เอฟดีเอ สหรัฐฯ ออกคำสั่ง ห้ามการใช้สีแดง Red Dye No.3 ในอาหารและยารับประทาน

องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ เอฟดีเอ ได้มีคำประกาศล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มกราคม 2568 สั่ง “ห้าม” การใช้สีแดงเบอร์ 3 (Red Dye No.3) หรือ อีรีโทรซีน (Erythrosine) สีสังเคราะห์ที่วงการอุตสาหกรรมอาหารและยาใช้เป็นสีผสมเพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์มีสีแดงเชอรี่ และสีแดงสด

ภายใต้กฏหมาย Federal Food,Drug and Cosmetic หรือ FD & C ACT เอฟดีเอสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งห้ามการใช้สีแดงเบอร์ 3 ในสินค้าอาหารและยารับประทาน โดยให้มีผลบังคับใช้ เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2570 สำหรับสินค้าอาหาร และตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม 2571 สำหรับสินค้ายารับประทาน ซึ่งผู้ผลิตในอุตสาหกรรมอาหารและยา ยังมีระยะเวลา 2 ปีในการปรับสูตรการใช้สีอื่นทดแทนสีแดงเบอร์ 3

คำสั่งห้ามในครั้งนี้ เอฟดีเอ ได้ให้เหตุผลด้านความปลอดภัยของผู้บริโภคที่อาจจะเกิดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง ด้วยหลักฐานของผลการทดลองในห้องแลบที่เชื่อมโยงการก่อมะเร็งในหนูทดลองเพศผู้เมื่อได้รับอาหารที่มีส่วนผสมของสีแดงเบอร์ 3 แม้ว่ายังมีข้อถกเถียงด้านหลักฐานทางวิชาการ เมื่อทำการทดลองเช่นเดียวกันกับมนุษย์ แต่หลักฐานไม่ระบุความเชื่อมโยงการก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์

สีแดงเบอร์ 3 พบในผลิตภัณฑ์กลุ่มอาหารแปรรูป ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม กว่า 2,900 รายการ อาทิ candy, cake, cupcake, Cookies, frozen desserts, frostings, icings, jelly beans, bubble gum, vegan meat, sausage, cotton candy, candy corn, cereals, ketchup น้ำหวาน น้ำอัดลม และกลุ่มยารับประทาน อาทิ ยาน้ำแก้ไอ

อย่างไรก็ดี หากมีการใช้สีแดงเบอร์ 3 เป็นสีผสมในการผลิตอาหารและยารับประทานก่อนวันประกาศคำสั่งห้ามของเอฟดีเอ ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ยังคงเห็นฉลากสินค้าปรากฎคำว่า “FD & C Red No.3” หรือ “FD & C Red 3” หรือ “Red 3” ทั้งนี้ ผู้ผลิตบางรายได้มีการดำเนินการเลิกใช้สีแดงเบอร์ 3 ก่อนหน้านี้แล้ว

เมื่อย้อนกลับไปในปี 2533 ซึ่งเป็นเวลากว่า 35 ปีมาแล้ว ภายใต้กฏหมาย FD & C ACT เอฟดีเอ ได้เคยมีการออกคำสั่งห้ามการใช้สีแดงเบอร์ 3 ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (ลิปสติก) และยาเฉพาะที่ แต่ในครั้งนั้นคำสั่งห้าม ไม่ได้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์อาหารและยารับประทานแม้จะมีเสียงคัดค้านเรื่องสองมาตรฐาน ในครั้งนี้ เอฟดีเอได้มีการพิจารณาทบทวนเนื่องจากมีข้อร้องเรียนจากหลายฝ่ายที่รณรงค์ความปลอดภัยของผู้บริโภคโดยมีการยื่นข้อร้องเรียนตั้งแต่ปี 2565 ให้เอฟดีเอเพิกถอนสีแดงเบอร์ 3 ออกจากรายชื่อสีที่สามารถใช้ผสมในอาหาร และยา

…………………………………………………………..

การส่งออกสินค้าอาหารและยาไปจำหน่ายในตลาดสหรัฐฯ นอกจากจะต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัดตั้งแต่การจดทะเบียนโรงงานกับเอฟดีแล้ว ยังมีข้อกำหนดปลีกย่อยหลายรายการที่ต้องศึกษา ติดตามและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเมื่อมีการอัพเดทเปลี่ยนแปลง

แม้ว่าประเทศต้นทางมีการอนุญาตให้ใช้สีแดงเบอร์ 3 เป็นสีผสมในอาหารและยาก็ตาม แต่จากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบใหม่ของเอฟดีที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2570 และ 2571 ผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมทั้งผู้ประกอบการไทยที่ส่งออกสินค้าในกลุ่มอาหาร ขนมขบเคี้ยว และเครื่องดื่ม หากมีการใช้สีแดงเบอร์ 3 เป็นสีผสมในการผลิตสินค้าดังลก่าว

ทั้งนี้ ยังมีระยะเวลาอีก 2 ปีในการดำเนินการปรับเปลี่ยนเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของ เอฟดีเอ อย่างไรก็ดี มีผู้ประกอบการบางรายในสหรัฐฯ ที่ได้มีการเปลี่ยนการใช้สีแดงที่มาจากพืชผักต่างๆ อาทิ สีแดงจากพืชบีทรูท

ที่มา: https://www.fda.gov/food/hfp-constituent-updates/fda-revoke-authorization-use-red-no-3-food-and-ingested-drugs

en_USEnglish