เกิดอะไรขึ้น เมื่อ Continental ตั้งเป้าลดการจ้างงานในธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ลง

บริษัท Continental เตรียมลดการจ้างงานในด้านบริหารและจัดการธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ที่กำลังประสบปัญหาหนัก และหากกล่าวถึง Continental คงต้องบอกว่า เป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่ในตลาดหุ้นเยอรมัน (DAX) แต่ก็ไม่ได้ออกมาพูดถึงเรื่องการลดการจ้างงานมากเท่าไรนัก ด้านนิตยสาร Manager Magazine ได้รายงานในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า “มีความเป็นไปได้ที่ Continental จะลดการจ้างงานเป็นตัวเลขสี่หลัก” และนอกเหนือจากการลดการจ้างงานด้านการบริหารและจัดการฯ แล้ว ยังมีประเด็นสำคัญที่นาย Philipp von Hirschheydt สมาชิกคณะกรรมการผู้รับผิดชอบด้านยานยนต์ได้เข้ามาทำหน้าที่ดูแลด้านการวิจัยและพัฒนาอีกด้วย โดยนาย von Hirschheydt ได้ตรวจสอบมาตรการเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านธุรกิจยานยนต์ของบริษัทฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อนำตัวเลขต่าง ๆ ของไตรมาสที่ 3 ไปเสนอต่อนาย Katja Garcia Vila, CFO ผลปรากฏว่า “บริษัทฯ ควรปรับโครงสร้างแผนกที่ขาดทุน และบริษัทฯ ควรจะดำเนินการปรับโครงสร้างด้านยานยนต์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปรับค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาให้ลดลงเมื่อเทียบกับยอดจำหน่าย

 

นาย von Hirschheydt ยังต้องการเปลี่ยนโครงสร้างในแผนกชิ้นส่วนยานยนต์ โดยบริษัทฯ ต้องการที่จะควบรวมธุรกิจชิ้นส่วนรถยนต์ เซ็นเซอร์ และซอฟต์แวร์ เข้าด้วยกับ ซึ่ง 1 ใน 6 กลุ่มธุรกิจ “Smart Mobility” จะถูกยุบตัว และนาย Von Hirschheydt ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “สิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในอนาคตก็ คือ การลดโครงสร้างและลดฟังก์ชัน ที่ซับซ้อนลง” ดังนั้นบริษัทจึง “เข้ามาตรวจสอบฟังก์ชันและกระบวนการทั้งหมดตั้งแต่การขาย การวิจัย การพัฒนา ไปจนถึงการผลิตใหม่ทั้งหมด” เพื่อปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากขึ้น จึงได้หารือกับพันธมิตรต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ และมีความเป็นไปได้ที่ ตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป บริษัทฯ จะสามารถประหยัดเงินได้กว่า 400 ล้านยูโรต่อปี เพราะหลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ประสบปัญหาการมีผลกำไรอย่างยั่งยืนและสัดส่วนในการทำกำไรของแผนกชิ้นส่วนยานยนต์ก็น้อยเกินเมื่อเทียบกับภาพรวมของบริษัทฯ ทั้งนี้ Continental เป็นหนึ่งในบริษัทที่เป็นตัวระบุค่าดัชนีหุ้นเยอรมัน (DAX) ผลกำไรของบริษัทในปัจจุบันมาจากธุรกิจยางรถยนต์ที่ทำกำไรได้สูง และแผนกอุตสาหกรรมของบริษัทลูก Contitech เป็นหลัก ซึ่งปัญหานี้ส่งผลต่อมูลค่าหุ้นของบริษัทด้วย โดยมูลค่าหุ้นของบริษัทในหลักทรัพย์เคยมีมูลค่าสูงถึงมี 4 หมื่นล้านยูโร แต่ในปัจจุบัน 1.3 หมื่นล้านยูโรเท่านั้น

 

 

จาก Handelsblatt 11 ธันวาคม 2566

en_USEnglish