวกนี้ไม่ได้เกิดขึ้นทั่วทั้งประเทศ โดย 9 ภูมิภาคพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น แต่ 5 ภูมิภาค ได้แก่ Ústí, Liberec, Hradec Králové, South Moravia และ Pardubice กลับมีจำนวนนักท่องเที่ยวลดลง แต่ที่น่าสนใจคือ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติและจำนวนที่พักค้างคืนเพิ่มขึ้นในทุกภูมิภาค ยกเว้นภูมิภาค Ústí เท่านั้น ซึ่งปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวคือการแข่งขันฮ็อกกี้น้ำแข็งชิงแชมป์โลกที่จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวในภูมิภาค Moravian-Silesian และ Prague อย่างมีนัยสำคัญ กิจกรรมนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกิจกรรมกีฬาที่มีสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตด้านการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐเช็ก

 

ในส่วนของภาคบริการสาธารณรัฐเช็กมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ซึ่งเป็นการเร่งตัวหลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 ในไตรมาสแรก ตามข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติสาธารณรัฐเช็ก (ČSÚ) นอกจากนี้ Jana Gotvaldová หัวหน้าแผนกสถิติการค้า การขนส่ง และบริการของ ČSÚ กล่าวว่า ตั้งแต่เดือนเมษายนถึงมิถุนายน 2567 รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากทุกภาคส่วนของภาคบริการ โดยภาคการขนส่งและพื้นที่จัดเก็บสินค้าเป็นภาคบริการที่มีการเติบโตมากที่สุด โดยรูปแบบการเติบโตที่สม่ำเสมอนี้บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวและการขยายตัวที่แข็งแกร่งในภาคบริการของสาธารณรัฐเช็ก ดังนั้นเมื่อภาคบริการต่างๆ เติบโต อาจนำไปสู่โอกาสการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น  การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่สูงขึ้น จึงมีแนวโน้มที่จะส่งผลดีต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นของสาธารณรัฐเช็กโดยรวมต่อไป

 

ข้อคิดเห็น/เสนอแนะของ สคต.

จากข้อมูลทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเช็กด้านการท่องเที่ยวและภาคบริการที่มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลดีต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจเช็ก จึงถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการไทย ในการขยายการส่งออกสินค้ามายังตลาดสาธารณรัฐเช็กเพิ่มเติม ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรเตรียมความพร้อมในการศึกษาข้อมูลแนวโน้มตลาดและความต้องการของผู้บริโภค เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาดต่อไป ทั้งนี้ ปี 2566 สาธารณรัฐเช็กนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่า 237,563 ล้านเหรียญสหรัฐ จากประเทศเยอรมนี จีน โปแลนด์ สโลวาเกีย เนเธอร์แลนด์ อิตาลี ออสเตรเลีย ฮังการี ฝรั่งเศส และเบลเยียม ตามลำดับ โดยนำเข้าจากประเทศไทย คิดเป็นมูลค่า 785 ล้านเหรียญสหรัฐ

de_DEGerman