ในขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เศรษฐกิจเยอรมันกำลังอยู่ภาวะถดถอย หลังจากที่สถิติการเจริญเติบโตของ GDP อยู่ร้อยละ -0.2 ในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และหนึ่งในสาเหตุสำคัญของความถดถอยครั้งนี้ คือราคาพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างมากส่งผลให้ต้นทุนในการผลิตมากขึ้นและกำไรน้อยลง รัฐบาลเยอรมันมีความพยายามในการแก้ปัญหาพลังงานด้วยการปรับโครงสร้างราคาพลังงานสำหรับกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรม
จุดเริ่มต้นของความพยายามแก้ปัญหา เกิดขึ้นในต้นเดือนพฤษภาคม เมื่อนาย Robert Habeck จากพรรคกรีน รัฐมนตรีกระทรวงกิจการเศรษฐกิจและการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ได้นำเสนอแผนการในการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน โดยใช้กลไกลการแทรกแซงราคาเพื่อให้ราคาพลังงานในภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับที่ไม่เกิน 6 เซ็นต์ต่อ kWh โดยจะครอบคลุมถึงร้อยละ 80 ของปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ทั้งหมดและไปจนถึงปี2573 ซึ่งคาดว่าเป็นช่วงเวลาที่พลังงานสีเขียวมีราคาที่ถูกลงมากพอสำหรับอุตสาหกรรม และคาดว่าจะต้องใช้
งบประมาณจากกองทุนเสถียรภาพเศรษฐกิจถึง 3 หมื่นล้านยูโร ซึ่งข้อเสนอนี้ได้รับกาiสนับสนุนจากพรรค SPD เช่นกัน
หลังจากการประชุม 2 วันเต็มในสัปดาห์ที่ผ่านมาของคณะรัฐมนตรีที่เมือง Meseberg ความไม่ลงรอยกันในเรื่องของการควบคุมราคาพลังงานปรากฎเด่นชัด ในฝากฝั่งของฝ่ายบริหารเองนั้นยังคงมีความเห็นที่ไม่ตรงกัน นายกรัฐมนตรี นาย Olaf Scholz ที่มาจากพรรค SPD เองยังมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับการอุดหนุนราคานี้และเป็นที่แน่นอนว่า ฝ่ายเสรีนิยมในรัฐบาล อย่างนาย Chirstian Lindner รัฐมนตรีกระทรวงการคลังหัวหน้าพรรค FDP ที่ไม่เห็นด้วยกับแผนข้างต้นและได้แย้งว่า “เราควรที่จะทำให้พลังงานนั้น มีราคาที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน โดยการลดภาษีต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แทนที่จะใช้เงินงบประมาณอุดหนุนเพื่อคนกลุ่มเดียว”
ในการปกป้องแผนการของตัวเอง นาย Robert Habeck ยืนกรานว่า การควบคุมราคาโดยการอุดหนุนราคานั้น มีความจำเป็นและต้องทำให้ได้เร็วที่สุด ยิ่งทำเร็วเท่าไหร่ จะทำให้ราคาตกลงเร็วเท่านั้น และจะทำให้การใช้เงินอุดหนุนลงได้
ทางเลือกอื่นในการควบคุมราคาพลังงาน
การผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานนิวเคลียร์ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งเพื่อเป็นทางเลือกในการควบคุมราคาอย่างไรก็ตามปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังงานนิวเคลียร์นั้นเป็นส่วนน้อยหรือเพียงร้อยละ 6 เท่านั้นจากการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ซึ่งไม่อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาโดยรวมได้อย่างเพียงพอ ประกอบกับต้นทุนทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่สูง ทำให้การกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แทบจะเป็นไปไม่ได้
ความคิดเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์
เหล่านักเศรษฐศาสตร์นั้นต่างก็มีความเห็นที่แตกต่างเหมือนกับในคณะรัฐมนตรีส่วนหนึ่งของนักเศรษฐศาสตร์เห็นว่า หลายบริษัทคงประสบปัญหาด้านต้นทุนอยู่แล้ว ในขณะเดียวกัน พลังงานราคาถูกนั้นก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม กลับกันเหล่านักเศรษฐศาสตร์ที่ไม่เห็นด้วยและเห็นการอุดหนุนราคานั้นเป็นเพียงการรักษาอุตสหกรรมแบบดั้งเดิมเอาไว้ทั้งยังจะทำให้ราคาพลังงานสำหรับครัวเรือนและผู้ประกอบการรายย่อยแพงขึ้น เนื่องกลุ่มอุตสาหกรรมที่ใช้พลังงานมากเหล่านี้จะต้องการพลังงานมากขึ้นอีกและผลักภาระด้านต้นทุนไปยังราคาที่เพิ่มขึ้นเช่นเดิม
ความคิดเห็นของเหล่าสมาคมธุรกิจ
แม้ว่าจะมีบางสมาคมธุรกิจที่ยังคงไม่เห็นกับนโยบายอุดหนุนราคาพลังงาน แต่สมาคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่นั้นกลับสามารถรวมตัวกันเหนียวแน่นและสนับสนุนนโยบายอุดหนุนราคาพลังงานสำหรับอุตสาหกรรม โดยอ้างว่านโยบายนี้จะสามารถสนับสนุนอัตราการจ้างงานได้ถึง 1.1 ล้าน ตำแหน่งในกว่า 8,000 บริษัท ในทางกลับกัน สมาคมธุรกิจบางแห่งอย่างสมาคมธุรกิจครอบครัวเห็นว่านโยบายนี้เป็นการสร้างการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมสำหรับพวกเขาและเห็นว่าการทำให้พลังงานถูกลงสำหรับทุกคนน่าจะเป็นนโบายที่เป็นธรรมมากกว่า
ที่มา: www.TAZ.de