อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในเวียดนามเติบโตร้อยละ 35 เมื่อเทียบกับปี 2566 เนื่องจากสุนัขและแมวเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยคาดว่าอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงจะยังคงเติบโตในอัตราเลขสองหลัก (double digit growth) ในอีกห้าปีข้างหน้า
รองศาสตราจารย์ ดร. Le Quang Thong คณบดีคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัย Nong Lam และประธานสมาคมสัตวแพทย์เวียดนาม กล่าวในงาน Super Pet Fest ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม ที่ผ่านมา ณ Youth Culture House ในเขต 1 นครโฮจิมินห์ ว่าในอีกห้าปีข้างหน้าอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงจะยังคงเติบโตในอัตราเลขสองหลัก จึงเสนอแนะให้ผู้ประกอบการที่เชี่ยวชาญด้านการจัดหาอาหาร ของเล่นสัตว์เลี้ยง และบริการที่เกี่ยวข้องสำหรับสัตว์เลี้ยง และสัตวแพทย์ ควรเสริมความรู้เชิงลึก ปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์และบริการเพื่อการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน
ในขณะที่ นาง Do Thi Mong Tho รองประธานสมาคมสัตวแพทย์เวียดนาม กล่าวเสริมว่า ในอดีตที่ผ่านมา สุนัขและแมวถูกเลี้ยงไว้เพื่อเฝ้าบ้านหรือจับหนู แต่ปัจจุบันกระแสนี้เปลี่ยนไปแล้ว เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนมองว่าสุนัขและแมวเป็นสมาชิกในครอบครัว หรือเป็นเพื่อนที่ช่วยลดความเครียดได้ และเต็มใจที่จะจ่ายเงินซื้ออาหารและของเล่นสัตว์เลี้ยงราคาแพง และการดูแลทางการแพทย์ เพื่อดูแลสัตว์เลี้ยงให้ดีที่สุด
นอกจากนี้ Ms. Jane Luxner ผู้ช่วยทูตฝ่ายการเกษตรจากสถานกงสุลใหญ่สหรัฐอเมริกา ณ นครโฮจิมินห์ ยังได้กล่าวว่า สัตว์เลี้ยงมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้นทั้งในเวียดนามและสหรัฐฯ จึงควรให้ความสำคัญกับศักยภาพในการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารและการดูแลสัตว์เลี้ยงของเวียดนาม
ทั้งนี้ งาน Super Pet Fest จัดโดยสมาคมสัตวแพทย์เวียดนามและสมาคมอุตสาหกรรมอาหารสัตว์แห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Pet Health Month ของเวียดนามในช่วงเดือนตุลาคม 2567 โดยมีบูธของผู้ประกอบการกว่า 20 บูธที่นำเสนออาหารสัตว์เลี้ยง อุปกรณ์ ของเล่น และอุปกรณ์อาบน้ำสัตว์เลี้ยง และงานจะมีไปจนถึงสิ้นเดือนตุลาคม 2567
(แหล่งที่มา https://tuoitrenews.vn/ ฉบับวันที่ 20 ตุลาคม 2567)
วิเคราะห์ผลกระทบ
ตามรายงานของบริษัท Kirin Capital ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยตลาดของเวียดนามเกี่ยวกับโอกาสของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยง ระบุว่า อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงของเวียดนามจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องและคาดว่าในปี 2571 จะมีมูลค่าสูงถึง 182 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปี 2566 มีจำนวนสัตว์เลี้ยงในเวียดนามมากกว่า 12 ล้านตัว เป็นแมวประมาณ 5.58 ล้านตัว และสุนัข 6.48 ล้านตัว และคาดว่าในปี 2570 จะมีสัตว์เลี้ยงประมาณ 16 ล้านตัว ทั้งนี้ ในปี 2566 เวียดนามมีการนำเข้าอาหารสัตว์เลี้ยงจากประเทศไทย ร้อยละ 35 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 22 และฝรั่งเศส ร้อยละ 15 รวมทั้งมีการซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงมากกว่า 17,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับปี 2565 ทั้งนี้ ในขณะที่การเติบโตของอุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงในเวียดนามยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และผู้เลี้ยงสัตว์เริ่มดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมากขึ้นเรื่อย ๆ จากการซื้อผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยง เช่น ยาต้านปรสิตหรือผลิตภัณฑ์ดูแลขนสัตว์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยง เช่น อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์เสริมความงาม และเสื้อผ้าของสัตว์เลี้ยง แต่ธุรกิจที่ให้บริการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง เช่น คลินิกและสปาสำหรับรักษาโรคและดูแลสุขภาพสัตว์ในเวียดนามยังมีจำนวนไม่มากนักและส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองหลักของเวียดนาม
นำเสนอโอกาส/แนวทาง
ปัจจุบันคนหนุ่มสาวของเวียดนามนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการแต่งงานช้าจึงเต็มใจจ่ายเงินให้กับสัตว์เลี้ยงของตน ซึ่งจากการสำรวจตลาดสัตว์เลี้ยง การซื้ออาหารสัตว์เลี้ยงคิดเป็นร้อยละ 77 และการซื้ออุปกรณ์ของใช้ดูแลสัตว์เลี้ยงคิดเป็นร้อยละ 23 ดังนั้น จึงเป็นโอกาสสำหรับภาคธุรกิจไทยที่ต้องการขยายตลาดในเวียดนาม เช่น อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง การบริการดูแลในบ้าน และการบริการด้านความงาม เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้เลี้ยงสัตว์