อัตราการขยายตัว GDP ของสินค้าประเภท FMCG เติบโตสูงสุดในรอบทศวรรษ

อัตราการขยายตัวของอุตสาหกรรมสินค้า FMCG (Fast-Moving Consumer Goods) ซึ่งรวมไปถึง ผลิตภัณฑ์ซักผ้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป คุกกี้และบิสกิต อาหารเช้าซีเรียล และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น เติบโตแซงหน้าอัตราการขยายตัวในรอบทศวรรษที่ผ่านมา เนื่องมาจากการเจาะตลาดชนบทและนวัตกรรมของกลุ่มสินค้าดังกล่าวที่ส่งเสริมให้ปริมาณการเติบโตเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ Kantar ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดชั้นนำของโลก ได้จำแนกสินค้า 14 ประเภท อยู่ในกลุ่มดาวรุ่ง (Stars) ที่มีอัตราการเติบโตของการบริโภคเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของอัตราการเติบโตของ GDP ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (เทียบฐานปี 2557) แบ่งเป็น

  • กลุ่มสินค้าประเภทอาหาร มีสินค้าดาวรุ่ง 6 รายการ ประกอบด้วย บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซอสและซอสมะเขือเทศ คุกกี้และบิสกิต น้ำอัดลมบรรจุขวด อาหารเช้าซีเรียล และเครื่องเทศ
  • กลุ่มสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร มีสินค้าดาวรุ่ง 8 รายการ ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์ซักผ้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดห้องน้ำ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดภาชนะ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเส้นผม ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขลักษณะ ผลิตภัณฑ์คลายปวดเมื่อย และยาฆ่าแมลง

โดยระบุว่า ผลิตภัณฑ์ซักผ้าเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในเชิงปริมาณในรอบทศวรรษที่ผ่านมา

นอกจากนี้ Kantar ยังได้จัดรายการสินค้าที่มีอัตราการขยายตัวเทียบเท่าหรือต่ำกว่า 1.5 เท่าอัตราการเติบโตของ GDP ไว้ในกลุ่มที่เรียกว่าผู้ไล่ตาม (Chasers) อาทิ ครีมบำรุงผิว สบู่ นม ยาสีฟัน แป้งฝุ่น วุ้นเส้น และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย อย่างไรก็ดี จากอัตราการเติบโตในพื้นที่ชนบท ความสำเร็จจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ และนวัตกรรม ล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความต้องการสินค้าเพิ่มมากขึ้น และอาจทำให้กลุ่มไล่ตามสามารถพัฒนาเป็นกลุ่มดาวรุ่งในระยะต่อไปได้

สำหรับปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนการขยายตัวของสินค้าประเภท FMCG ได้แก่ รายได้ที่เพิ่มขึ้น ไลฟ์สไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป มีการรับรู้ถึงสินค้าเพิ่มขึ้น และการเข้าถึงสินค้าที่ง่ายขึ้น รวมไปถึงแนวโน้มของผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืนที่เริ่มส่งผลและมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค โดยกลุ่มสังคมเมืองจะเป็นกลุ่มที่ครองสัดส่วนตลาดเป็นหลัก แต่กลุ่มสังคมกึ่งเมืองกึ่งชนบท และกลุ่มชนบทก็มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา

โดย K Ramakrishnan ผู้จัดการภูมิภาคเอเชียใต้ของ Kantar Worldpanel กล่าวว่า “หากมองกลับไปในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าอัตราการเติบโตของสินค้าประเภท FMCG จะเติบโตน้อยกว่าอัตราการเติบโตของ GDP มาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม จะมีเพียงสินค้าบางรายการที่เป็นข้อยกเว้น และอะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ประเภทสินค้าเหล่านี้มีแนวโน้มและเติบโตในพื้นที่ชนบทได้ดี ก็คือ นวัตกรรม ความสัมพันธ์ของรายได้ที่เพิ่มขึ้นของลูกค้าและรายได้หลังหักภาษี และความสามารถในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล อย่าง Swachh Bharat หรือ Clean India เป็นต้น

นอกจากนี้ ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ความต้องการการบริการด้านอาหารในอินเดียเนื่องจากกลุ่มเยาวชนที่อาศัยในบริเวณเขตเมืองมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น ประชากรอินเดียส่วนมากอยู่ในกลุ่มหนุ่มสาววัยทำงาน และด้วยข้อจำกัดทางด้านเวลา พฤติกรรมไลฟ์สไตล์และวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป จึงส่งผลให้มีความต้องการจำนวนมากและทำให้กลุ่มสินค้าประเภท FMCG ซึ่งหาได้ง่ายในรูปแบบของบรรจุภัณฑ์และรสชาติที่แตกต่างกันมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น

