สหราชอาณาจักรได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลง CPTPP อย่างสมบูรณ์เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2567 ซึ่งถือว่าเป็นประเทศในภูมิภาคยุโรปประเทศแรกที่เข้าร่วมความตกลงนี้ โดยสหราชอาณาจักรถือว่ามีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นลำดับที่ 2 รองจากญี่ปุ่นซึ่งเป็นสมาชิกก่อนหน้า และคาดการณ์ว่าจะมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากถึง 2,000 ล้านปอนด์ต่อปี และเข้าถึงผู้บริโภคมากกว่า 500 ล้านคน
ถึงแม้ว่าสหราชอาณาจักรจะออกจากสมาชิกสหภาพยุโรปในปี 2020 ภาครัฐก็ได้เร่งทำความตกลงการค้าเสรีกับประเทศอื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อย่างไรก็ตาม การเข้าร่วมความตกลง CPTPP จะครอบคลุมการค้าระหว่างประเทศอื่นๆ เช่น บรูไน มาเลเซีย ชิลี และเปรู และมีการคาดการณ์ว่าความตกลง CPTPP จะช่วยให้สหราชอาณาจักรใช้ประโยชน์ด้านการค้ากับประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว เช่น เวียดนาม อีกด้วย นอกจากนี้ การเข้าร่วมเป็นสมาชิกความตกลง CPTPP จะช่วยเปิดตลาดการค้าโดยการลดภาษีนำเข้าสินค้ากว่า 95% และการใช้กฎถิ่นกำเนิดสินค้าที่เปิดให้กลุ่มประเทศสมาชิกความตกลงฯ มีการซื้อขายและเปลี่ยน supply chain ระหว่างกันมากขึ้น และเกิดประโยชน์ต่อภาคการลงทุนอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ความกังวลในการเปิดตลาดสินค้าในสหราชอาณาจักรก่อให้เกิดความกังวลในเรื่องมาตรฐานสินค้า เช่น มาตรฐานทางด้านสิ่งแวดล้อม และสัตว์ เช่น เนื้อสัตว์ที่ฉีดฮอร์โมนจากแคนาดาจะยังคงไม่ได้รับการยกเว้น รวมถึงน้ำมันปาล์มที่ยังคงมีประเด็นเรื่องการตัดไม้ทำลายป่าจะยังคงมีการเรียกเก็บภาษีนำเข้า ในทางกลับกัน ผู้เชี่ยวชาญมีความเห็นว่าสหราชอาณาจักรจะได้ประโยชน์จากการเปิดตลาดด้านการบริการ เฉพาะการค้าบริการดิจิตอล (digital trade) ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สหราชอาณาจักรส่งเสริม โดยจะช่วยสร้างโอกาสให้แก่บริษัทในสหราชอาณาจักรในการลงทุนมากขึ้นอีกด้วย
ที่มา: BBC News และ GOV.UK
ข้อมูลเพิ่มเติม/ความเห็น สคต.
การเข้าร่วมความตกลง CPTPP ของสหราชอาณาจักรถือเป็นการทำความตกลงการค้าเสรีฉบับใหม่ที่มีกลุ่มประเทศสมาชิกมากถึง 12 ประเทศ และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ถึง 12 ล้านล้านปอนด์ หรือคิดเป็น 15% ของ GDP โลก โดยสหราชอาณาจักรจะได้ประโยชน์จากการเปิดตลาดประเทศที่ยังไม่เคยมีความตกลงการค้าเสรี อาทิ บรูไน และมาเลเซีย และยังคงมองว่าในอนาคตประเทศอื่นๆ ที่มีความสนใจเข้าร่วมความตกลง CPTPP จะช่วยขยายความร่วมมือทางการค้าได้อีกในอนาคต เช่น อินโดนีเซีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่
ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรคาดหวังว่าการเข้าร่วมความตกลง CPTPP นี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงาน ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจในสหราชอาณาจักรเติบโต โดยผู้บริหารธนาคาร HSBC ให้ข้อมูลว่านับตั้งแต่สหราชอาณาจักรประกาศเข้าร่วมความตกลง CPTPP ในปี 2023 ธุรกรรมทางการเงินระหว่างสหราชอาณาจักรกับกลุ่มประเทศสมาชิกความตกลง CPTPP เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และกลุ่มผู้ส่งออกวิสกี้ ให้ความเห็นว่าการเข้าร่วมความตกลงนี้จะช่วยขยายตลาดสก็อตวิสกี้ในตลาดเอเชียและลาตินอเมริกาได้มากขึ้นถึง 1,000 ล้านปอนด์ต่อปี
อย่างไรก็ตาม สหราชอาณาจักรเป็นคู่ค้าลำดับที่ 19 ของไทย โดยการส่งออกของไทยในช่วง 10 เดือนของปี 2024 มีมูลค่า 121,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงที่แล้วของปีร้อยละ 2.34 โดยสินค้าส่งออกหลักของไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ ไก่แปรรูป เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องประดับ รถจักรยายนต์และส่วนประกอบ และรถยนต์และส่วนประกอบ ทั้งนี้ เนื่องจากความตกลง CPTPP เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2567 สคต. จะติดตามผลกระทบจากการเข้าเป็นสมาชิก CPTPP ของสหราชอาณาจักรต่อการนำเข้าสินค้าจากไทยอย่างใกล้ชิดและรายงานให้ทราบต่อไป