กรุงปรากร่ำรวยเป็นอันดับสี่ในสหภาพยุโรป

จากข้อมูลของ Eurostat กรุงปรากได้แซงหน้ากรุงบรัสเซลส์ ปารีส และเบอร์ลิน กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่ GDP ต่อหัวสูงในสหภาพยุโรป ซึ่งวัดจากมาตรฐานกำลังซื้อ โดยกรุงปราก สาธารณรัฐเช็กเป็นประเทศที่ร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับสี่ในสหภาพยุโรป เนื่องจากมีบริษัทข้ามชาติหลายแห่ง รวมถึงสำนักงานใหญ่ และคนที่ทำงานระหว่างประเทศ จำนวนบริษัทข้ามชาติที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปรากมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมากของเมือง ส่งผลให้ GDP ต่อประชากรของกรุงปรากมากกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศกว่าสองเท่า โดย GDP ต่อหัวที่สูงของเมืองมักเป็นผลมาจากฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและความหลากหลายซึ่งขับเคลื่อนโดยเทคโนโลยี การเงิน และอุตสาหกรรมการผลิต นอกจากนี้ แรงงานที่มีการศึกษาดีและมีทักษะยังช่วยเพิ่มผลผลิตและนวัตกรรมที่สูงขึ้น ซึ่งช่วยส่งเสริมผลผลิตทางเศรษฐกิจของเมืองอีกด้วย

 

เมื่อเปรียบเทียบกับกรุงวอร์ซอและปารีส กรุงปรากมีตัวเลขทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าอย่างเห็นได้ชัด โดยมี GDP ต่อหัวที่สูงกว่าร้อยละ 25 นอกจากนี้ ความแตกต่างกับกรุงบราติสลาวา เมืองหลวงของสโลวาเกียก็น่าทึ่งเช่นกัน แม้ว่าในปี 2013 กรุงบราติสลาวาจะนำหน้ากรุงปราก แต่ในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา GDP ของปรากต่อประชากรเพิ่มขึ้นร้อยละ 48 ในขณะที่บราติสลาวาเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 2 สำหรับ GDP ต่อหัวของเบอร์ลินคิดเป็นร้อยละ 60 ของปราก แต่ GDP โดยรวมของเยอรมนีสูงกว่าสาธารณรัฐเช็กร้อยละ 30

กรุงปรากร่ำรวยเป็นอันดับสี่ในสหภาพยุโรป

แต่อย่างไรก็ตาม ระดับ GDP ในสาธารณรัฐเช็กตามเมืองต่างๆ มีความแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งเมืองคาโลวี วารี (Karlovy Vary) มี GDP ต่อหัวต่ำที่สุด ตามมาด้วยเมือง อูสตีนัดลาเบม (Ústí nad Labem) สำหรับเมืองที่มี GDP ต่อหัวใกล้เคียงกับกรุงปราก ได้แก่ เมือง Vysočina และภูมิภาคโมราเวียใต้ ซึ่งมีเมืองเบอร์โน เป็นเมืองหลวงของภูมิภาค และเป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ

 

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Creditas Bank, Mr. Petr Dufek บอกกับ Novinky.cz ว่า GDP ต่อประชากรเป็นตัวบ่งชี้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับระดับเศรษฐกิจของเมือง แต่ไม่ได้บ่งชี้อย่างสมบูรณ์ว่ามาตรฐานการครองชีพในภูมิภาคที่กำหนดนั้นเป็นอย่างไร จึงไม่สามารถสรุปอย่างแน่ชัดว่ามาตรฐานการครองชีพเพิ่มขึ้นหรือไม่ เนื่องจากความสามารถในการทำกำไรของบริษัทต่างๆ มีส่วนทำให้ GDP ของประเทศเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน การแสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในระดับภูมิภาคของแต่ละประเทศ เป็นตัวบ่งชี้ว่านโยบายเศรษฐกิจของประเทศนั้นควรมุ่งเน้นไปในทิศทางใด

 

ข้อคิดเห็น/เสนอแนะของ สคต.

ปี 2024 กระทรวงการคลังสาธารณรัฐเช็กคาดการณ์ว่า GDP จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยคาดว่าจะลดลงเหลือร้อยละ 3.1 ในปีนี้ (ปี 2023 อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 10.7 และร้อยละ 15.1 ในปี 2022) รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนและการเติบโตของตลาดส่งออกจะช่วยสนับสนุนภาพรวมทางเศรษฐกิจให้ดีมากขึ้น โดยในปี 2023 สาธารณรัฐเช็ก นำเข้าสินค้าจากทั่วโลก คิดเป็นมูลค่า 232,129 ล้านเหรียญสหรัฐ จากประเทศเยอรมนี จีน โปแลนด์ เนเธอร์แลนด์ สโลวาเกีย ตามลำดับ และส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ คิดเป็นมูลค่า 256,430 ล้านเหรียญสหรัฐ ไปยังประเทศเยอรมนี สโลวาเกีย โปแลนด์ ฝรั่งเศส และออสเตรีย ตามลำดับ ดังนั้น การที่เศรษฐกิจของสาธารณรัฐเช็กฟื้นตัวดีขึ้น ส่งผลต่อความสามารถในการซื้อสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ จึงเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดมายังสาธารณรัฐเช็ก โดยเฉพาะกรุงปรากเพิ่มเติม

en_USEnglish