- อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจ (GDP Growth)
สำนักงานวิเคราะห์เศรษฐกิจสหรัฐฯ (U.S. Bureau of Economic Analysis) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ (U.S. Department of Commerce) รายงานมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติแท้จริง (Real GDP) สหรัฐฯ ไตรมาสที่ 2 ปี 2567 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 และมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติไตรมาสที่ 3 ปี 2567ประมาณการล่วงหน้า (Advance Estimate) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8
แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เป็นผลมาจากการขยายตัวของการใช้จ่ายภาคประชาชน การส่งออก และการใช้จ่ายภาครัฐ รวมถึงภาคการนำเข้าที่ชะลอตัวลงในช่วงดังกล่าวซึ่งล้วนส่งผลดีต่อการขยายตัวของมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติสหรัฐฯ
สถิติอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ* ปี 2563 – 2567
ที่มา: Bureau of Economic Analysis, U.S. Department of Commerce
- อัตราการว่างงาน
สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายน 2567 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนที่ผ่านมาเล็กน้อยเป็นร้อยละ 4.1 มีผู้ว่างงานในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนทั้งสิ้น 6.3 ล้านคน มีปริมาณการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (Nonfarm Payroll Employment) เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น 254,000 ตำแหน่ง (สูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 203,000 ตำแหน่งต่อเดือน)
- กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ อุตสาหกรรมการโรงแรมและการท่องเที่ยว 78,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมบริการอาหารและเครื่องดื่ม 69,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมบริการด้านสุขภาพ 45,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมการจ้างงานภาครัฐ 31,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมสังคมสงเคราะห์ 27,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมก่อสร้าง 25,000 ตำแหน่ง อุตสาหกรรมบริการทางธุรกิจ 17,000 ตำแหน่ง และอุตสาหกรรมค้าปลีก 15,600 ตำแหน่ง
- กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการจ้างงานลดลง ได้แก่ อุตสาหกรรมการขนส่งและคงคลังสินค้า 8,600 ตำแหน่ง และอุตสาหกรรมการผลิต 7,000 ตำแหน่ง
- ส่วนการจ้างงานในอุตสาหกรรมค้าส่ง อุตสาหกรรมเหมืองแร่และขุดเจาะพลังงาน อุตสาหกรรมสารสนเทศ อุตสาหกรรมการเงิน และอุตสาหกรรมบริการอื่นๆ ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
สถิติอัตราการว่างงานสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน
ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor
- ภาวะเงินเฟ้อ (Consumer Price Index: CPI)
สำนักงานสถิติแรงงาน (Bureau of Labor Statistics) กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ (U.S. Department of Labor) รายงานภาวะเงินเฟ้อสหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายน 2567 (ข้อมูลล่าสุด) ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมาเหลือร้อยละ 2.4 (ไม่ปรับฤดูกาล หรือ Not Seasonally Adjusted)
โดยในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาราคาสินค้าไม่ปรับฤดูกาล (Not Seasonally Adjusted) กลุ่มสินค้าอื่นๆ ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 กลุ่มสินค้าอาหารปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 และกลุ่มสินค้าพลังงานปรับตัวลดลงร้อยละ 6.8 รายละเอียด ดังนี้
3.1 กลุ่มสินค้าอาหาร ได้แก่ เนื้อสัตว์และไข่ (+ร้อยละ 3.9) เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 1.3) ผักและผลไม้สด (+ร้อยละ 0.7) ผลิตภัณฑ์จากนม (+ร้อยละ 0.5) และซีเรียลและเบเกอรี (+ร้อยละ 0.1)
3.2 กลุ่มสินค้าพลังงาน ได้แก่ ไฟฟ้า (+ร้อยละ 3.7) ก๊าซธรรมชาติ (+ร้อยละ 2.0) และน้ำมันเชื้อเพลิง (-ร้อยละ 15.3)
3.3 กลุ่มสินค้าและบริการอื่น ได้แก่ บริการขนส่ง (+ร้อยละ 8.5) บุหรี่และยาสูบ (+ร้อยละ 8.2) ที่พักอาศัย (+ร้อยละ 4.9) เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 1.8) วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (+ร้อยละ 1.6) บัตรโดยสารเครื่องบิน (+ร้อยละ 1.6) เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (+ร้อยละ 1.5) รถยนต์ใหม่ (-ร้อยละ 1.3) และรถยนต์ มือสอง (Used Cars) (-ร้อยละ 5.1)
สถิติอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ย้อนหลัง 12 เดือน
ที่มา: Bureau of Labor Statistics, U.S. Department of Labor
- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI)
The Conference Board (CB) รายงานผู้บริโภคชาวอเมริกันมีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นในเดือนตุลาคม 2567 โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence Index) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม 99.2 ในเดือนกันยายน 2567 (ปีฐาน: ปี 2528 = 100) เป็น 108.7 ในเดือนตุลาคม 2567 ดัชนีความเชื่อมั่นในภาวะปัจจุบัน (Present Situation Index) ที่วัดแนวโน้มสภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในปัจจุบันปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม 123.8 ในเดือนกันยายน 2567 เป็น 138.0 ในเดือนตุลาคม 2567 และดัชนีความคาดหวังของผู้บริโภค (Expectations Index) ซึ่งวัดจากมุมมองของผู้บริโภคต่อสถานการณ์ทางด้านรายได้ การดำเนินกิจการ และการจ้างงานในตลาดแรงงานในระยะสั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดิม 82.8 ในเดือนกันยายน 2567 เป็น 89.1 ในเดือนตุลาคม 2567 (ซึ่งสูงกว่าระดับ 80.0 อันเป็นสัญญาณแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ในอนาคต)
ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดในเดือนตุลาคม 2567 ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากปัจจัยด้านสภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศโดยเฉพาะตลาดแรงงานที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดหลังจากที่ก่อนหน้านี้ชะลอตัวติดต่อกันเป็นระยะเวลาหลายเดือน โดยรวมผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจและรายได้ในอนาคตดีขึ้น แนวโน้มการใช้จ่ายเพื่อซื้อบ้านและรถยนต์ในช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์กลับมีแนวโน้มชะลอตัวลดลงเล็กน้อย ส่วนการใช้จ่ายในภาคบริการไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ที่มา: The Conference Board
- ภาวะการค้าปลีกของสหรัฐฯ
สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์ สหรัฐฯ รายงานภาวะการค้าปลีกและ การบริการด้านอาหารประจำเดือนล่วงหน้า (Advance Monthly Sales for Retail and Food Services) สหรัฐฯ ประจำเดือนกันยายน 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สามารถสรุปได้ ดังนี้
- มูลค่าการค้าปลีกสินค้าและการบริการด้านอาหาร (Retail & Food Services) ขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 0.4 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 714,358 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มูลค่าการค้าปลีก (Retail Trade Sales) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 617,958 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มูลค่าการค้าปลีกไม่ผ่านร้านค้า (Nonstore Retailers) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 124,548 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกขยายตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ สินค้าปลีกผ่านช่องทางร้านค้าอื่นๆ (ร้อยละ 4.0) สินค้าเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม (+ร้อยละ 1.5) สินค้าเพื่อสุขภาพและสุขอนามัยส่วนบุคคล (+ร้อยละ 1.1) สินค้าอาหารและเครื่องดื่ม (+ร้อยละ 1.0) การบริการร้านอาหารและเครื่องดื่ม (+ร้อยละ 1.0) สินค้าปลีกทั่วไป (+ร้อยละ 0.5) สินค้าอุปกรณ์กีฬา (ร้อยละ 0.3) และสินค้าวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง (+ร้อยละ 0.2) ตามลำดับ
กลุ่มสินค้าและบริการที่มียอดค้าปลีกหดตัวลง ได้แก่ สินค้าครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ (-ร้อยละ 3.3) สินค้าน้ำมันเชื้อเพลิง (-ร้อยละ 1.6) และสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน (-ร้อยละ 1.4) ตามลำดับ
ส่วนสินค้ารถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
- ภาวะการค้าระหว่างประเทศ
สำนักงานสถิติสหรัฐฯ (U.S. Census Bureau) กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานสถิติดุลการค้า (ส่งออก – นำเข้า) สหรัฐฯ ประจำเดือนสิงหาคม 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สรุปได้ ดังนี้
สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ในเดือนสิงหาคม 2567 สุทธิทั้งสิ้น 70,431 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8,487 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 10.75 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
สหรัฐฯ มีมูลค่าการส่งออกสินค้าและบริการในเดือนสิงหาคม 2567 เป็นมูลค่า 271,755 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,276 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.98 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น
- การส่งออกสินค้าเป็นมูลค่า 179,443 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 4,416 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 52 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
- การส่งออกบริการเป็นมูลค่า 92,312 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 860 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 94 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
โดยกลุ่มสินค้าและบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ชิ้นส่วนอุปกรณ์โทรคมนาคม เครื่องบินพาณิชย์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ เครื่องจักรอุตสาหกรรม เวชภัณฑ์ ทองคำ รถยนต์ สินค้าและบริการภาครัฐ และการบริการท่องเที่ยว เป็นต้น
สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าและบริการในเดือนสิงหาคม 2567 เป็นมูลค่า 342,186 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,211 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 0.93 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา แบ่งเป็น
- การนำเข้าสินค้าเป็นมูลค่า 274,322 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,940 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลดลงร้อยละ 42 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
