“เป้าหมายของเราคือการทำให้เนทันยาฮูประกาศหยุดยิง” ประธานาธิบดีของตุรกีกล่าวระหว่างการพบกับคณะผู้แทนจากสมาคมนักอุตสาหกรรมและนักธุรกิจตุรกี (MUSIAD)
ในสุนทรพจน์ของประธานาธิบดีแอรโดก์อานของตุรกีเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ได้กล่าวถึงการตัดสินใจของตุรกีในครั้งนี้ว่า “เราจะต้องยืนหยัด เราเชื่ออย่างยิ่งว่าเรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้อง วันนี้หากเราไม่อยู่เคียงข้างพวกเขา ในวันหนึ่งที่มีเหตุการณ์แบบเดียวกันเกิดขึ้นกับเรา ใครจะยืนข้างๆ เรา” โดยเขาเสริมต่อว่า “การตัดสินใจของตุรกีในครั้งนี้มีเป้าหมายเดียวคือ การทำให้เนทันยาฮูประกาศหยุดยิง”
นายแอรโดก์อานได้กล่าวต่อกลุ่มนักธุรกิจตุรกีในช่วงต้นของสุนทรพจน์ว่า “ผมขอแสดงความขอบคุณกับทุกท่านที่ได้ร่วมกันมอบความช่วยเหลือแก่ผู้คนในกาซาที่อิสราเอลพยายามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ตุรกีได้ส่งความช่วยเหลือไปมากถึง 5 หมื่นตัน ซึ่งนับว่าเป็นประเทศที่ให้ช่วยเหลือมากที่สุดในฉนวนกาซา และอย่างที่พวกท่านรู้กันดี การจะบังคับให้อิสราเอลประกาศหยุดยิงนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องนำมาตรการด้านการค้ามาใช้เป็นเครื่องมือด้วย โดยเราจะดำเนินการตามขั้นตอนของโลกธุรกิจต่อไป” และเขาได้กล่าวต่อว่า “ผมขอพูดสิ่งนี้กับบรรดานักธุรกิจตุรกีทั้งหมดว่า เราต้องยืนหยัดอย่างมั่นคง ผมอยากจะให้พวกคุณรู้เอาไว้ว่า เราไม่ได้มีความต้องการที่จะเป็นศัตรูกับประเทศใดๆ ในภูมิภาคของเรา และอย่างที่ผมใดบอกในทุกๆ ครั้งว่า เราไม่ต้องการเห็นสงครามในภูมิภาคของเรา เราอยากใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบแม้ว่าเราจะไม่ได้เชื่อในสิ่งเดียวกันก็ตาม ด้วยการตัดสินใจของเราในครั้งนี้ พวกเราทุกคนต่างรู้ดีว่าฝ่ายตะวันตกจะออกมาโจมตีเราอย่างไร แต่ ณ ตอนนี้ ผมขอพูดในนามของ MUSIAD แก่บรรดานักธุรกิจของเราว่า เราต้องยืนหยัดอย่างมั่นคง”
นอกจากนี้ นายแอร์โดก์อานยังได้กล่าวถึงประเด็นทางด้านเศรษฐกิจของตุรกีเองด้วยว่า “เมื่อวันที่ 31 มีนาคม ที่ผ่านมา เราได้มีการเลือกตั้งที่สำคัญที่แสดงถึงความเป็นประชาธิปไตยของเราอีกครั้ง (หมายถึงการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ) ซึ่งการเลือกตั้งต่างๆ ที่ผ่านมานั้น ทำให้ประชาชน เศรษฐกิจ และโลกธุรกิจของเรา เหนื่อยมามากพอแล้ว ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เราได้เริ่มสู่การมองไปอีก 4 ปี ข้างหน้าที่จะยังไม่มีการเลือกตั้งใดๆ อีก และเป็นช่วงเวลาที่มีค่าที่พวกเราควรให้ความสำคัญกับมันอย่างจริงจัง จากนี้อีก 4 ปี เราต้องให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของเราให้มากยิ่งขึ้น เราได้เริ่มมาตรกการการลดระดับเงินเฟ้อแล้ว ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาตัวเลขเงินเฟ้อและการค้าระหว่างประเทศของเราดูเหมือนจะดีขึ้น และในช่วงครึ่งปีหลังเป็นต้นไปนั้น เราหวังจะได้เห็นข่าวดีต่างๆ มากยิ่งขึ้น เราจะลดระดับเงินเฟ้อและนำความสดใสกลับมาอีกครั้ง”
ข้อคิดเห็นจากสำนักงานฯ
ตุรกีได้มีการประกาศงดส่งสินค้ากว่า 50 ประเภทไปยังอิสราเอลมาก่อนหน้านี้แล้วตั้งแต่เริ่มต้นเหตุการณ์ใหม่ๆ และในการประกาศหยุดทำการค้ากับอิสราเอลในครั้งนี้นับเป็นการตัดสินใจที่กระทบความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างตุรกีและอิสราเอลอีกครั้ง หลังจากที่เพิ่งกลับมาประสานรอยร้าวทางการทูตเมื่อธันวาคม 2022 อีกทั้งอาจจะต้องรอรับแรงกดดันจากชาติตะวันตกต่างๆ มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ในทางการเมืองสามารถมองได้ว่า การตัดสินใจดังกล่าวของรัฐบาลตุรกีในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการกดดันของประชาชนสาย Islamist ซึ่งเป็นฐานเสียงที่สำคัญของพรรค AK ซึ่งเป็นพรรครัฐบาลในปัจจุบัน และหลังจากนี้อาจจะต้องรอดูผลกระทบที่ตามมารวมทั้งท่าทีของชาติตะวันตกต่างๆ ต่อตุรกีในเรื่องดังกล่าวอีกด้วย
จากข้อมูลสถิติในปี 2023 อิสราเอลนับเป็นคู่ค้าสำคัญลำดับที่ 20 ของตุรกี โดยมีการค้าระหว่างกันคิดเป็นมูลค่ากว่าเจ็ดพันล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป้นสัดส่วนประมาณร้อยละ 1.14 ของมูลค้าการค้าระหว่างประเทศรวมของตุรกีทั้งหมด ซึ่งหากตุรกีหยุดทำการค้ากับอิสราเอลจริงๆ ก็อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศในระดับหนึ่งเนื่องจากกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่าการค้า หรือประมาณ 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นการส่งออกจากตุรกีไปยังอิสราเอล แต่ที่น่ากังวลกว่าคือท่าทีในเรื่องดังกล่าวจากประเทศฝ่ายตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มประเทศ EU ที่เป็นคู่ค้าหลักของตุรกีอยู่ ว่าจะมีการกดดันตุรกีกลับในเรื่องดังกล่าวหรือไม่อย่างไร