กลุ่มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นับเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะเห็นผู้เล่นรายใหม่ๆ ในตลาดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีนวัตกรรมของการพัฒนารสชาติ โดยล่าสุดรสชาติที่กำลังได้รับความนิยม คือ รสชาติแบบเกาหลี ด้านการเติบโตของสินค้าประเภทคุกกี้และบิสกิต Mayank Shah หัวหน้าแผนกอาวุโสของบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ Parle กล่าวว่า สินค้าประเภทนี้สามารถนำเสนอได้หลากหลายทั้งรสหวานและเค็ม เน้นการนำเสนอคุณค่าหรือคุณประโยชน์ทางกายภาพ เป็นสินค้าอเนกประสงค์ที่สามารถบริโภคได้ในทุกโอกาส บิสกิตมีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 100 รูปีอินเดียต่อกิโลกรัม ไปจนถึง 1.2 เหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้กลุ่มคนทุกระดับสามารถซื้อหาได้ นอกจากนี้ยังมีอายุเก็บได้นานเหมาะกับพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลของประเทศ

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าภาคธุรกิจ FMCG ในอินเดียจะยังเติบโตมากขึ้นในปีถัดไปจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ภายหลังหักภาษี การเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์ และการบริโภคสินค้าอาหารในรูปแบบบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าธุรกิจประเภทนี้จะมีการแข่งขันสูง แต่ยังดึงดูดโอกาสในการลงทุนได้ดีเนื่องจากมีศักยภาพในการเติบโตสูง

สำหรับ 10 บริษัทชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจ FMCG ของอินเดียในปี 2566 ประกอบด้วย 1. Hindustan Unilever Limited (HUL) 2. ITC Limited 3. Nestle India Limited 4. Varun Beverages Limited (VBL) 5. Britannia Industries Limited 6. Godrej Consumer Products 7. Dabur India Limited 8. Tata Consumer Product 9. United Spirits และ 10. Marico ซึ่งจัดอันดับจากการครองส่วนแบ่งทางการตลาด โดย Forber India (ข้อมูล ณ วันที่ 4 ธ.ค. 66)

ความเห็น สคต. ณ เมืองเจนไน

ปัจจุบันอินเดียเป็นตลาดที่มีประชากรวัยหนุ่มสาวจำนวนมากที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีกลุ่มประชากรชนชั้นกลางจำนวนมาก ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมอย่างรวดเร็ว ทำให้ผู้บริโภครุ่นใหม่หันมาเลือกซื้อสินค้าหรืออาหารที่อยู่ในรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้สามารถใช้งานได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ต่างจากในอดีตที่นิยมซื้อของหรือสินค้าสดเพื่อทำกับข้าวด้วยตัวเอง ในอนาคตจึงมีความเป็นไปได้ว่าสินค้า FMCG รวมถึงสินค้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันจะมีแนวโน้มได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น สะท้อนให้เห็นการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดสินค้า FMCG นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังเริ่มให้ความใส่ใจในการเลือกซื้อของโดยคำนึงถึงความมีคุณภาพมากกว่าปริมาณมากขึ้น ทำให้สินค้าแบรนด์เป็นที่ต้องการ ดังนั้น สินค้าไทยในกลุ่ม FMCG ที่มีนวัตกรรม หรือสินค้าที่อำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ใช้ได้ง่ายและรวดเร็ว จึงมีโอกาสขยายตัวได้ดีในตลาดอินเดียในอนาคต อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายตลาดในอินเดียควรสร้างการรับรู้ด้านแบรนด์ให้แข็งแกร่ง สร้าง Brand Awareness และทำให้ผู้บริโภคเกิด Brand Loyalty ต่อสินค้าเพื่อให้สามารถครองส่วนแบ่งทางการตลาดของอินเดียได้อย่างยั่งยืนต่อไป

แหล่งที่มา:

  1. Business Line: How Certain FMCG categories outstripped GDP growth over a decade – December 16, 2023.
  2. Forber India – A report on Top 10 FMCG companies in India by market cap – December 4, 2023.

Groww Report – FMCG Industry in India – December 5, 2023.

en_USEnglish