- การนำเข้าบริการเป็นมูลค่า 67,864 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 729 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.09 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา
โดยกลุ่มบริการที่สหรัฐฯ มีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ การบริการท่องเที่ยว และทรัพย์สินทางการค้า เป็นต้น
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
- ภาวะการค้าระหว่าง สหรัฐฯ – ไทย
ในเดือนสิงหาคม 2567 (ข้อมูลล่าสุด) สหรัฐฯ และไทยมีมูลค่าการค้าสุทธิทั้งสิ้น 6,462.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 18) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสหรัฐฯ มีดุลการค้า ขาดดุล ไทยเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 3,778.73 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.85 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
- สหรัฐฯ นำเข้าจากไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 5,120.48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 13) เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.33 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักนำเข้าจากไทย ได้แก่ อุปกรณ์โทรศัพท์ (HS Code 8517) เพิ่มขึ้นร้อยละ 81 เครื่องประมวลผลข้อมูล (HS Code 8471) เพิ่มขึ้นร้อยละ 86.98 ชิ้นส่วนกึ่งตัวนำไฟฟ้า (HS Code 8541) ลดลงร้อยละ 31.03 ยางรถยนต์ (HS Code 4011) ลดลงร้อยละ 12.96 และหม้อแปลงไฟฟ้า (HS Code 8504) ลดลงร้อยละ 2.31
ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากไทย 10 อันดับแรกเดือนสิงหาคม 2567
- สหรัฐฯ ส่งออกไปไทย เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,75 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (อันดับที่ 25) ลดลงร้อยละ 7.47 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยสินค้าหลักส่งออกไปไทย ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม (HS Code 2709) ลดลงร้อยละ 56.73 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.95 ก๊าซปิโตรเลียม (HS Code 2711) ลดลงร้อยละ 25.68 เศษอะลูมิเนียม (HS Code 7602) เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.11 และชิ้นส่วนรถแทรกเตอร์ (HS Code 8708) ลดลงร้อยละ 28.08
ตารางแสดง: เปรียบเทียบมูลค่าสหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปไทย 10 อันดับแรกเดือนสิงหาคม 2567
ที่มา: Global Trade Atlas
มูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลของ สคต. ชิคาโก)
ในเดือนสิงหาคม 2567 สหรัฐฯ และไทย มีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศเฉพาะในเขตพื้นที่อาณาดูแลของ สคต. ชิคาโก เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1,430.82 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.64 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา โดยรัฐในเขตพื้นที่ดูแลมีมูลค่าการนำเข้าจากไทยทั้งสิ้น 1,114.70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.53 และรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลมีมูลค่าการส่งออกไปไทยทั้งสิ้น 316.12 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลงร้อยละ 12.33 โดยรวมรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแลมีมูลค่าการค้าระหว่างประเทศ ขาดดุล ไทยทั้งสิ้น 798.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.61 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา
- รัฐที่นำเข้าจากไทยเป็นสัดส่วนสูง ได้แก่ รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 39.58) รัฐเคนทักกี (ร้อยละ 18.22) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ 9.98) รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 9.42) และรัฐอินดีแอนา (ร้อยละ 8.55) ตามลำดับสินค้าส่งออกสำคัญของไทยในรัฐเขตพื้นที่อาณาดูแล ได้แก่ เครื่องประมวลผล (HS Code 8471) ร้อยละ 19.25 โทรศัพท์ (HS Code 8517) ร้อยละ 13.78 เครื่องส่งสัญญาณวิทยุ (HS Code 8525) ร้อยละ 6.39 ชิ้นส่วนรถยนต์ (HS Code 8708) ร้อยละ 5.63 หม้อแปลงไฟฟ้า (HS Code 8504) ร้อยละ 4.82 ยางรถยนต์ (HS Code 4011) ร้อยละ 3.64 อาหารสัตว์ (HS Code 2309) ร้อยละ 28 ท่อทองแดง (HS Code 7411) ร้อยละ 1.83 เครื่องสูบลม (HS Code 8414) ร้อยละ 1.82 และอุปกรณ์ไฟฟ้า (HS Code 8543) ร้อยละ 1.82 ตามลำดับ
- รัฐที่ส่งออกไปไทยเป็นสัดส่วนสูง ได้แก่ รัฐมิชิแกน (ร้อยละ 23.36) รัฐโอไฮโอ (ร้อยละ09) รัฐมินนิโซตา (ร้อยละ 15.74) รัฐอิลลินอยส์ (ร้อยละ 13.06) และรัฐลุยเซียนา (ร้อยละ 8.91) ตามลำดับ สินค้านำเข้าสำคัญของไทยจากรัฐในเขตพื้นที่อาณาดูแล ได้แก่ ชิ้นส่วนรถยนต์ (HS Code 8708) ร้อยละ 14.03 ก๊าซปิโตรเลียม (HS Code 2711) ร้อยละ 5.83 ชิ้นส่วนกึ่งตัวนำไฟฟ้า (HS Code 8541) ร้อยละ 5.14ชิ้นส่วนเครื่องบินพาณิชย์ (HS Code 2707) ร้อยละ 5.04 เศษอะลูมิเนียม (HS Code 7602) ร้อยละ 3.35 เศษโลหะ (HS Code 7204) ร้อยละ 3.24 ถั่วเหลือง (HS Code 1201) ร้อยละ 2.72 แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ (HS Code 8542) ร้อยละ 2.55 อาหารแปรรูป (HS Code 2106) ร้อยละ 2.45 และกากสตาร์ช (HS Code 2303) ร้อยละ 2.31ตามลำดับ
สถิติการค้าสหรัฐฯ – ไทย (เฉพาะรัฐในเขตพื้นที่ดูแลของ สคต. ชิคาโก)
ที่มา: U.S. Census Bureau, U.S. Department of Commerce
******************************
Royal Thai Consulate General, Commercial Office (Thai Trade Center) - Chicago